ตอนที่ 22 ภาค ต่อ
ตอนที่ 22 ภาคต่อ ...
“ไปเอาโทรศัพท์ของ เย่หลิง! มา”
เย่ฮั่วกัวพูดด้วยความโกรธ.
ไม่นานก็มีคนหยิบโทรศัพท์มือถือของ เย่หลิง มาให้
หลังจากที่ เล้งเฉียวหลิง เปิดภาพของ ไป๋หยุนเซียว ..เย่ฮั่วกัว และ เย่ชิงเฉิง ก็อุทานขึ้นมาพร้อมกัน :
“เป็นเขาใช่หรือไม่.... ?”
คราวนี้ ทั้งห้องก็พากันสับสน
“เป็นไปไม่ได้ จะเป็นเขาได้อย่างไร” เย่ชิงเฉิง บ่นพึมพำในปากของเขา
... ดวงตาของ เย่ฮั่วกัว ฉายแววอาฆาตขึ้นมาทันที..
“เขาเด็กมาก การฝึกฝนเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะมีปรมจารย์อยู่เบื้องหลังเขาจริงๆ จนเขาฝึกฝนสำเร็จและได้เป็นปรมาจารย์แดนจิน อีกด้วย!”
แต่แล้ว เย่ฮั่วกัว ก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาและหลานสาวของเขาได้ทำร้าย ไป๋หยุนเซียวในตอนกลางวัน และจากนั้น หลานชายของเขาก็ถูกปรมจารย์แดนจินของอีกฝ่ายฆ่าตายในตอนกลางคืน..
“ไป๋หยุนเซียว อยู่ที่ไหน?”
หากเย่ฮั่วกัวต้องการล้างแค้นให้หลานชายของเขา ถึงแม้เขาจะไป๋หลี่หยุนเซียว ได้ก็ตาม ปรมจารย์ แดนจิน เขาจะเป็นคนมาฆ่าพวกเรา และปรมจารย์แดนจินจะไม่ยอมแพ้ แต่จะมีนักฆ่าเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน ตระกูลเย่ จะสามารถต้านทานความโกรธของปรมาจารย์ แดนจินได้หรือไม่
ยิ่งเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นัยน์ตาอาฆาตก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ในที่สุดก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจยาว..
“อ่า … ลืมมันไปสะเถอะ..ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกในอนาคต แต่ฉันจะประกาศว่าให้ทุกคนรู้ว่า เย่หลิง ป่วย ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวกะทันหัน!”
“พ่อ.. ทำไม” เสียงพึมพำ มาจากประตู
เย่กวงกุน พ่อของ เย่ ลิง และ แม่ของเย่หลิง หลีมู่ชิง ก็รีบเข้ามาจากด้านนอก
"ลูกชายของฉัน!"
หลีมู่ชิง รีบวิ่งไปที่ร่างของ เย่หลิง แล้วร้องไห้โฮออกมา
เย่กวงกุน ยืนจ้องเย่ฮั่วกัวอย่างโกรธเคือง..
“เย่หลิง ใช่หลานชายของคุณหรือไม่ ทำไมคุณถึงประกาศว่าเขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายกะทันหัน?..ใคร...ใครเป็นคนฆ่าเขา...?”
เย่ฮั่วกัว โกรธมาก..
“..หยุด..มันต้องการให้ครอบครัวตระกูลเย่ของฉันหายไปจากโลกนี้เลยเหรอ?”
..เย่กวงกุน สงบนิ่ง และพูดไม่ออก..
“ต่อไป.. อย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีก พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปโรงเรียนเพื่อตามหาไป๋หลี หยุนเซียว ถ้าฉันพบมัน ฉันจะชำระบาปด้วยตัวของฉันเอง!”
“เย่ ฮั่วกัว. อาฆาตเป็นอย่างมาก”
“คุณปู่?”
เย่ชิงหลิงขมวดคิ้ว ! ดวงตาของเธอดูเหมือนจะมีข้อสงสัย และคนอื่นๆก็เช่นกัน..
“คนที่ฆ่า เย่หลิง ไม่ใช่ ไป๋หลีหยุนเซียว เขาไม่มีความสามารถนั้น แต่หน้าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเขามากที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นเจ้านายของเขามากที่สุด ก่อนที่จะสืบสวนสถานการณ์ของเจ้านายของเขา แต่ตอนนี้ไม่มีใครสามารถไปถามไป๋หลี่หยุนเซียวได้ มิฉะนั้น ฉันจะขับไล่เขาออกจากบ้านพักของตะกูลเย่ ก่อน ไม่เช่น มันจะส่งผลกระทบต่อพวกเราทุกคน!” เย่ฮั่วกัวตัดปัญหาออกก่อน..
“พ่อ... ทำไม? ทำไม...เย่หลิงเป็นหลานชายของคุณน๊ะ เขาได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว ทำไมคุณไม่เพียงล้างแค้นให้เขา แต่ยังขอโทษสาวกของศัตรูอีกด้วย? ลูกชายที่น่าสงสารของฉัน!” หลีมู่ชิง แม่ของ เย่หลิง ร้องไห้อีกครั้ง
เธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง และเธอไม่ได้คิดถึงปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่มีพลังมากกว่า ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความกลัวในบ้านของตระกูลเย่!..
“หุบปาก!.. ถ้าแกไม่ปกป้อง แกก็ต้องโกรธเย่หลิง ที่ไปทำร้ายครอบครัวของไป๋หยุนเซียว ด้วยเหตุนี้ เย่หลิง จึงถูกฆ่า และ เย่หลิง ก็พิการขาขาดทั้งสองข้างอยู่แล้ว ทำไมในตอนที่พวกเขา เข้ามาอยู่ในบริษัท แล้วทำไม ไม่ฆ่ามันเสียก่อนตั้งแต่ตอนนั้น แล้วตัดรากถอนโคนทิ้งไปเสียล่ะ?..ทิ้งอันตรายที่ซ่อนเร้นไว้มากมายให้กับครอบครัว? เรื่องนี้ไม่ต้องถามซ้ำ ฉันมีตำแหน่งเป็นของตัวเอง!”
..เย่ฮั่วกัว ดูโกรธและเดินจากไป..
.. เย่ชิงเฉิง ตามมาติดๆ!..
..ตระกูลเย่ ที่เหลือต่างก็ถอนหายใจแล้วแยกย้ายจากกันไปเช่นกัน..
แต่ เย่กวงกุน กับ หลีมู่ชิง ยังไม่ได้จากไปไหน ยัง เฝ้าดูร่างที่ไร้ลมหายของลูกชายและร้องไห้อย่างคร่ำครวณต่อไป
หลังจากร้องไห้เป็นเวลานาน หลีมู่ชิง ก็รู้สึกไม่พอใจ เย่กวงกุนขึ้นมา...
“เย่กวงกุน คุณจะล้างแค้นให้ลูกชายของคุณหรือไม่?”
“ถ้าคุณไม่ล้างแค้น ฉันจะไปหาคนที่จะฆ่าอาจารย์ของ ไป๋หยุนเซียว ด้วยตัวเอง ตราบใดที่ฉันมีลมหายใจ”หลี มู่ชิง จะทำให้ สมาชิกในครอบครัวของไป๋หลีหยุนเซียว ทั้งสามคนตายเช่นกัน!
จากนั้น เย่กวงกุน กัดฟันแล้วตอบกลับว่า..
“มั่นใจได้เลย ความเกลียดชังของลูกชายข้า ข้าจะจัดการด้วยข้าเองอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่ครอบครัวของ ไป๋หยุนเซียวที่กำลังจะตาย แต่เจ้านายของไป๋หยุนเซียว ก็กำลังจะตายด้วยเช่นกัน!”
“ไป๋หยุนเซียว ในเวลานี้กำลังเดินทางกลับบ้าน!”
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตันเทียนซึ่งมีรัศมีแสงเหลืออยู่เพียง 7,000 จุด เขาจึงทำได้เพียงแต่ยิ้มอย่างขมขื่น.. “ซึ่งดูเหมือนว่าข้ายังต้องพักผ่อนให้มากกว่านี้ แต่ผ้าไหมจิตวิญญาณชิ้นนั้น ที่ข้าใช้เวลาค่อนข้างนานในการควบแน่น หลังจากที่ใช้ในการต่อสู้แล้ว มันจะไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกต่อไป ซึ่งตอนนี้ ข้าได้กลายเป็นศิษย์จิตวิญญาณอีกครั้งแล้ว!”
“หากคุณสามารถไปถึงระดับของปรมาจารย์จิตวิญญาณได้ในอนาคต คุณก็สามารถมีวิญญาณนับพันในออร่าเดียว และกำจัดคู่ต่อสู้บางส่วนได้ มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ทุกอย่างก็คุ้มค่า ตอนนี้ เย่หลิง ก็ตายไปแล้ว ดังนั้น ชะตากรรมของพ่อแม่ของฉันและฉันจะต้องถูกเขียนขึ้นใหม่!”
..อย่างไรก็ตาม สถานที่นั้นก็ไม่สามารถเข้าไปฝึกฝนได้อีกต่อไป เพราะหนึ่ง คือการหลีกเลี่ยงความสนใจของตระกูลเย่ อีกประการหนึ่ง เป็นเพราะออร่าในสถานที่นั้น ถูกฉันดูดกลืนไปหมดแล้ว ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และฉันต้องไปหาที่อื่น!..
“แต่ตอนนี้ ควรให้ตระกูลเย่ ได้หยุดทำใจซักพักก่อน?”
“ พวกเขาจะสามารถตรวจสอบหาสาเหตุการตายของ เย่หลิงได้หรือไม่? แต่ถึงแม้จะรู้ว่าใครเป็นฆาตรกร แล้วจะทำอย่างไร? แต่ฉันได้เก็บเส้นใยที่ใช้ในการฆ่า เย่หลิง ที่ค้างอยู่ในหัวของเขา ออกมาหมดแล้ว มันคงจะสามารถยื้อเวลาพวกเขาได้ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะมาจัดการกับฉัน พวกเขาไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของฉัน”
“เพียงแค่เราต้องหาวิธีรวบรวมหลิงกวง เข้าสู่ หลิงซี โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา หากเราเผชิญหน้ากับนักรบที่ระดับสูงกว่า!”
ขณะที่ไป๋หยุนเซียวเดิน เขาก็ใช้ ดวงตาแห้งจิตวิญญาณอีกครั้งเพื่อมองไปรอบๆ โดยหวังว่าจะพบสถานที่บางแห่งที่มีแสงออร่าที่เข้มข้นมากกว่านี้
..........
..กลางคืนของเมืองก็ไม่ต่างจากกลางวัน เนื่องจากมีแสงไฟสว่างไสวของร้านค้าทั้งสองข้างทางยังเปิดอยู่..
แต่เมื่อเขาเดินผ่านร้านขายของเก่า ทันใดนั้นเขาก็พบว่ามีของในนั้นที่เปล่งประกายของแสงออร่า แม้ว่าปริมาณออร่าจะไม่สามารถเทียบได้กับจี้หยกของ เย่ชิงเฉิง แต่ก็ยังมีแสงออร่าสามถึงสี่พันจุด
"ของดีๆทั้งนั้น!"
..ไป๋หยุนเซียว ก้าวเข้าไปในร้านโดยไม่ลังเล..
เมื่อมองแว๊บแรก เจ้าของร้านดูมีความสุขมากเมื่อเห็นแขกเข้ามา แต่เมื่อเขาพบว่าไป๋หลี่หยุนเซียวเป็นเพียงชายหนุ่มที่แต่งตัวธรรมดาๆคนหนึ่ง เขาก็รู้สึกผิดหวังมาก เพราะเขาทำธุรกิจมาช้านาน เขาจึงรู้ว่าใครซื้อได้ ใครซื้อไม่ได้
..ง่ายๆ คือไม่มีเหตุผลที่จะต้องสนใจไป๋หยุนเซียวและปล่อยให้ ไป๋หยุนเซียว หาของในร้านเอาเองไป..
ไป๋หยุนเซียว ไม่สนใจทัศนคติ ของเจ้าของร้านที่มีต่อตัวเอง เมื่อมองไปทางซ้ายและขวา ดวงตาของเขาก็สะดุจไปที่วัตถุ ชิ้นหนึ่ง
นั่นคือกาน้ำชาที่ไม่ได้เด่นมากอะไร ซึ่งหล่อจากทองเหลือง และมีแสงออร่ากระจายอยู่ในผนังด้านในของกาน้ำชา
“กาน้ำชานี้หน้าจะเคยใช้แช่ชาดีๆ มาก่อน แม้กระทั่งชาแห่งจิตวิญญาณ และเมื่อเวลาผ่านไป ออร่าที่อยู่ในชานั้นจะหลอมรวมเข้ากับกาน้ำชานี้ด้วย!”
“ไป๋หยุนเซียว ได้วิเคราะห์เหตุผลแล้ว!”
แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาไม่มีสายใยแห่งจิตวิญญาณแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะดูดซับแสงจากจี้หยกได้อย่างรวดเร็ว!
ซึ่งตอนนี้ ไป๋หลีหยุนเซียวสามารถทำได้เพียงหยิบกาน้ำชา แล้ววางบนมือไว้บนผนังกาน้ำชา เพื่อสัมผัสถึงแสงออร่าในกาน้ำชา จึงจะทำให้เขา ค่อยๆ ดึงดูดแสงออร่าเข้ามาสู่ ตันเถียรของเขาได้
แต่หลังจากเวลาผ่านไปนาน เจ้าของร้านก็ไม่พอใจเขา และถามอย่างหมดความอดทนว่า
“คุณจะซื้อมันไหม? ถ้าไม่ซื้อก็อย่าหยิบสิ่งของเหล่านั้น!”
ไป๋หยุนเซียว ยังคงถือกาน้ำชาและถามว่า..
“เจ้านาย ค่ากาน้ำชานี้ราคาเท่าไหร่?”
“18,000 หยวน กาน้ำชานี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับศตวรรษ!” เจ้าของร้านตอบ
..ไป๋หลีหยุนเซียว.. กลอกตาไปมา..
“ถ้าเป็นคนรู้จักสินค้า กาน้ำชานี้ราคาหนึ่งร้อยสิบแปดล้านก็ไม่มีปัญหา เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร้านนี้ไม่ทราบถึงคุณค่าของกาน้ำชานี้ แต่ถึงจะมีราคาแค่ หนึ่งหมื่นแปดพัน หยวน เขาก็ไม่สามารถจ่ายมันได้!”
“ฮ้า.. ฮ้า...ขำตัวเอง”
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ไป๋หยุนเซียวก็หยิบสร้อยคอของ เย่ชิงเฉิง ออกจากกระเป๋าและพูดว่า ..
“เจ้านาย ฉันเอาสร้อยคอเพชรของฉัน ฝากไว้กับคุณ แล้วฉันจะเอากาน้ำชานี้ไปหนึ่งวัน แล้วค่อยคืน แล้วฉันจะให้เงินคุณหนึ่งร้อยเหรียญในตอนนั้น ว่ายังไง?”
เจ้าของร้านชะงัก รีบลุกขึ้น จ้องสร้อยคออย่างระมัดระวัง ร่างกายของเขาเริ่มสั่น เขาสามารถเปิดร้านขายของเก่า ร้านไหม่ได้เลย เพชรในสร้อยนั้นเป็นของจริงหรือของปลอมก็ยังไม่รู้ แต่เพียงแค่เฉพาะจี้หยกอย่างเดียวก็มีมูลค่าหลายแสนหยวนแล้ว
แต่ไม่นานเขาก็ละสายตาไป เงยหน้าขึ้นลงมองไปที่ ไป๋หยุนเซียว แล้วถามว่า..
“เจ้าสิ่งนี้เป็นของเจ้าหรือ?”
“สิ่งที่ฉันเอาออกมานั้นเป็นของฉัน!” ไป๋ หลีหยุนเซียวพูดอย่างใจเย็น
“คุณแน่ใจหรือว่าต้องการนำสิ่งนี้ให้ไว้กับฉัน” เจ้าของร้านถาม..
“ไป๋หลี่ หยุนเซียว พยักหน้า..งึกๆ...”
“เพียงวันเดียว บางทีอาจคืนเดียวเท่านั้น กาน้ำชาของคุณให้ฉันเอาไป เพราะฉันชอบมันมากกว่า แต่ฉันต้องหาคนมาตรวจสอบความถูกต้องของมันก่อน!”
เจ้าของร้านรับสร้อยคอจากมือของไป๋หลี่ หยุนเซียว
จากนั้น เขาตกตะลึงเมื่อใช้แว่นขยายและไฟฉายขนาดเล็กส่องดูที่สร้อยคอ เขายิ่งตกใจมากขึ้นไปอีกเพราะพบว่าสร้อยคอไม่ใช่ของปลอม โซ่ทำมาจากแพลตตินั่ม และ เพชรที่ฝังอยู่ในโซ่นั้นเป็นเพชรชั้นเยี่ยมที่เปล่งประกายอย่างเจิดจ้าภายใต้แสงไฟทั้งหมด
ไม่ต้องพูดถึงจี้หยกนั้น สร้อยเส้นนี้เพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านหยวนแล้ว
“เด็กยากจนคนหนึ่งเอาสร้อยคอราคาแพงแบบนั้นออกมาด้วยมือของเขา คาดว่าเขาจะขโมยหรือฉกมันมาแน่ ๆดังนั้น เขาจะใช้สิ่งนี้เป็นหลักประกัน”
เจ้าของร้านยิ้มเยาะ..
“ได้... คุณเอาสร้อยคอเก็บไว้ที่นี่ก่อน แล้วคุณก็สามารถเอากาน้ำชานี้ไปได้ ไม่ต้องพูดถึงวัน สองวัน แปดวันหรือสิบวัน หรือตราบใดก็ได้ค่อยเอากาน้ำชามาคืน ถ้ามันไม่หายไปไหนสะก่อน!”
“ขอบคุณมาก แต่หวังว่าเจ้าของร้านจะเก็บสร้อยคอของฉันไว้ด้วย!”
“นั่นสินะ!”
… เจ้าของร้านพยักหน้าอย่างเร่งรีบ!..
ไป๋หยุนเซียวรู้สึกพอใจมาก เขาหยิบกาน้ำชาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรกับเจ้าของร้านแม้แต่น้อย แต่ทันทีที่เขาจากไป เจ้าของร้านก็กระโดดขึ้นด้วยความตื่นเต้น..
“ฮ่าฮ่า … ฉันรวยแล้ว เด็กคนนั้น บางทีเขาอาจขโมยหรือเก็บสร้อยคออันล้ำค่าของคนอื่นมาก็ได้ แต่เขาไม่รู้เรื่องสินค้า ตราบใดที่ให้คนอื่นทำสร้อยคอปลอมที่เหมือนกันทุกประการขึ้นมาในคืนนี้ เขาก็ไม่น่าจะรู้ ถึงแม้ว่าเขาจะจำได้ก็ตาม? ถ้าฉันขู่เขาด้วยความตกใจ เขาจะให้ความร่วมมือกับฉันอย่างเชื่อฟังแน่นอน!”
..เพื่อสร้อยคอล้านเหรียญนี้ เขาเต็มใจที่จะก้าวข้ามอุปสรรค!..
..0..00..000..!!!(Y_Y)!!!