ตอนที่ 21 สังหารศัตรู
ตอนที่ 21 สังหารศัตรู
..ไม่นาน ไป๋หยุนเซียวก็มาที่ด้านหลังของวิลล่า เขาแอบฟังเสียงในห้อง แต่พบว่าทั้งสองขึ้นไปชั้นบนแล้ว..
ทันทีที่ ไป๋หลี่หยุนเซียว ยืนขึ้น เขาก็ขึ้นไปที่ระเบียงบนชั้นสอง เมื่อมองผ่านหน้าต่างกระจก เขาพบว่า เย่ หลิงกำลังอุ้ม เล้งเฉียวหลิง และกำลังจูบเขาอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน เสื้อผ้าของทั้งสองก็หลุดลงพื้น พวกเขากอดกันนัวเนีย จนเรือนร่างที่สดใสและงดงามของ เล้งเฉียวหลิง ก็เผยออกมาอย่างเต็มที่ในสายตาของ ไป๋หยุนเซียว
“เหอเหอ … เล้ง เฉียวหลิง เล้งเฉียวหลิง ตอนที่คุณยังอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนมัธยมสเปลนดิด ฉันไม่เชื่อเลยว่าคุณจะชอบผู้ชายขาขาดคนนี้จริงๆ”
“มันคงเป็นเพราะเงินของเขาใช่ไหม? ชาติที่แล้วน่าจะเป็นเช่นนั้น..คุณหน้าอายมากที่เอาเรื่องของฉันมาล้อเล่น ในชีวิตนี้คุณคงจะต้องจบไม่สวยแน่!ๆ”
ในตอนนั้น ไป๋หยุนเซียวเพียงแค่ดีดนิ้ว สายใยไหมที่ควบแน่นมาเป็นเวลานานก็กระแทกเข้าที่หน้าต่างกระจก จนพุ่งเข้ากระแทกกับหัวของ เย่หลิง ที่อยู่ห่างกันเกือบสิบเมตร
เย่หลิง ซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง ก็นอนนิ่งในทันใด
เล้ง เฉียวหลิง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงตบแก้มของ เย่หลิง แล้วตะโกนขึ้น..
“มันเกิดอะไรขึ้น?”
เย่หลิงยังไม่ตอบสนอง เล้งเฉียวหลิง ตะโกนอีกสองสามครั้งและพบว่า เย่หลิง ก็ยังคงนิ่งอยู่ เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากนั้นเธอก็ลองใช้มือของเธอจับจมูกของ เย่หลิงและพบว่า เย่หลิงไม่มีลมหายใจแล้ว
“อา …!!”
เล้งเฉียวหลิง กรีดร้องและกลิ้งออกจากร่างของ เย่หลิง
เสียงกรีดร้องของเธอยังปลุกคนรับใช้ในบ้านพัก และรีบเคาะประตูเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เล้งเฉียวหลิง รีบสวมเสื้อผ้าของเธอและเปิดประตูอย่างกังวล
“..เย่หลิง ตายแล้ว!..”
"อะไร?"
..สาวใช้วัย 40 ถึง 50 ปีตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เพราะเธอเป็นพ่อแม่ของ เย่หลิง ที่เชิญ เย่หลิง มาดูแลเธอเป็นพิเศษ ตอนนี้ เย่หลิง เสียชีวิตอย่างกะทันหัน และเธอก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น..
ในเวลานี้ ไป๋หยุนเซียวก็ได้ หนีล่องลอยไปแล้ว
ไม่กี่นาทีต่อมา สมาชิกในครอบครัวตระกูลเย่ ที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ ก็รีบเข้ามาที่บ้านพัก รวมทั้ง เย่ฮั่วกัว และ เย่ชิงเฉิง
เมื่อ เย่ฮั่วกัว ก้าวเข้ามาในห้องแล้วตรวจสอบร่างกายของ เย่หลิง แล้วเขาก็จ้องไปที่ เล้งเฉียวหลิง อย่างเย็นชา ซึ่งทรุดตัวลงนั่งอยู่ที่ผนังห้อง..ในสภาพผมตั้งกระเซอะกระเซิง..
"มันเกิดอะไรขึ้น?" เย่ฮั่วกัวถาม..
เย่หลิง เคยเป็นหลานชายคนโปรดของเขา หลังจากสูญเสียขาไปเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาก็สูญเสียความหวังในตัว เย่หลิง และยังกีดกัน เย่หลิงและพ่อแม่ของเขาออกจากหางเสือของตระกูลเย่ ในอดีต
นี่คือเหตุผลที่พ่อแม่ของ เย่หลิง ให้สนับสนุนครอบครัว ไป๋หยุนเซียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เล้งเฉียวหลิง ตัวสั่นจนพูดติดอ่าง..
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จริงๆ ตอนแรกเขาก็อยู่ปรกติแต่พอมีเสียงดังเท่านั้น เขาก็เป็นแบบนี้ทั้นที!”
“เสียงดัง.....!”
"มันเป็นไปไม่ได้. แม้ว่า เย่ หลิงจะสูญเสียขาไป แต่เขายังได้รับการตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เขาไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไรเลย”
“คุณฆ่า....เขาเหรอ!” เย่ ฮั่วกัวพูดอย่างโกรธเคือง
ถึงแม้ว่า เย่หลิงจะไม่มีความสามารถอีกต่อไป นั่นคือตระกูลเย่ แต่ในอนาคตเขาก็ยังสีบทอดเชื้อสายของตระกูลได้ แต่หากเขาตายในวันนี้ ตระกูลเย่ ในอนาคตจะเท่ากับการสูญเสียคนสำคัญไป ซึ่ง เย่ฮั่วกัว ไม่สามารถยอมรับได้
เย่ ชิงเฉิงขมวดคิ้ว เพราะเธอกับเย่หลิง เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องกัน และไม่มีความรู้สึกอะไรระหว่างพวกเขามากนัก
ดังนั้น นอกจากการเสียชีวิตของ เย่หลิงที่น่าตกใจแล้ว เธอก็ไม่ได้เศร้าเกินไป..
“คุณปู่ใจเย็นๆ ให้หมอหลิวตรวจสอบก่อน!”
เย่ฮั่วกัว พยักหน้า..
“พ่อแม่ของ เย่ หลิง รู้เรื่องนี้แล้วยัง?”
“ลุงกับป้าได้แจ้งไปแล้ว พวกเขากำลังเดินทางมา!” เย่ ชิงเฉิงพูดขึ้น
“งั้นก็ขอให้หมอหลิวมาดูก่อนแล้วกัน!”
เย่ฮั่วกัว จ้องไปที่ เล้งเฉียวหลิง อีกครั้งแล้วหันหลังออกจากห้อง
“คุณปู่ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”
“ล็อคไว้ก่อน!”
“แต่เธอยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่เลย !” เย่ ซิงเฉิงขมวดคิ้ว
“แล้วไง....? จนกว่า จะรู้เรื่องการตายของ เย่หลิง นางจะไปไหนไม่ได้!”
...เย่ ชิงเฉิง พยักหน้า ....
แต่ยี่สิบนาทีต่อมา ชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามา ซึ่งเขาเป็นแพทย์ประจำของ เย่ฮั่วกัว ที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ หลังจากเข้าไปในบ้าน เขาก็เริ่มตรวจสอบร่างของ เย่หลิง ทันที
หลังจากตรวจดูเป็นเวลานาน หมอหลิว ก็มองหาสาเหตุการตายไม่ได้เช่นกัน แต่ทำได้เพียงพูดแนะแนวทางเท่านั้น..
“เย่ฮั่วกัว ฉันขอแนะนำให้เอา ศพของ เย่หลิง ไปชันสูตรพลิกศพให้เรียบร้อย และต้องตรวจเลือดของเขาด้วย !”
เย่ ฮั่วกัว ถอนหายใจและโบกมือลา..
“เดี๋ยวรอจนกว่าพ่อแม่ของเขามาก่อน!”
หมอหลิว พยักหน้า แล้วนั่งยอง ๆ ต่อหน้า เล้งเฉียวหลิง แล้วถามว่า..
“สาวน้อย ลองคิดดู มันเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้น? ทำไม เย่หลิง ถึงตายอย่างกะทันหันอย่างนั้นได้อย่างไร? คุณตอบสนองตัณหาก่อนตายหรือไม่? ?”
เล้งเฉียวหลิง ส่ายหัว..
“ใม่...แต่พอมีเสียงดังเท่านั้นแหละ เขาก็เป็นแบบนี้ทันที่”
“โอ้…!!!”
“สาวน้อย ใจเย็นๆ และไม่ต้องกังวล การตายของ เย่หลิงไม่เกี่ยวข้องกับคุณ แต่คุณควรคิดเกี่ยวกับมันแล้วบอกฉันถึงสถานการณ์ในขณะนั้น ถ้าคุณอาย คุณสามารถคุยกับคุณ เย่ชิงหลิง ได้!
“หมอหลิวใจดีและอ่อนโยนเหมือน ผู้อาวุโส”
ในที่สุด เล้งเฉียวหลิง ก็สงบลงอย่างช้าๆ
เย่งชิงเฉิง ก็เข้ามาเคียงข้างเธอแล้วมองดูเธออย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีการกดขี่ข่มเหง
เล้ง เฉียวหลิง ใช้เวลานานกว่าจะพูดขึ้น..
“ดูเหมือนว่าฉันจะได้ยินเสียงบางอย่าง!...ปัง...ฉันตกใจ ซึ่งฟังดูเหมือนจะมีเสียงมาจากหน้าต่าง แต่ฉันไม่ได้สนใจในตอนนั้น และเย่หลิง ก็ไม่ขยับ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงต่อ!”
..เล้งเฉียวหลิง มองไปที่หน้าต่าง..
สายตาของทุกคนก็มองไปที่หน้าต่าง และเย่ฮัวกัว ก็เข้ามา เขาเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองอย่างระมัดระวัง
ในไม่ช้า เขาก็สังเกตเห็นว่ามีรูเล็กๆ คล้ายรูเข็มที่หน้าต่างกระจก ซึ่งมีเศษกระจกบางๆอยู่ใต้หน้าต่าง
"ฮะ....?"
เย่ฮั่วกัว เป็นปรมาจารย์แห่งความมืด เมื่อมองแวบแรก..
“ฉันเดาว่าอาจมีใครบางคนอยู่นอกหน้าต่างและใช้อาวุธซ่อนรูปเข็มเพื่อฆ่า เย่หลิง”
จากนั้น เขาก็รีบไปด้านข้างของ เย่หลิงแล้วตรวจสอบอีกครั้ง ในที่สุด ด้วยไฟฉายในมือของหมอหลิว เขาได้ทำการเปิดผมของ เย่หลิง และในที่สุดก็เห็นรอยเลือดสีแดงเล็กน้อย ที่ด้านข้างหัวของ เย่หลิง
“อาจจะเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ที่มาลอบสังหาร เย่หลิงหรือไม่?” เย่ ฮั่วกัวสันนิษฐาน
จากนั้น เย่ฮั่วกัว ก็มองไปที่ส่วนที่เหลือของหัวของ เย่หลิงและพบว่าไม่มีบาดแผลเหลืออะไร แล้วหมอหลิว ก็มองเข้าไปในหัวของเย่หลิงอีกครั้ง เพื่อดูว่ามีอาวุธรูปเข็มอยู่ในหัวของเขาหรือไม่!
ขณะนั้นทุกคนก็ออกจากห้องนอนพร้อมกัน บอดี้การ์ดของตระกูลเย่ ได้ยกร่างที่ไร้วิญญาณของ เย่หลิง เพื่อไปตรวจพิสูจน์ที่วิลล่าหลังเล็กอีกหลัง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของครอบครัวตระกูลเย่ ซึ่งอุทิศให้กับสมาชิกของตระกูลเย่ ซึ่งที่มีเครื่องจักรทางการแพทย์ครบทุกชนิดที่เป็นอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
..แต่อีกสิบนาทีต่อมาผลลัพธ์ก็ออกมา พวกเขาไม่พบสิ่งใดในตัวของ เย่หลิง เลย..
เมื่อ เย่ ฮั่วกัวได้ฟังผลพิสูจน์ที่ออกมา หัวใจของเขาสั่นสะท้าน ใบหน้าของเขาดูเครียดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็แสดงท่าทางฉุนเฉียวกลัวด้วยความโกรธ..
“ไปพาผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันที!”
ในไม่ช้า เล้งเฉียวหลิง ก็ถูกนำตัวเข้ามา
“หลังจาก เย่หลิง ตาย มีใครเข้ามาในห้องไหม?” เย่ฮั่วกัว ถาม
เล้งเฉียวหลิง ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว..
“ไม่.. ประตูห้องถูกปิดไว้จากข้างใน ป้าจางอยู่นอกประตู และหน้าต่างก็ถูกล็อคเช่นกัน ดังนั้นบุคคลภายนอกจะไม่สามารถเข้ามาไม่ได้!”
เย่ฮั่วกัว สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพึมพำในปากของเขา ..
"จะเป็นปรมจารย์แดนจิน ที่มาฆ่า เย่หลิงหรือไม่"
“คุณปู่ แดนจิน เป็นยังไง” เย่ ชิงเฉิงสงสัย...
เย่ฮั่วกัว ก็ถอนหายใจแล้วพูดบอกว่า..
“ พลังงานที่ถูกปล่อยออกมาข้างนอกซึ่งสามารถแปลงเป็นอาวุธ ที่สามารถฆ่าผู้คนได้ นี่เป็นวิธีเดียวที่สามรถใช้ได้เฉพาะปรมจารย์แดนจินเท่านั้น
หมอหลิวยังพยักหน้า..
“ท่านเย่ฮั่วกัว อาจเป็นไปได้ ต่อให้มีคนดำดิ่งเข้าไปในห้องและใช้อาวุธที่ซ่อนอยู่ แล้วเอาออกมาทำร้ายจนบาดเจ็บ บาดแผลก็จะต้องมีให้เห็น แต่บาดแผลบนหัวของเย่หลิงนั้นยังใหม่เอี่ยมและไม่เคยมีใครแตะต้อง!”
“ครอบครัวตระกูลเย่ ของฉันไปยั่วยุผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้เมื่อใดกัน ถ้าเขาต้องการจะฆ่าครอบครัวตระกูลเย่ของฉัน ทำไมต้องลอบแอบ? ต่อให้เขามาฆ่าอย่างตรงไปตรงมา ฉัน เย่ฮั่วกัว ก็จะปกป้อง ตระกูลเย่”
..เย่ฮั่วกัว เป็นนักรบแห่งความมืดที่รู้จักความน่าสะพรึงกลัวของปรมจารย์แดนจินเป็นอย่างดี..
บุคคลเช่นนี้แทบจะสามารถเอื้อมถึงท้องฟ้าได้เลยทีเดียว กล่าวคือ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ปรมจารย์คนอื่นๆ พวกเขาจะสู้ไม่ถอยและก้าวมุ่งไปเรื่อยๆ นั่นคือ ตำนานศิลปะการต่อสู้แห่งดินดิน!
เย่ชิงเฉิงขมวดคิ้วมากกว่าเดิม..
“ท่านปู่ แล้วปรมจารย์แดนจินล่ะ? เขาเป็นยังไง? เขาเร็วกว่ากระสุนหรือไม่?”
หมอหลิวยังปลอบโยน..
“เย่ชิงเฉิง ตอนนี้เขาดีกว่าเมื่อก่อน แม้แต่อาจารย์เย่ฮั่วกัว ก็ไม่กล้าต่อต้านเขา!”
“เจ้าอยู่กับฉันมาหลายปีแล้ว และเจ้าก็ถือได้ว่าเป็นลูกครึ่งศิลปะการต่อสู้ เจ้าควรจะรู้ว่าปรมาจารย์แห่งอาณาจักรนี้น่ากลัวเพียงใด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้คนมาต่อสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรม เจ้าต้องลอบสังหารคนทีละคนเท่านั้น เว้นแต่เจ้าจะมีกองกำลังหลายพันนายคอยปกป้อง มิฉะนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนี!”
...คนอื่นๆในห้องนั้นก็เป็นสมาชิกในครอบครัวตระกูลเย่ เช่นกัน และพวกเขารู้จักศิลปะการต่อสู้บางแขนงแต่พวกเขาไม่เปิดเผย...
...บางส่วนนั่งนิ่งเงียบ...
ในท้ายที่สุด เย่ฮั่วกัว ก็ทำลายความเงียบ...
“ตรวจสอบผู้ที่ เย่หลิง ขุ่นเคืองเมื่อเร็ว ๆ นี้!”
ทันทีที่คำพูดของเขาออกมา เล้งเฉียวหลิง ดูเหมือนจะจับทางได้
“ไป๋หลีหยุนเซียว.. อาจเป็นเขา เพราะก่อนหน้านี้ เย่หลิงได้ส่งคนไปจัดการกับเขา! แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้แข็งแกร่งเร็วขนาดนี้”
“ไป๋หลีหยุนเซียว.....?”
“ไป๋หลีหยุนเซียว... คือใคร...?”
.. จู่ๆ ดวงตาของ เย่ฮั่วกัว ก็ปล่อยแสงออกมาทันที..
เล้งเฉียวหลิง พูดดขึ้นว่า..
“ไป๋ หยุนเซียว เป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมสเปลนด์ดิส ของเรา ซึ่งเป็นคนขับรถของครอบครัวเขาที่เคยทำให้ เย่หลิง ขาหัก เย่หลิง จึงส่งคนไปจัดการกับ ไป๋หลีหยุนเซียว ..”
“ไม่ต้องพูดถึงแต่ประเด็นสำคัญเหล่านั้น!”
เย่ฮั่วกัว ยังรู้บางอย่างเกี่ยวกับ เย่หลิงและครอบครัวของไป๋หลีหยุนเซียว
แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ขาของเย่หลิงได้รับความเสียหายก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับครอบครัวตระกูลเย่ เช่นกัน
“ไม่กี่วันก่อน เย่หลิง ได้สั่งให้อันธพาลของเขาไปสั่งสอน ไป๋หยุนเซียว แต่พวกเขากลับโดน ไป๋หยุนเซียวแตะกระเด็นออกมาแทน จนเข้าโรงพยาบาล!”
..เย่ฮั่วกัว ฟังแล้วหัวเราะเยาะเย้ย..
“ไป๋หยุนเซียวมันเก่งแค่ไหนกัน? แม้ว่าเขาจะมีพลังมาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นปรมาจารย์ได้ แต่บุคคลนี้ก็มีข้อสงสัยบางอย่างเช่นกัน บางที่อาจเป็นคนที่อยู่หลังก็เป็นไปได้ เธอมี รูปถ่ายเขาหรือเปล่า”
“ไม่....ไม่...แต่ เย่หลิง มีรูปถ่ายของเขาในโทรศัพท์ของเขาเอง!”
...เล้งเฉียวหลิง...กระวนกระวาย!!...
..0..00..000..!!!(U_U)!!!