ตอนที่ 985 เป็นปรมาจารย์ท่านไหน?
เนื่องจาก เย่เฉิน กำลังคุยโทรศัพท์ และพูดคุยเรื่องงาน ซู หนิงซวง จึงตั้งใจคีบเนื้อวัวสไลด์บางๆ จากหม้อใส่ลงในถ้วยน้ำจิ้มของ เย่เฉิน เพื่อให้เขาสามารถกินได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเลือกจากหม้อ สามารถกินไปด้วย และพูดคุยโทรศัพท์ไปด้วยได้พร้อมกัน
เมื่อเห็นภาพนี้ จาง เชี่ยนเชี่ยน กับเพื่อนๆ ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม ซู หนิงซวง ช่างเอาใจใส่ และอ่อนโยนมากจริงๆ
ท่าทางของ หนิงซวง ตอนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะอวดความหวานให้พวกเธอดูเลย แต่มันเป็นการกระทำที่เป็นธรรมชาติ และปกติมาก เมื่อคิดถึงก่อนหน้านี้ที่ เย่เฉิน ตั้งใจซื้อดอกไม้มาให้ ซู หนิงซวง คู่รักคู่นี้ก็ช่างหวานมากจนแทบทำให้คนอื่นอิจฉา
ไม่เพียงแต่รูมเมตสองคนนั้นเท่านั้น แม้แต่ จาง เชี่ยนเชี่ยน ก็ทนไม่ได้แล้ว
สายโสดอะไรก็ไปไกลๆ ซะ! ฉันต้องการความรักที่แสนหวานบ้าง! ฉันต้องการแฟนที่อ่อนโยน และใส่ใจบ้าง!
จาง เชี่ยนเชี่ยน แทบจะตะโกนกู่ร้องในใจ
เนื่องจากวันพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ทุกคนจึงไม่ได้รีบกินให้เสร็จไวๆ
เกือบสามทุ่มหลายคนถึงจะกินเสร็จ หลังจากส่งพวกเธอกลับหอพักแล้ว เย่เฉิน จึงขับรถกลับไปเช่นกัน
บ่ายวันรุ่งขึ้น เย่เฉิน ขับรถ Ferrari ที่ออกแบบพิเศษเฉพาะของเขาเพื่อเตรียมตัวไปร่วมประชุมสำคัญ
การประชุมครั้งนี้มีขนาดใหญ่กว่าการประชุมในหลายๆ ครั้งที่ เย่เฉิน เคยเข้าร่วม เพราะมันไม่ใช่การประชุมธุรกิจในเครือของเขา แต่เป็นการประชุมใหญ่ที่จัดโดยสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติในปีนี้ และในฐานะรองประธานสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติ เย่เฉิน จึงต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน
หลังจากผ่านไปสี่สิบนาที เย่เฉิน ก็มาถึงที่หมาย
สมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติซึ่งเป็นสมาคมระดับชาติ มีสมาชิกจำนวนมาก การประชุมครั้งนี้ สมาชิกที่ได้รับเชิญยังสามารถพาผู้ติดตาม หรือบุตรหลานมาร่วมได้ ทำให้การประชุมดูยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ
ที่ด้านนอกมีเจ้าหน้าที่ต้อนรับมากมาย
“คุณก็มาร่วมประชุมของสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติใช่ไหมครับ?”
เย่เฉิน เพิ่งก้าวลงจากรถ Ferrari เจ้าหน้าที่ต้อนรับคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาทักอย่างสุภาพ
“ใช่ครับ” เย่เฉินพยักหน้า
“เชิญทางนี้ครับ”
เจ้าหน้าที่ต้อนรับพา เย่เฉิน เข้าไปในสถานที่จัดงาน และพาเขาไปยังที่นั่งรอการเริ่มประชุม
หลังจากนั้นค่อยๆ มีผู้คนเดินทางมาถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ที่นั่งรอบๆ เย่เฉิน ก็เต็มไปด้วยผู้คน ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกับ เย่เฉิน แต่ เย่เฉิน ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ในช่วงที่การประชุมยังไม่เริ่ม เขาเพียงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเพื่อฆ่าเวลา
ผ่านไปอีกไม่กี่นาที ที่นั่งโดยรอบๆ ก็เต็มหมดแล้ว ทุกคนเริ่มพูดคุยกัน
“ฉันอยู่ระดับเจ็ด แล้วเธอล่ะ?”
“โอ้ ฉันก็เหมือนกัน อยู่ระดับเจ็ดเหมือนกัน แต่ดูสิ ตรงนั้นมีพี่ใหญ่ระดับแปดอยู่ด้วยนะ”
ศิลปะการเขียนพู่กันจีนถูกแบ่งเป็นระดับตั้งแต่หนึ่งถึงสิบ จากต่ำไปสูง ระดับเจ็ดถือว่าสูงมากแล้ว
“พี่ชาย คุณล่ะ?”
สาวหน้ากลมคนหนึ่งถามชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของ เย่เฉิน อย่างอยากรู้อยากเห็น
“ผมเหรอ? ผมเพิ่งสอบผ่านไม่นานมานี้เอง ตอนนี้อยู่ระดับเก้า”
ชายหนุ่มร่างสูงพูดด้วยท่าทีภาคภูมิใจเล็กน้อย
“อะไรนะ! พี่ใหญ่ คุณคือระดับเก้าเหรอ?!”
สาวหน้ากลมอุทานเสียงดังออกมา
“ว่าไงนะ ที่นี่มีพี่ใหญ่ระดับเก้าเหรอ?!”
“ไหน..พี่ใหญ่ระดับเก้าอยู่ที่ไหน?”
“ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะมีระดับเก้า สุดยอดไปเลย!”
สายตาของคนรอบข้างทั้งหมดจ้องมาที่ชายหนุ่มร่างสูงทันที เขากลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
“พี่ใหญ่ คุณเก่งมากเลย”
“พี่ใหญ่ คุณมีเคล็ดลับอะไรในการไปถึงระดับเก้าไหม?”
เริ่มมีคนเข้ามาอวย และชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่หรอกครับ ไม่หรอก ผมก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง อีกอย่างระดับเก้าก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร”
ชายหนุ่มร่างสูงตอบอย่าง ‘ถ่อมตัว’ ท่ามกลางเสียงยกยอมากมาย
“ระดับเก้าไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย แบบนี้เรียกว่าพูดแบบเฟรนช์สไตล์หรือเปล่า?”
“สามารถไปถึงระดับเก้าได้ ยังบอกว่าเป็นเพราะโชคช่วยอีก พี่ใหญ่ นี่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว!”
คำพูดของชายหนุ่มร่างสูงทำให้ทุกคนรอบข้างต้องอึ้ง
“อ้อ ว่าแต่พี่ชายคนนี้ แล้วคุณล่ะ?”
สาวหน้ากลมที่ถามคำถามก่อนหน้านี้ สังเกตเห็นว่า เย่เฉิน ดูมีบุคลิกไม่ธรรมดา เลยตั้งใจถามขึ้นมาอีกครั้ง
“อะไรนะ คุณถามว่าอะไร?”
เย่เฉิน วางโทรศัพท์ในมือลง เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ก่อนหน้านี้ เลยไม่ได้ยินชัดเจนว่าพวกเขาพูดคุยเรื่องอะไรกัน
เมื่อเห็นแบบนี้ สีหน้าของชายหนุ่มร่างสูงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาคนที่กำลังชื่นชมเขาอยู่รอบตัว ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใส่ใจเขาเลย หรือว่าเจ้านี่จะเป็นระดับเก้า หรือแม้กระทั่งระดับสิบ?!!
ทันใดนั้น ชายหนุ่มร่างสูงก็เริ่มกังวล กลัวว่า เย่เฉิน จะมาขโมยซีนของเขา
“พี่ชาย ฉันแค่อยากรู้ว่า ระดับทักษะการเขียนพู่กันของคุณอยู่ระดับไหน?”
สาวหน้ากลมอธิบายด้วยท่าทีเป็นมิตร
“ผมเหรอ? ผมไม่มีระดับอะไรทั้งนั้น”
เย่เฉิน ส่ายหน้า เขาไม่เคยเข้าร่วมการทดสอบระดับการเขียนพู่กันใดๆ เพราะเขาไม่ได้ต้องการมัน
เย่เฉินเคยได้ยินเรื่องการสอบระดับพู่กันมาก่อน แต่เขาไม่สนใจ เพราะการจัดระดับนี้เหมาะสำหรับคนทั่วไป หรือคนหนุ่มสาวเท่านั้น สำหรับปรมาจารย์ หรือผู้ที่มีฝีมือสูง การจัดระดับนี้ไม่มีความหมายเลย
“ไม่มีระดับ?”
สาวหน้ากลมดูผิดหวังเล็กน้อย เธอคิดว่า เย่เฉิน ที่นั่งอย่างสง่างามตรงนี้ อาจจะเป็นระดับเก้า หรือสิบ แต่กลับไม่มีระดับอะไรเลย
การไม่มีระดับหมายความว่า เขาไม่เคยเข้าร่วมการสอบเขียนพู่กันเลย หรือบางทีอาจจะไม่รู้เรื่องพู่กันเลยก็ได้ การมาที่นี่ก็อาจจะเป็นแค่เพื่อมาดูงานเท่านั้น
หลายคนที่อยู่รอบข้างเริ่มหมดความสนใจในตัว เย่เฉิน สีหน้าของชายหนุ่มร่างสูงก็ปรากฏแววเหยียดหยามเล็กน้อย
เมื่อครู่นี้เขายังกลัวว่าเจ้านี่จะเป็นปรมาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ แถมอาจจะไม่มีฝีมือด้านเขียนพู่กันเลยด้วยซ้ำ ช่างน่าขันจริงๆ
ผู้คนรอบข้างกลับมาพูดคุยกันต่อ พวกเขาเริ่มพูดถึงพ่อ หรืออาจารย์ของตนเอง
“อาจารย์ของฉันคือท่านต่ง จิ่งห่าว ได้เข้าร่วมสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติในปี 2015”
หญิงสาวคนหนึ่งเริ่มโอ้อวดเกี่ยวกับอาจารย์ของเธอ เธอเพิ่งอายุ 21 ปี ซึ่งไม่มีทางที่จะเป็นสมาชิกของสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติได้ ครั้งนี้ที่เธอสามารถเข้ามาได้ก็เพราะอาจารย์ของเธอช่วยเหลือ
“พ่อของฉันคือ กั่ว เล่อสุ่ย เข้าร่วมสมาคมในปี 2013”
ชายหนุ่มอีกคนไม่ยอมน้อยหน้า เขาออกมาพูดถึงพ่อของเขา ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า
ปรากฏว่าคนหนุ่มสาวในบริเวณนี้ส่วนใหญ่ตามพ่อ หรืออาจารย์ของตนมางานนี้ พวกเขาไม่ได้รับเชิญมาเพราะความสามารถของตัวเอง
“อาจารย์ของฉันเป็นกรรมการของสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติ ชื่อว่าท่านฉุย เฟ่ยอวี้”
สาวหน้ากลมพูดโอ้อวดบ้าง อาจารย์ของเธอเป็นถึงกรรมการ ไม่ใช่แค่สมาชิกธรรมดา
เมื่อรู้ว่าอาจารย์ของหญิงสาวหน้ากลมเป็นกรรมการ ผู้คนในที่นั้นก็เงียบไปทันที
“แค่กๆ... เอ่อ พ่อของฉันเป็นรองเลขาธิการของสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติ”
จู่ๆ ชายหนุ่มร่างสูงที่กล่าวว่าตนระดับ 9 ก็แสร้งไอเบาๆ แล้วประกาศออกมา
รองเลขาธิการ?!!
อะไรกัน...
“ถึงว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงได้เป็นระดับเก้าในวัยหนุ่ม ที่แท้คุณพ่อของคุณเป็นถึงรองเลขาธิการนี่เอง”
“สุดยอดจริงๆ พี่ใหญ่คนนี้เป็นถึงลูกชายของรองเลขาธิการสมาคม”
ผู้คนรอบข้างต่างตกใจในภูมิหลังของชายหนุ่มร่างสูง และเริ่มประจบสอพลออีกครั้ง
“พี่ชาย แล้วอาจารย์ หรือพ่อของคุณเป็นปรมาจารย์ท่านไหนเหรอ?”
สาวหน้ากลมถามอย่างสงสัย
หลังจากรู้ว่า เย่เฉิน ไม่มีระดับ เธอยิ่งสงสัยมากขึ้นว่า เย่เฉิน ซึ่งอาจจะไม่มีฝีมือด้านพู่กันเลย ถูกใครพามาที่นี่กันแน่?
ทันใดนั้น ชายหนุ่มร่างสูง และคนรอบข้างก็หันความสนใจมาที่ เย่เฉิน พวกเขาอยากรู้คำตอบไม่แพ้กัน