ตอนที่ 70 : หมาป่าสวรรค์
.
บูม -
.
ขณะที่เหยียนซีไฉกำลังดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของทุกคนก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง
เมฆดำทมิฬลอยออกไป แสงศักดิ์สิทธิ์ของเส้นทางเทพเจ้าบนด้ามดาบยักษ์สว่างขึ้น และบันไดหินอันเลือนรางโรยตัวลงจากท้องฟ้าราวกับริบบิ้นทอดยาวไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
"มีคนอื่นที่ก้าวสู่เส้นทางเทพเจ้าวิถีทหารได้อีกแล้วเหรอ?" ผูเหวินถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ "ในบรรดาผู้คุมกฎที่มาครั้งนี้ คนที่มีพรสวรรค์ก็มีไม่มากนะ..."
เหยียนซีไฉเฝ้าดูการกำเนิดครั้งที่สองของเส้นทางเทพเจ้า ความสุขภายในใจส่วนใหญ่ของเขาถูกชะล้างไป
เขากัดฟันแล้วพูดว่า
"ไปต่อ! เราต้องออกไปรอด้านนอกเหว เมื่อภาพฉายรีเซตเราก็จะจัดการมันอีกรอบ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่า...เรามีคนมากขนาดนี้ จะดึงดูดเส้นทางเทพเจ้าวิถีทหารไม่ได้?"
เหยียนซีไฉ พาทุกคนกลับไปด้านนอกของหุบเหว หลังจากรอสักพัก ทหารหุ้มเกราะทั้ง 10 นายก็ฟื้นคืนสภาพเดิมอีกครั้ง
"เอามันมาให้ฉัน!"
เหยียนซีไฉโบกมือ ผู้คุมกฎคนอื่นๆ ก็รีบออกไปทันที ด้วยความช่วยเหลือของคำว่า "นิ่ง" ของผูเหวิน ฉากการต่อสู้อันคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเหยีนนซีไฉไม่อยากให้หุบเหวมีภาพฉายการเข่นฆ่ามากกว่านี้ แต่คนเหล่านี้ถึงขีดจำกัดแล้ว หากเปลี่ยนให้พวกเขาไปยังหุบเขาที่มีภาพฉายทหารหุ้มเกราะยี่สิบนายละก็ อาจถูกแทงเหมือนวิ่งเข้าไปหารังแตน แล้วในเวลานั้นเขาก็จะกลายเป็นผู้บัญชาการที่โดดเดี่ยว
เหยียนซีไฉถือป้ายคำสั่งไป๋ฉีไว้เหมือนสมบัติและเฝ้าดูผู้คุมกฎหลายคนสังหารทหารหุ้มเกราะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะนั้นเองเส้นทางเทพเจ้าอีกสองสายก็ทอดยาวออกจากรากฐาน...
.
.........
.
"เส้นทางเทพเจ้าวิถีทหาร เส้นทาง [หมาป่าสวรรค์]..."
,
หลู่ซวนหมิงในชุดสูทดำยืนนิ่งอยู่ภายในหุบเหวหลังจากจัดการภาพฉายคนสิบห้าคนเสร็จ ขณะที่เส้นทางเทพเจ้ากำลังจางหายไป นัยน์ตาของเขาก็เปล่งประกาย
"ขอแสดงความยินดี นายน้อยหลู่ที่ได้ก้าวสู่เส้นทางเทพเจ้าวิถีทหาร" ผู้คุมกฎสามคนที่อยู่ด้านหลังรีบแสดงความยินดีทันที
"แค่เส้นทาง [หมาป่าสวรรค์]…มีอะไรน่ายินดี" หลู่ซวนหมิงส่ายหัว
"แม้ว่าเส้นทาง [หมาป่าสวรรค์] จะไม่มีจุดอ่อน แต่ก็ไม่มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนนัก ในบรรดาเส้นทางเทพเจ้าวิถีทหารทั้งหมด มันก็จัดอยู่ระดับกลางเท่านั้น"
"ปีนั้นฉันปฏิเสธเส้นทางเทพเจ้าวิถีทหาร เส้นทาง[หมาป่าสวรรค์] ก็เพราะอยากได้เส้นทางที่ทรงพลังกว่านี้ อย่างเช่น [อาชูร่า] หรือ [พิพากษา]..."
คิดไม่ถึงว่า การเข้ามาในคลังโบราณครั้งนี้ผลลัพธ์ก็ยังเป็นเช่นเดิม
"นายน้อยหลู่ คุณอย่าถ่อมตัวเลย...ความโปรดปรานของเทพเจ้าเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างร้องขอแต่ก็ไม่ได้มัน นี่ไม่เพียงแต่คุณได้รับความโปรดปรานจากเทพเจ้าเท่านั้น แต่คุณยังปฏิเสธมันอีกด้วย ถ้าเหยียนซีไฉรู้เรื่องนี้เข้าเขาจะไม่อิจฉาจนเป็นบ้าเลยเหรอ"
"ใช่แล้ว นายน้อยหลู่เส้นทาง [หมาป่าสวรรค์] ก็ดีมากเหมือนกัน เหตุผลที่คุณคิดว่ามันไม่แข็งแกร่งพอก็เพราะว่า เส้นทางนี้ยังไม่เคยมีผู้แข็งแกร่งปรากฏตัว...ในกรณีนี้ ตัวคุณเองสามารถกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนเส้นทางนี้ได้"
"ถ้าผมสามารถก้าวสู่เส้นทางเทพเจ้าวิถีทหารได้เหมือนคุณ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหนก็ตาม มันก็เหมือนกับควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพของบรรพบุรุษ*แล้ว"
ผู้คุมกฎหลายคนที่ติดตามหลู่ซวนหมิงสายตาล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉา
"เอาล่ะ อย่าตามฉันมา ยังอีกนานกว่าการทดสอบจะสิ้นสุด พวกนายควรหาสถานที่เพื่อรวบรวมออร่าจิตสังหารของตัวเอง...ถ้าหากก้าวสู่เส้นทางเทพเจ้าวิถีทหารได้ และได้เลื่อนขั้นเป็นผู้พิทักษ์ ก็สามารถมาทำงานภายใต้ฉันได้"
"ขอบคุณมากนายน้อยหลู่!"
"คุณไม่สะสมออร่าจิตสังหารต่อเหรอ? ผมรู้สึกว่าของสิ่งนี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ…"
"ผมก็รู้สึก หลังดูดซับออร่าจิตสังหารนี้แล้ว รู้สึกว่ามันทำให้ฉันมั่นใจขึ้นและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง"
หลู่ซวนหมิงส่ายหัว "จุดประสงค์ของการรวบรวมออร่าจิตสังหารก็เพื่อดึงดูดความสนใจของเส้นทางเทพเจ้าวิถีทหาร โดยพื้นฐานแล้วสิ่งนี้คือออร่าที่ยังเหลือหลงจากสมรภูมิโบราณ หากซึมซับมากเกินไปก็จะส่งผลต่อจิตใจ...มีแต่คนโง่อย่างเหยียนซีไฉเท่านั้นที่คิดว่ายิ่งดูดซับมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น"
"เข้าใจแล้ว...แล้วคุณจะไปไหนล่ะ?"
"ไปตามหาผู้ช่วงชิงเปลวไฟ ฉันจะลองใช้ [หมาป่าสวรรค์]" ดวงตาของหลู่ซวนหมิงหรี่ลงเล็กน้อย มีเจตนาฆ่าในดวงตาของเขา
"ผู้ช่วงชิงเปลวไฟ?" ทุกคนตกใจ "แต่พวกเขาทั้งหมดมีทักษะอย่างน้อยก็สองทักษะ ซึ่งเป็นทักษะระดับสอง ส่วนคุณเพิ่งได้เลื่อนขั้นนะ…"
"ต่ำกว่าระดับที่สี่ลงมา นอกจากจำนวนทักษะที่เชี่ยวชาญก็ไม่มีอะไรแตกต่างกับคนอื่นๆ มากนัก และที่คลังโบราณแห่งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้แข็งแกร่งระดับสี่ขึ้นไปปรากฏตัว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็เป็นเพียงกลุ่มหัวขโมยกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะขโมยสิ่งของหรือว่าขโมยใบหน้า ก็ไม่สามารถคุกคามฉันได้..."
"ขอแค่ผู้ช่วงชิงเปลวไฟอยู่เพียงลำพัง ฉันก็สามารถฆ่าเขาได้แน่นอน"
หลู่ซวนหมิงเดินออกไปพร้อมกับดาบสีดำบนหลังของเขา และค่อยๆ หายไปจาก สายตาของทุกคน...
.
.......
.
"นั่นมันสุนัขของกองทัพฉิน! ฆ่า!!"
.
เฉินหลิงได้ยินประโยคนี้นับครั้งไม่ถ้วนทำให้หูเขาแทบจะด้านชา...ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีหูเลยก็ตาม
ถึงตอนนี้เขาจะกลายเป็นป้ายคำสั่ง แต่เฉินหลิงยังคงสามารถสัมผัสทุกสิ่งรอบตัวเขาได้ และเขาก็เห็นได้ว่าเหยียนซีไฉหวงแหนป้ายคำสั่งมากแค่ไหน จะขาดก็แต่หาสถานที่เงียบๆ แล้วนำออกมาชื่นชม
เหยียนซีไฉสั่งให้ผู้คุมกฎฆ่าภาพฉายทหารหุ้มเกราะสิบนายซ้ำแล้วซ้ำเล่านับเวลาก็หกชั่วโมงแล้ว สิ่งนี้ทำให้เฉินหลิงนึกถึงตอนที่เขาเล่นเกมออนไลน์สมัยก่อน ฆ่ามอนสเตอร์ในที่เดิมซ้ำๆ เพื่อดรอปอุปกรณ์ในฉากนั้น...ปัจจุบันผู้คุมกฎทำให้ภาพฉายรีเซตไปแล้วเก้ารอบ และฆ่าทหารหุ้มเกราะไปเก้าสิบนาย
ในหมู่พวกเขาผู้คุมกฎที่มีออร่าจิตสังหารมากที่สุด มีประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดคน อย่างต่ำสุดก็ไม่น้อยกว่าหกหรือเจ็ด ดูเหมือนพวกเขาจะลงแรงไปมาก แต่ผลลัพธ์มันไม่ได้ต่างกับเฉินหลิงที่ใช้เวลาจัดการเพียงไม่กี่นาที
"ไม่ไหวแล้ว… ฉันทำต่อไปไม่ไหวแล้ว"
ผู้คุมกฎคนหนึ่งซึ่งมีรอยฟกช้ำเดินโซเซออกมาจากหุบเหว ทรุดตัวลงกับพื้น
ผู้คุมกฎคนอื่นๆ ก็ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยไม่ต่างกัน และการต่อสู้ที่ดำเนินมาเป็นเวลาห้าหกชั่วโมง ทำให้พวกเขาแทบจะหมดแรง ทรุดลงพื้นด้วยความอ่อนล้า
เมื่อมองดูคนที่นอนกางแขนกางขาบนพื้น เปลือกตาของเหยียนซีไฉก็กระตุก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็มองไปที่ผูเหวินซึ่งอยู่ข้างๆ
"น้องผู ตอนนี้เกือบจะได้แล้วใช่มั้ย?"
"เกือบแล้ว" ผูเหวินพยักหน้าเล็กน้อย "ถ้ายังยืดเยื้ออีก ถ้ามีใครคนหนึ่งสามารถดึงดูดเส้นทางเทพเจ้าวิถีทหารได้ งั้นออร่าจิตสังหารที่พวกเขาดูดซับก็ไร้ประโยชน์...."
"ได้!"
"นอกจากนี้ เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าแต่ละคนเต็มใจที่จะมอบออร่าจิตสังหารของพวกเขาให้ มิฉะนั้นคำว่า "กลืน" จะไร้ผล"
"เรื่องนี้นายวางใจได้ ฉันเตรียมการไว้แล้ว"
ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาที่เหยียนซีไฉรอคอย อันดับแรกเขาวางป้ายคำสั่งไป๋ฉีไว้ด้านข้างอย่างเคร่งขรึม แล้วหันไปพูดกับผู้คุมกฎว่า
"ทุกคน ยืนขึ้น!"
เมื่อได้ยินคำสั่ง ทุกคนก็ทำได้แค่ฝืนลากสังขารที่เหนื่อยล้าลุกขึ้นมาจากพื้น และเข้าแถวด้านหน้าเหยียนซีไฉ
ผูเหวินสอดมือขวาเข้าไปในแขนเสื้อหยิบกระดาษซวนจื่อแปดแผ่นออกมาในคราวเดียว แล้วยื่นให้เหยียนซีไฉ โดยบนกระดาษมีตัวอักษรสีดำแบบเดียวกัน
.
[กลืน]
.
"วางกระดาษไว้บนฝ่ามือของคุณ เมื่อฉันบอกให้ขยับให้วางฝ่ามือไว้บนหน้าอกของพวกเขา"
"เข้าใจแล้ว"
ผูเหวินประทับตราด้วยมือข้างหนึ่งต่อหน้าเขา ทันใดนั้นคำว่า "กลืน" บนฝ่ามือของเหยียนซีไฉก็บิดเบี้ยวและกลายเป็นกระแสน้ำวนที่มองไม่เห็นด้วยตาไหลไปในความว่างเปล่า
"ไป" ผูเหวินพูดขึ้น
เหยียนซีไฉวางฝ่ามือลงบนหน้าอกของผู้คุมกฎคนหนึ่งโดยไม่พูดอะไรสักคำ และออร่าจิตสังหารสีดำก็ถูกดูดเข้าสู่ร่างกายของเหยียนซีไฉอย่างเห็นได้ชัดผ่านกระแสน้ำวน
หลังจากผ่านไปกว่าสิบวินาที ใบหน้าของผู้คุมกฎก็ซีดลงราวกับว่ากระดูกสันหลังของเขาถูกพรากไปจึงทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแออย่างมาก ขาอ่อนยวบทรุดตัวลงกับพื้น
.
.
.......
ควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษ* [祖坟冒青烟] zǔfén mào qīng yān หมายถึง โชคดีมากหรือได้ตำแหน่งใหญ่