EP.4
EP.4
~มุมมองของมิโนรุ~
และวันต่อมาก็มาถึง และเนื่องมาจากเหตุการณ์ครั้งก่อน อากาเนะจึงเริ่มพยายามพูดคุยกับฉันมากขึ้นตลอดทั้งวัน
เมื่อสิ้นสุดวัน ฉันจึงตัดสินใจออกไปสำรวจป่าที่อยู่ใกล้โรงเรียนตอนกลางคืน ซึ่งแทบจะไม่มีใครอยู่เลย
ฉันเพิ่งไปเจอก้อนหินก้อนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถนนที่รถสัญจรไปมา และน่าจะเป็นที่ที่มิโนรุดั้งเดิมกำลังโขกหัวตัวเองเพื่แพยายามใช้เวทมนตร์ที่แท้จริง
ซึ่งก็จะใกล้กับจุดที่เขาโดนรถชนด้วย
ฉันพบสถานที่นี้หลังจากที่ค้นหาเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และสิ่งที่ฉันพบนั้นน่าตกใจมาก
ด้วยจิตวิญญาณที่ได้รับการอัพเกรดของฉัน การรับรู้เชิงพื้นที่ของฉันจึงเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าความสามารถในการตรวจจับสิ่งต่างๆของฉันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อฉันมาถึง ฉันรู้สึกตกใจมากที่รู้สึกว่ามีบางอย่างลอยอยู่รอบๆบริเวณนั้นอย่างไม่คาดฝัน
และเมื่อฉันเอื้อมมือออกไปสัมผัสสิ่งที่ฉันรู้สึก ก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจเกิดขึ้น แม้ว่าฉันจะมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ฉันรู้ว่ามีบางอย่างอยู่ที่นั่น และฉันรู้สึกว่ามันเป็นเวทมนตร์
ฉันจึงนั่งลงและอยู่ในท่าสมาธิและพยายามเคลื่อนย้ายมานาในอากาศ พวกมันสั่นเล็กน้อยแต่ก็จะยังคงทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ต่อไป
เมื่อเห็นพวกมันสั่น ฉันก็รู้ว่าฉันกำลังจะไปถึงไหนสักแห่ง ดังนั้นฉันจึงพยายามแล้วพยายามอีกจนกระทั่งเช้า
เมื่อเวลาเช้ามาถึง ฉันยังคงนั่งพยายามเคลื่อนย้ายอนุภาคพลังเวทย์อยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉันก็เริ่มประสบความสำเร็จมากขึ้น
ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณแห่งการเสริมความแข็งแกร่งของฉันจะเป็นพรที่แฝงมาในความโชคร้าย เนื่องจากมันได้ช่วยฉันมาหลายครั้งแล้ว เช่น ตอนนี้ เพื่อที่จะเคลื่อนย้ายเจตนาของพลังเวทย์ ซึ่งมันใช้เป็นสิ่งที่ยากที่จะแสดงออกมา
ฉันมีทฤษฎีที่อิงจากสิ่งที่ฉันรู้เกี่ยวกับวิธีการทำงานของเวทมนตร์ในโลกนั้น ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจตนาและว่าคุณนั้นจะใช้มันได้ดีแค่ไหน
การควบคุมพลังเวทย์จะง่ายกว่าเมื่อมันอยู่ในตัวคุณหรือกับบางสิ่งที่คุณสัมผัสด้วย ดังนั้นมันจึงกระจายออกไปเมื่ออยู่ภายนอกหรืออยู่ห่างจากผู้ใช้
เนื่องจากคุณไม่สามารถแสดงความตั้งใจของคุณออกมาได้หรือเมื่ออยู่ห่างไกลจริงๆ ความตั้งใจของคุณจึงเป็นสิ่งที่รักษามันไว้
นั่นเป็นเหตุที่ฉันบอกว่าการมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งนั้นเป็นพร เพราะด้วยจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง ฉันจึงสามารถขยายเจตนานั้นออกไปสู่ภายนอกได้อย่างง่ายดาย ทำให้สามารถควบคุมพลังเวทย์ได้ง่าย
และยิ่งคุณฝึกฝนมากเท่าไหร่ การแสดงเจตนาของคุณก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ Epsilon (เอปไซลอน) จึงเป็นปรมาจารย์ในการควบคุมพละงเวทย์ เนื่องจากเธอได้แสดงเจตนาของเธอให้กับมานาทราบอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้สิ่งนี้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก
เอปไซลอน
เนื่องจากการเปิดเผยนี้ ฉันจึงฝึกฝนต่อไปทุกวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์
และแล้วมันก็เกิดขึ้น...
ฉันรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว mujบ่งบอกว่าถึงเวลาแล้ว และฉันควรจะทำเมื่อไหร่ คำพูดไม่ได้ถูกแสดงออกมาเลย มันเป็นเพียงความรู้สึก
พลังเวทย์ที่อยู่รอบๆพื้นที่ทั้งหมดเริ่มไหลไปในทิศทางนึงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเช่นนี้ฉันก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร 'เวลาของฉันมาถึงแล้ว'
ฉันเลยเริ่มวิ่งไฃ่ตามมันไป พอถึงถนนก็มีรถบรรทุกขับมาพอดี พอเห็นรถบรรทุกคันนั้น ฉันก็คิดแต่เรื่องมีมในชีวิตก่อนของฉัน 'รถบรรทุกคุง พาฉันไป' (ชื่อเล่น : นั่นฟังดูเซ็กซี่มาก 555)
~มุมมองของรอบด้าน~
ขณะที่รถบรรทุกกำลังขับไปตามถนน ก็มีเด็กชายคนนึงปรากฏตัวขึ้นข้างหน้ารถ คนขับเห็นเด็กชายคนดังกล่าวจึงบีบแตรเพื่อเตือน
แปน แปน
จากนั้นคนขับรถบรรทุกพยายามหลีกเลี่ยงเขาแต่ก็สายเกินไปแล้ว และเด็กชายที่ชัดเจนว่าคือมิโนรุก็กระเด็นออกไป ซึ่งทำให้คนขับรถบรรทุกประสบอุบัติเหตุเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัยโดยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดแบบเดียวกันได้กับมิโนรุ
จากนั้นมิโนรุก็เสียชีวิตทันทีหลังจากได้รับผลกระทบ
แต่นั่นไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเขา
เมื่อเขารู้สึกตัว สิ่งที่เขาเห็นคือความมืด และเขารู้สึกถึงความเปียกชื้นอยู่รอบตัวเขา
‘ดูเหมือนความสามารถทางจิตของฉันจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะมีสติอยู่ได้เมื่อฉันอยู่ในท้องของแม่คนใหม่ของฉัน…’
มันเป็นความรู้สึกแปลกๆสำหรับมิโนรุที่รู้สึกตัวในช่วงเวลาพิเศษนี้ นอกจากจะรู้สึกเบื่อหน่ายแล้ว เขายังรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาหลายเดือนผ่านไป
'ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้สามารถรองรับพลังของจักรพรรดิเงาได้
ฉันรู้สึกได้ว่ามีพลังงานบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นใกล้หน้าอกของฉัน ฉันเห็นว่าหัวใจสีดำของฉันกำลังก่อตัวขึ้น เยี่ยมมาก' มิโนรุคิด
และเมื่อเวลาผ่านไป ทักษะทั้งหมดของซองจินอูก็ถูกปลูกฝังเข้าสู่ตัวของมิโนรุ จนมันกลายมาเป็นทักษะที่เป็นของเขาอย่างแท้จริง
และ 9 เดือนนั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว...
น้ำทั้งหมดที่ล้อมรอบร่างกายทารกของเขาแตกออกและไหลลงมาอย่างรวดเร็วตามมาด้วยการบีบรัดอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นการสัญญาณของการเริ่มต้นการเกิดใหม่ของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน มิโนรุก็เห็นแสงสีขาว และถูกผลักเข้าไปหา ทำให้เขาต้องหลับตาลง
เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าเขาอยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวผมดำสวยคนนึงซึ่งกำลังมองเขาด้วยท่าทางกังวล
ด้านข้างของหญิงสาวที่เข้ามาทักทายเขาคือชาวหัวล้านมันวาวที่กำลังมองมาที่เขาด้วยความกังวล
แม่จึงหันไปหาแม่บ้านที่ช่วยทำคลอดแล้วแสดงความกังวลว่า “เด็กควรจะร้องไห้ไม่ใช่เหรอ ทำไมเด็กถึงไม่ร้องไห้ล่ะ เขาเป็นอะไรรึเปล่า”
มิโนรุซึ่งตอนนี้มีชื่อว่าซิด เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและเริ่มทำท่าร้องไห้เพื่อพยายามทำให้แม่คนใหม่ของเขาสงบลง
*เด็กน้อยร้องไห้เสียงเรียบๆ*
เมื่อได้ยินเสียงเขาร้องไห้ ทุกคนต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
ผู้หญิงที่ช่วยทำคลอดพูดว่า “ดูเหมือนว่าลูกของคุณคงไม่มีอะไรผิดปกติหรอกค่ะ บางครั้งทารกอาจใช้เวลาสักพักกว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้ ไม่ใช่ทันทีเสมอไป ขอแสดงความยินดีกับลูกชายของพวกคุณที่แข็งแรงอีกครั้งนะคะ”
ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างรุนแรงในขณะที่แคลร์วัย 2 ขวบสามารถวิ่งด้วยขาเล็กๆของเธอเพื่อเข้าไปหาแม่เพื่อพยายามมองน้องชายที่เพิ่งเกิดของเธอให้ดีขึ้น
สิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปก็คือดวงตานับร้อยที่เรืองแสงอยู่ในเงามืด
และเงาทั้งหมดก็มีเพียงแค่ความคิดเดียว
‘นายท่านของพวกเรา และจ้าวเหนือหัวของพวกเราได้เสด็จกลับมาเกิดอีกครั้งแล้ว’
โปรดติดตามตอนต่อไป.
_______________