ตอนที่แล้วEP.1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP.3

EP.2


EP.2

~มุมมองของรอบด้าน~

‘ไม่มีทาง’

นั่นคือความคิดสุดท้ายของไรอันก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในขณะที่เขาถือโทรศัพท์ไว้ในมือและมองไปที่เครื่องหมายถูกบนโทรศัพท์ที่เขียนว่า ได้รับการอนุมัติ

และขณะที่เขาเสียชีวิต วิญญาณของเขาก็ค่อยๆล่องลอยไปในอวกาศและสู่แสงสว่างที่เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับร้องไห้เหมือนทารกในอ้อมแขนของหญิงชาวญี่ปุ่น และขณะที่ไรอันพยายามควบคุมร่างของทารกแรกเกิดของเขา เขาก็ได้ยินใครบางคนพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น

"ขอแสดงความยินดีด้วยลูกชายของคุณมีสุขภาพแข็งแรง คุณพร้อมจะตั้งชื่อให้กับลูกชายคนใหม่ของคุณแล้วหรือยัง" คุณหมอถามแม่คนใหม่ของไรอัน

แม่ที่ดูเหนื่อยล้าจากการคลอดบุตรได้แต่ยิ้มในขณะที่อุ้มลูกไว้และกล่าวว่า "ใช่ ฉันและสามีได้ตัดสินใจตั้งชื่อลูกว่ามิโนรุ คาเงโนะ" พร้อมทั้งมองไปที่สามีของเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรัก

ตอนนี้หลังจากที่ไรอันได้ยินชื่อ ซึ่งตอนนี้เขามีชื่อว่ามิโนรุก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในใจ เพราะเขาเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบเพราะงานก่อนหน้านี้ของเขา

'ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า'

แต่สิ่งที่ออกมาคือเสียงหัวเราะน่ารักๆของทารก เมื่อคู่รักชาวญี่ปุ่นได้ยินลูกน้อยของตนหัวเราะคิกคักเมื่อมีการเอ่ยชื่อของเขา พวกเขาก็ยิ้มตอบเขาไปโดยไม่รู้ถึงความคิดของเด็กน้อยคนนี้

"โอ้ คุณเห็นมั้ยที่รัก ดูเหมือนเขาจะชอบชื่อนี้มากเลยนะ" สามีพูดขณะที่มองไปที่ลูกชายตัวน้อยของเขา

'ว๊าวววว ที่รัก นี่แหละที่ฉันกำลังพูดถึง

ดูเหมือนว่าเธพีแห่งโชคจะคอยอยู่เคียงข้างฉันในคืนนี้

แบบสำรวจนั่นเป็นเรื่องจริง!!!

โอ้ ฉันต้องทำให้มันผ่านไปให้ได้ ไม่ว่าใครจะโตเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน หรือฉันได้รับการฝึกฝนมาแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางที่จะไม่เฉลิมกับฉลองการกลับชาติมาเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะซิดในอนาคต และการที่รู้ถึงอนาคตของตัวเองแล้ว มันก็คุ้มค่าแก่การเฉลิมฉลองอย่างแน่นอน

การจะกลับไปฝึกร่างกายใหม่อีกครั้งมันยากยิ่งกว่า การควบคุมอารมณ์ก็ยากเช่นกัน

เอาละ ฉันเดาว่าฉันจะใช้สิ่งที่ฉันมีและนั่นคือชีวิตใหม่ในฐานะมิโนรุ ฉันจะใช้มันเพื่อศึกษาสิ่งต่างๆที่ฉันไม่สามารถทำได้ในชีวิตที่ผ่านมา และทำให้ตัวเองฉลาดและมีความรู้มากขึ้นก่อนที่จะตายอีกครั้งและกลับชาติมาเกิดเป็นซิด'

และด้วยความคิดเหล่านี้ เขาก็ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนแม่พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้า

~มุมมองของ มิโนรุ~

ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวเวลา 4 ปีผ่านไปแล้ว และฉันก็ได้ค้นพบบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง ความทรงจำของฉันดีขึ้น ฉันรู้สึกดีขึ้นในทางจิตวิญญาณอย่างใดอย่างนึง มันยากที่จะอธิบาย ความสามารถทางปัญญาของฉันทั้งหมดได้รับการยกระดับขึ้น และมันเป็นอย่างใดอย่างนึงจาก 2 สิ่งนี้

ประการที่ 1. คือนี่อาจเป็นเพราะอายุของฉัน เพราะเด็กๆนั้นจะเรียนรู้สิ่งต่างๆได้เร็วกว่าและเข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีกว่า ฉันอยู่ในช่วงที่ทุกอย่างดูเหมือนจะง่าย

หรือ 2. ตั้งแต่ฉันกลับชาติมาเกิด วิญญาณของฉันอาจจะดูดซับวิญญาณของผู้ที่เคยเป็นมิโนรุดั้งเดิมและเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองทำให้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ถ้าเป็นอย่างที่ 2 ฉันจะไม่เป็นเหมือนพวกผู้ชายขี้แยที่กลับชาติมาเกิดใหม่ในนิยายที่รู้สึกหดหู่ใจกับการเอาศพใครสักคนไป ก่อนอื่น ฉันเป็นนักฆ่า และประการที่ 2 วิญญาณของเขาในช่วงเวลาที่ฉันกลับชาติมาเกิดใหม่ก็เป็นเพียงกระดานชนวนเปล่าๆ

การเปรียบเทียบที่ดีก็เหมือนกับการฉีกกระดาษ ถ้ากระดาษแผ่นนั้นมีเนื้อหาอยู่ด้วย ฉันคงรู้สึกแย่ เพราะเป็นงานหนักของมนุษย์ แต่เนื่องจากมันเป็นกระดาษที่ว่างเปล่า จึงไม่มีใครจะร้องไห้เพราะเรื่องนี้ เข้าใจไหม

เนื่องจากความสามารถในการรับรู้ของฉันอยู่ในระดับสูงสุดตลอดเวลา ฉันจึงตัดสินใจใช้ประโยชน์จากมัน เผื่อว่านั่นจะเป็นเหตุผลแรก

ตอนนี้เกี่ยวกับชุดทักษะของซองจินอู ดูเหมือนว่าฉันยังคงเข้าถึงพวกมันไม่ได้ ซึ่งหมายความว่าฉันจะต้องตายอีกครั้งเพื่อเปิดใช้งานพวกมัน

คงเป็นเพราะว่าฉันบอกว่าฉันอยากกลับชาติมาเกิดเป็นซิด ไม่ใช่มิโนรุ...

เอาละ ฉันเดาว่าระหว่างนี้ฉันคงต้องใช้เวลานี้เพื่อพัฒนาทักษะอื่นๆที่ฉันไม่ได้เรียนรู้มาก่อน ฉันเริ่มแสดงความสนใจในดนตรี ซึ่งพ่อแม่ของฉันดีใจมาก เนื่องจากในต้นฉบับ พ่อแม่ของมิโนรุทำให้เขาเรียนรู้เกี่ยวกับดนตรี พวกเขาคงอยากให้ลูกมีพรสวรรค์ด้านดนตรี ซึ่งนั่นเป็นผลดีกับฉัน

ต้องขอบคุณครูสอนพิเศษที่จ้างมาสอนฉัน และเมื่อฉันแสดงความสามารถและการเรียนรู้อย่างรวดเร็วให้เขาเห็น เขาก็อยากสอนฉันจริงๆ ขอบคุณครูสอนพิเศษที่ทำให้ฉันเริ่มเรียนรู้เครื่องดนตรีหลายประเภท

ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันดนตรีหลายรายการและชนะทุกรายการ ดนตรีของฉันยังคงดีเหมือนนักแต่งเพลงคนก่อนหรืออาจจะดีกว่าตอนที่ฉันอายุ 10 ขวบด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้ฉันมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว ซึ่งฉันเคยชินกับมันแล้วเพราะชีวิตก่อนหน้านี้ของฉัน

ต้องขอบคุณชื่อเสียงดังกล่าว ทำให้บรรดานักธุรกิจผู้ร่ำรวยหลายรายที่จัดงานเลี้ยงและงานเลี้ยงอาหารค่ำสุดอลังการต่างส่งคำเชิญอย่างเป็นทางการเพื่อให้ฉันได้เล่นในงานปาร์ตี้ของพวกเขา แม้ว่าจะเป็นคำเชิญแต่ฉันก็ยังได้รับเงินเป็นล้านเยนอยู่ดี

เมื่อเห็นว่าฉันเก่งเรื่องดนตรีอยู่แล้ว ฉันจึงตัดสินใจหันไปสนใจอย่างอื่นแทน เนื่องจากฉันไม่ต้องการดนตรีอีกต่อไป โดย 1 ในสิ่งสำคัญที่ฉันมุ่งเน้นคือศิลปะการต่อสู้

แต่ฉันยังมุ่งเน้นไปที่สิ่งอื่นๆที่จะทำให้ฉันร่ำรวยขึ้นในโลกอีกใบ เช่น การทำอาหารและผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ

ซึ่งจะเป็นประโยชน์หากฉันต้องการเปิดอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ในอนาคต สิ่งที่ฉันมุ่งเน้นเป็นหลักคือแอลกอฮอล์ประเภทต่างๆ ช็อกโกแลตแบบที่ซิดดั้งเดิมทำ ซอส , เครื่องเทศ และอื่นๆ

ซึ่งฉันก็สนใจเรื่องแฟชั่นเหมือนกัน ในฐานะผู้นำขององค์กรในอนาคต ฉันจำเป็นต้องดูดีอยู่เสมอ คำพูดที่ว่า "เสื้อผ้าทำให้ผู้ชายดูดี" มีอยู่หลายคำ

ฉันรู้ว่าคุณอาจกำลังคิดอะไรอยู่ "แต่ว่ามิโนรุ นายเรียนรู้อะไรได้หลายอย่างอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นขนาดนั้นได้ยังไง มันต้องมีขีดจำกัดอยู่บ้างสิ มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย"

คำตอบสำหรับคำถามนี้ของเพื่อนๆของฉันที่ไม่ค่อยมีอยู่จริงก็คือ เวลา 6 ปีนี่มันนานมากเลยนะ บางเรื่องที่ฉันพูดถึงฉันก็แค่ต้องอ่านและจำมันเท่านั้น ซึ่งต้องขอบคุณ 'การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ' ที่ทำให้ฉันได้รู้มันจึงเป็นเรื่องง่ายมากๆ ดังนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล

ดังนั้นเมื่อฉันอายุได้ 10 ขวบ ฉันจึง 'ละทิ้งอุตสาหกรรมดนตรี' และมุ่งเน้นไปที่ศิลปะการต่อสู้เป็นหลักเป็นเวลาอีก 5 ปี

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ฉันได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้หลายประเภท เช่น มวยไทย , เทควันโด . ไทเก๊ก , คิกบ็อกซิ่ง , คาราเต้ , กังฟู , ไอคิโด , ยูโด , เคนโด้ , คราฟมาคา , วิงชุน , จีตคุนโด , ฮับกิโด , คาโปเอรา , บราซิลเลียนยิวยิตสู และนินจุตสึ รวมถึงอาวุธประเภทต่างๆอีกมากมาย

และขอบอกเลยว่ามันเจ็บนะ ฉันอาจจะมีคงามเข้มแข็งทางจิตใจแต่ฉันต้องปรับความอดทนต่อความเจ็บปวดของตัวเองใหม่อีกครั้ง

คิดดูแล้ว เมื่อฉันตายฉันคงต้องทำแบบนี้ซ้ำอีก.... เชี่ย

บัดนี้เมื่ออายุได้ 15 ปี ฉันจึงตระหนักว่าจิตวิญญาณของฉันต่างหากที่เข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่เพราะอายุที่ทำให้ฉันฉลาดขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นพรในตัวมันเอง

ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องขอขอบคุณศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงที่ฉันได้เรียนรู้ ฉันจึงเริ่มสร้างศิลปะการต่อสู้ของตัวเองขึ้นมาโดยนำส่วนที่ดีที่สุดของศิลปะการต่อสู้แต่ละแขนงมาเชื่อมโยงกันในจุดที่เหมาะสมที่สุด

โดยเฉพาะวิชาดาบซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ฉันให้ความสำคัญมาก เนื่องจากฉันรู้ว่าฉันกำลังจะไปสู่โลกแห่งดาบและเวทมนตร์ ฉันจึงฝึกฝนวิชาดาบเป็นหลัก ทำให้มันอันตรายอย่างยิ่ง สง่างาม และเฉียบคม ไม่สามารถลืมเรื่องสไตล์ได้

ซึ่งจะทำให้ผู้คนรู้สึกทึ่งกับฝีมือดาบของฉัน ฉันเดาว่าการอยู่ในวงการภาพยนตร์ในอดีตชาติทำให้ฉันมีความปรารถนาที่จะโชว์และแสดงฝีมือ...

และเพื่อที่จะเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดนี้ ฉันต้องเดินทางไปทั่วโลกพร้อมกับเงินทั้งหมดที่ได้มาจากการแข่งขันดนตรีและคำเชิญงานปาร์ตี้ และพบปะกับผู้ฝึกสอนหลายๆคน หลังจากนั้นฉันจะต่อสู้กับพวกเขา ในระหว่างการต่อสู้นั้น ฉันจะเริ่มเลียนแบบพวกเขา ซึ่งจะทำให้พวกเขามีท่าทีตกใจและเริ่มสอนฉันอย่างเต็มใจ

เมื่อฉันอายุ 15 ปี พ่อแม่ของฉันต้องย้ายไปอเมริกาเพื่อย้ายงาน ฉันไม่สนใจมากนักเพราะไม่ได้สนิทกับพวกเขามากนัก เป็นเรื่องยากโดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นผู้ใหญ่แล้วในตอนเริ่มต้น

และเนื่องจากฉันกำลังจะ "ตาย" ฉันจึงไม่เห็นประเด็นอะไรที่จะต้องอยู่ร่วมกับพวกเขาเลย มันเป็นการเสียเวลา และจะทำให้พวกเขาเสียใจมากขึ้นเมื่อมันเกิดขึ้น ซึ่งมันดูโหดร้ายมาก ฉันนั้นเป็นนักฆ่า ไม่ใช่สัตว์ประหลาด

จากนั้นฉันก็ไปญี่ปุ่นเพื่อใช้ชีวิตช่วงที่เหลือของชีวิตที่นั่น ฉันตัดสินใจเข้าเรียนในโรงเรียนที่มิโนรุเคยเรียนอยู่ 'Sakurazaka Senior High (โรงเรียนมัธยมซากุระซากะ)' เหตุผลก็ง่ายๆ ก็คือเพื่ออากาเนะ นิชิโนะ ไม่ใช่เพราะเหตุผลเรื่องความใคร่

สิ่งนึงในหลายๆอย่างที่ชายชราคนนั้นได้สอนฉันก็คือวิธีควบคุมความใคร่ ซึ่งเป็น 1 ในหลายๆเหตุผลที่นักฆ่าหลายๆคนนั้นล้มเหลวในภารกิจหรือถูกฆ่าระหว่างนั้นก็เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และยอมจำนนต่อความใคร่

แม้ว่าฉันจะไม่รังเกียจที่จะสร้างฮาเร็มในอนาคตอันใกล้นี้ก็ตาม แต่ความปรารถนานี้ส่วนใหญ่มาจากการไม่มีความสัมพันธ์ที่มีความหมายใดๆ เลย ยกเว้นจากชายชรา...

ดังนั้นเหตุผลไม่ใช่ความใคร่ แต่เป็นเพราะว่าเธอสามารถเป็นประโยชน์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกนี้กำลังแย่ลง

และเมื่อฉันไปลงทะเบียนเรียน ผู้คนก็เริ่มจำฉันได้ แต่พวกเขากลับปล่อยฉันไว้คนเดียวเพราะการมีฉันอยู่ด้วยทำให้ฉันพยายามไม่ให้ใครมายุ่งซึ่งคนอื่นๆมองว่าเป็นเรื่องแปลก

ในช่วงเรียนมัธยมปลาย ฉันมักจะเก็บตัวอยู่คนเดียวโดยไม่พบเหตุผลที่จะต้องเข้าสังคมกับใครเลย และฉันใช้เวลาที่เหลือไปกับการศึกษาเรื่องธุรกิจและสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์ได้

และเวลาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดฉันก็อายุ 17 ปีและเพื่อนบ้านที่นั่งข้างๆฉันก็กลายเป็นอากาเนะ นิชิโนะ

นั่นคือตอนที่ฉันรู้ว่าฉันเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของชีวิตแล้ว

โปรดติดตามตอนต่อไป.

_______________

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด