บทที่ 5 หลี่เซี่ยนอวี่ “ผมเสียสติไปแล้ว”
บทที่ 5 หลี่เซี่ยนอวี่ “ผมเสียสติไปแล้ว”
วันรุ่งขึ้น หลี่เซี่ยนอวี่พาย่าทวดออกไปซื้อเสื้อผ้า เธอคงไม่สามารถใส่เสื้อผ้าผู้ชายไปตลอดได้
หลี่เซี่ยนอวี่เขียนรายการยาวเหยียด นอกจากเสื้อผ้าก็มีของใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อหลี่เซี่ยนอวี่ถามย่าทวดว่าจะซื้อผ้าอนามัยไหม ย่าทวดงงไปพักใหญ่
"งั้นผมถามใหม่ มีประจำเดือนมั้ยครับ" เขาถาม
คงไม่มีแล้วมั้ง ไม่งั้นประจำเดือนที่มา 100กว่าปี คิดแล้วก็น่ากลัว
หลี่เซี่ยนอวี่โดนย่าทวดฟาดคอ ตอนออกจากบ้าน คอเขายังเอียงอยู่เลย ต้องขอบคุณย่าทวดที่ยังปรานี ไม่งั้นโดนฟาดทีเดียว เขาคงไม่ทันได้สืบทอดวงศ์ตระกูลหลี่ ก็ต้องจากโลกนี้ไปสะแล้ว
ตอนนี้มีเงินเหลือบ้างแล้ว มรดกที่พ่อแท้ๆทิ้งไว้ให้ ไม่ได้ทำให้เขารวย แต่ 2แสนหยวน ก็พอให้ใช้ชีวิตสบายๆ ในเซี่ยงไฮ้ได้พักหนึ่ง
หลี่เซี่ยนอวี่นั่งแท็กซี่พาย่าทวดไปถนนคนเดินหนานจิง ย่านการค้าที่คึกคักที่สุดในเซี่ยงไฮ้ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างถิ่นต้องมาเยือนพร้อมกับหาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
ระหว่างทาง ย่าทวดเกาะหน้าต่างรถ ตื่นเต้นมองเมืองเซี่ยงไฮ้ผ่านกระจก
"หอไข่มุกบูรพานี่นา ตอนฉันเห็นมันครั้งแรก เพิ่งสร้างเสร็จ ตอนนั้นเป็นตึกที่สูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้มีตึกสูงกว่ามันหลายหลังแล้ว"
"ถนนกว้างขนาดนี้เลยหรือ บ้านคนก็สูงขนาดนี้..."
"ผู่ตง ไม่ใช่ที่กันดาร ที่แม้แต่นกยังไม่อึหรอกหรอ ไม่ได้มา 20กว่าปี เจริญขนาดนี้แล้ว"
นางพูดจ้อกแจ้ก พูดเยอะแยะ ทอดถอนใจกับความเปลี่ยนแปลงของเซี่ยงไฮ้
คนขับแท็กซี่อดไม่ได้ ถาม "น้องมาจากไหนหรอ?"
คำพูดของเธอสับสนวุ่นวาย ฟังไม่รู้เรื่อง คุณลุงเป็นคนท้องถิ่น ถ้าจำไม่ผิด หอไข่มุกบูรพาสร้างเสร็จประมาณปี 95 ตอนนั้นเด็กสาวยังไม่เกิดเลยนี่
ผู่ตง เมื่อ 20ปีก่อน ก็เป็นที่กันดารจริงๆ แต่หนูดูอายุยังไม่ถึง 20ด้วยซ้ำ
ที่ทำให้งงที่สุดคือน้ำเสียงของเธอ ราวกับไม่ได้ยุ่งกับโลกมา 20กว่าปี
ย่าทวดตอบเสียงใส "เมืองหลวง"
"...อ๋อ ที่แท้ก็คนปักกิ่ง" คนขับรถเพิ่งเข้าใจ แล้วถามต่อ "ที่บอกว่า 20กว่าปีก่อน หมายความว่าไง?"
ย่าทวดกำลังจะพูด หลี่เซี่ยนอวี่รีบแทรก "เธอชอบพูดเล่นน่ะครับ ฮ่า ฮ่าฮ่า"
เขาหัวเราะแห้งๆ
ดึงแขนเสื้อย่าทวด ส่งสายตาให้เงียบ
ไม่ได้กลัวความลับเรื่อง วิญญาณนักรบเมื่อ 100กว่าปีก่อน จะรั่วไหล แต่กลัวคนจะหาว่า เธอบ้า
ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเร่งด่วน การจราจรดี ครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็มาถึงจัตุรัสประชาชน
หลี่เซี่ยนอวี่จูงย่าทวดลงรถ แทรกเข้าฝูงชน เตือนว่า "ย่าทวด ต่อไปอย่าพูดเรื่องยุ่งๆนะ ราชวงศ์ชิงล่มสลายมา 100ปีแล้ว"
"รู้แล้วๆ"
ย่าทวดเชื่อฟังดี เธออาจจะดื้อบ้าง แต่ส่วนใหญ่ว่าง่าย อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น
"มีเรื่องหนึ่งอยากรู้" หลี่เซี่ยนอวี่จับมือนุ่มนิ่มของย่าทวด กันไม่ให้นางวิ่งพล่านเหมือนหมาหลุดเชือก "ย่าทวดเคยมีเหลนกี่คนครับ?"
"นับรวมแกด้วย" ย่าทวดนึก
"6คนมั้ง"
หลี่เซี่ยนอวี่สั่นสะท้านไปทั้งตัว หน้าซีด
150ปี เหลน 5คน เฉลี่ยแล้วแต่ละคนอยู่แค่ 30ปี บรรพบุรุษตระกูลหลี่อายุสั้นขนาดนี้เลยหรือ?
ย่าทวดถอนหายใจ "ด้วยเหตุผลบางอย่าง เลยมักมีอายุไม่ยืน แต่แกไม่ต้องกลัว ตราบใดที่ย่าทวดยังอยู่ ก็จะปกป้องเชื้อสายตระกูลหลี่ให้สืบต่อไปร้อยชั่วคน"
จู่ๆ หลี่เซี่ยนอวี่ก็รู้สึกกลัว
หลี่เซี่ยนอวี่จูงมือย่าทวดเดินนำหน้า ย่าทวดก้าวตาม มองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้น บางทีก็สนใจรถนำเที่ยว บางทีก็สนใจอาหารในมือนักท่องเที่ยว บางทีก็เหม่อมองป้ายร้านสีสันสดใส
ราวกับแฟนหนุ่มที่เบื่อๆ ลากแฟนสาวช่างสงสัยรักสนุก
ถ้ามีคู่รักจูบกันตามถนน นางคงจะหน้าแดงถ่มน้ำลาย แต่จริงๆแล้ว สังคมไม่ได้เปิดกว้างขนาดนั้น คู่รักที่กล้าจูบกันกลางถนนโดยไม่สนใจคนรอบข้างมีน้อยมาก
หลี่เซี่ยนอวี่นึกถึงวัยเด็กและวัยรุ่นของตน ตอนเด็กๆ ทุกเดือนพ่อแม่บุญธรรมจะพาเขามาซื้อเสื้อผ้าที่ถนนคนเดิน ครอบครัว 4คน มีความสุข พอโตขึ้น ก็มีแต่เขากับพี่สาวที่มาด้วยกัน
พี่สาวเป็นคนเย็นชา อยู่กับเธอ มักลำบากใจเสมอ
หลี่เซี่ยนอวี่หวาดกลัวอำนาจของพี่สาวมาหลายปี พอรู้ชาติกำเนิด ก็รีบย้ายออกมาอยู่คนเดียว หนีพ้นเงื้อมมือพี่สาว
เขาพาย่าทวดซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงมากมาย เน้นแบบมิดชิด หลี่เซี่ยนอวี่ชอบกางเกงขาสั้น กระโปรงจีบสั้น เสื้อสายเดี่ยว เสื้อเปิดไหล่ แต่ไม่ได้ซื้อสักชิ้น
ย่าทวดไม่อยากใส่เสื้อผ้าโป๊ คงเป็นเพราะเมื่อ 20กว่าปีก่อน ผู้หญิงที่อนุรักษ์นิยมก็แทบไม่ใส่เสื้อผ้าโป๊แบบนี้ ดังนั้นยุคนี้ในสายตาย่าทวดก็เลยไม่น่ารักอีกแล้ว
เดินดูรอบใหญ่ ถึงนึกได้ว่ายังไม่ได้ซื้อชุดชั้นใน จึงพาย่าทวดไปซื้อชุดชั้นใน
ชุดชั้นในสตรี เธอค่อนข้างคุ้นเคย ไม่ถึงกับเรียกร้องจะใส่เสื้อรัดอกแบบจีนอะไร เพราะเมื่อ 20กว่าปีก่อนก็เคยใส่มาแล้ว แต่ชุดชั้นในสตรียุคใหม่ทำเอาย่าทวดอายจนไม่รู้จะทำยังไง
หลี่เซี่ยนอวี่ชี้ชุดชั้นในที่ค่อนข้างโป๊ให้ดู ย่าทวดหน้าแดงพึมพำ "ฉันเกลียดยุคนี้ ใส่เสื้อผ้าไร้ยางอายแบบนี้"
ซื้อเสื้อผ้าเสร็จก็เตรียมกลับบ้าน วันนี้ร่างกายเขาไม่ค่อยดี ความอ่อนล้าของเอว นอนหลับคืนเดียวคงไม่ฟื้น
เห็นร้านนมเปรี้ยวเก่าแก่ริมถนน ย่าทวดยืนยันจะกิน หลี่เซี่ยนอวี่จ่ายเงินซื้อมา 2ขวด นมเปรี้ยวแบบนี้รสชาติธรรมดา ราคาแพง ความคุ้มค่าต่ำ มีแต่นักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่จะซื้อมาลองชิม
ย่าทวดไม่เคยกินนมเปรี้ยว คำแรกก็ถูกมันพิชิตใจแล้ว รสเปรี้ยมอมหวานระเบิดบนลิ้น เธอหรี่ตาอย่างมีความสุข มุมปากยังมีคราบนมขาวๆ
"อร่อยจัง ฉันชอบยุคนี้อีกแล้ว"
ย่าทวดผู้เกรียงไกร แลกยุคสมัยด้วยนมเปรี้ยวขวดเดียว
"ไปกันเถอะ หวังจิ่งเจ๋อ รอให้รู้จักแอปเถาเป่า และร้านเบอร์หนึ่ง เธอจะยิ่งชอบยุคนี้"
"หวังจิ่งเจ๋อคือใคร"
......
พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแล้ว หลังกลับบ้าน เขาสอนย่าทวดเรื่องการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐาน แม้ย่าทวดจะเป็นคนโบราณ แต่ก็ไม่ใช่คนโบราณที่หลับไป 100ปี เธอมีพื้นฐานการใช้ชีวิตสมัยใหม่ แค่อธิบายสั้นๆ ก็เข้าใจ
หลี่เซี่ยนอวี่หยิบมือถือเก่าที่เลิกใช้แล้วออกมา ชาร์จแบตเต็มก็ยังใช้ได้ จึงให้ย่าทวดไป
"หลี่เซี่ยนอวี่ ต่อไปฉันจะสอนวิชาฝึกลมปราณให้" ย่าทวดอาบน้ำเสร็จ ผมยังเปียก นั่งขัดสมาธิบนโซฟา เรียกหลี่เซี่ยนอวี่ที่กำลังเล่นเกม
"ฝึกลมปราณ?" งงไปครู่นึง ทั้งตัวตื่นเต้น เขาไม่สนใจเกมแล้ว สีหน้าตื่นเต้น "บำเพ็ญเซียนเหรอ"
"บำเพ็ญบ้านแกสิ!!" ย่าทวดพูดอย่างหงุดหงิด
"กลั่นสารให้เป็นลมปราณ กลั่นลมปราณให้เป็นจิต วิชาฝึกลมปราณ คือเทคนิคที่มนุษย์ค้นพบ ในยุคโบราณ เผ่าพันธุ์ปีศาจโบราณพบว่า เมื่อฝึกฝนร่างกายถึงระดับหนึ่ง จะเกิดความรู้สึกถึงพลังในร่างกาย มันคือพลังงานชนิดหนึ่งที่เซลล์ผลิตขึ้น ฝึกฝนด้วยวิธีพิเศษจะช่วยบำรุงร่างกาย ลมปราณและสารสกัดเกื้อกูลกัน เมื่อความรู้สึกได้ถึงพลังแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง ยังสามารถแตกแขนงเป็นความสามารถต่างๆ ต่างจากพลังพิเศษที่สืบทอดทางสายเลือด มันเป็นระบบนอกเหนือจากพลังสายเลือด"
"นี่เป็นพลังเหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียวที่มนุษย์สามารถควบคุมได้ คนธรรมดายากที่จะฝึกให้เกิดความรู้สึกถึงพลัง เพราะเซลล์ของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ เผ่าพันธุ์ปีศาจโบราณที่ต้องการปลุกพลังสายเลือด การฝึกลมปราณคือวิธีที่ดีที่สุด มันสามารถกระตุ้นเซลล์ให้ตื่น และได้รับพลังที่หลับใหลในสายเลือด"
สมัยโบราณคนไม่รู้วิชาฝึกลมปราณ จึงมีคำกล่าวว่า กลั่นสารให้เป็นลมปราณ ผ่านการฝึกฝนร่างกายให้เซลล์สร้างความรู้สึกถึงพลัง นี่คือวิธีฝึกลมปราณแบบดั้งเดิม
เมื่อวิชาฝึกลมปราณถูกพัฒนาและสมบูรณ์ขึ้น คนรุ่นหลังไม่จำเป็นต้องฝึกร่างกายก็สามารถฝึกลมปราณได้ (เฉพาะผู้สืบเชื้อสายเท่านั้น)
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน วิธีฝึกลมปราณคล้ายคลึงกัน มีดีมีเลว แต่ต่างกันไม่มาก
หัวใจของการฝึกลมปราณคือ การหายใจ
หายใจเอาพลังวิเศษเข้า ให้อวัยวะภายในสั่นสะเทือนตาม ฝึกอวัยวะภายในก่อน แล้วค่อยฝึกร่างกาย จากในออกนอก กังฟูภายในก็ใช้วิธีนี้
หลี่เซี่ยนอวี่เปิดหน้าต่าง ให้พลังวิเศษไหลเข้าห้อง ตามที่ย่าทวดบอก นั่งขัดสมาธิบนพื้น มือเท้าหงายขึ้น
ย่าทวดถ่ายทอดวิชาลับฝึกลมปราณที่สืบทอดในตระกูลหลี่ ใช้วิชาหลัก คือ เปิดประตูสวรรค์ ปิดประตูพื้นพิภพ
เปิดประตูสวรรค์รับพลังปฐมฟ้า ปิดประตูพื้นพิภพรักษาลมหายใจ
วิธีปฏิบัติจริง คือ ขมิบก้น เปิดจุดไป่หุย
พูดง่ายๆ คือ...เปิดสมอง
...ง่าย ผู้ชายทุกคน เคยผ่านมาแล้ว
ส่วนวิธีเปิดจุดไป่หุย ขอให้ย่าทวดจัดการ
การเปิดจุดไป่หุยเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของการฝึกลมปราณ เรียกว่าเปิดประตูสวรรค์ การฝึกหายใจง่ายมาก เรียนปุ๊บเข้าใจปั๊บ แต่จุดไป่หุยเปิดยาก ต้องมีผู้เชี่ยวชาญการฝึกลมปราณคอยช่วย ไม่งั้นคนทั่วไปจะเปิดไม่ได้
และถ้าไม่เปิดจุดไป่หุย พลังวิเศษก็ไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้
จึงมีคำกล่าวโบราณว่า
“เซียนลูบศีรษะข้า มอบชีวิตอันยืนยาว”
ขณะที่หลี่เซี่ยนอวี่ท่องคาถาการหายใจตามบท ย่าทวดก้าวมาข้างหน้า ยื่นมือขาวเนียนวางบนจุดไป่หุยบนศีรษะหลี่เซี่ยนอวี่
หลี่เซี่ยนอวี่ที่หลับตาอยู่รู้สึกว่าศีรษะร้อนวูบ ราวกับมีกระแสอุ่นไหลเข้ามา จากการกระตุ้นนั้น ในร่างกายก็เกิดกระแสอุ่นเช่นกัน
กระแสอุ่น 2สาย รวมตัวกันที่กลางอก จากนั้นก็ไหลเวียนไปทั่วเส้นลมปราณตามจังหวะการหายใจของเขา
ในวิชาฝึกลมปราณ ลมปราณไหลผ่านเส้นลมปราณหลัก 12เส้น เรียกว่าจิ่วเทียนเล็ก
เมื่อไหลผ่านเส้นลมปราณหลัก 12และเส้นตูเญิ่น จะเรียกว่าจิ่วเทียนใหญ่
ย่าทวดรักษาท่านี้ 1ชั่วโมง จนกระทั่งลมปราณในร่างหลี่เซี่ยนอวี่ไหลเวียนครบจิ่วเทียนใหญ่ 1รอบ เธอจึงเอามือออก พลางหายใจหอบเบาๆ
หลี่เซี่ยนอวี่เข้าสู่สภาวะที่ดี หายใจรับพลังวิเศษจากภายนอก บำรุงตัวเอง
"พรสวรรค์การฝึกลมปราณธรรมดามาก" ย่าทวดคิดอย่างกังวล แกะมันฝรั่งทอด กัดคำหนึ่ง ความกังวลนิดหน่อยนั้นก็หายไปทันที
มันฝรั่งทอดอร่อยจัง ชอบยุคนี้จัง ดวงตาหยีเป็นพระจันทร์เสี้ยว
กระบวนการนี้ดำเนินไปจนถึง 4ทุ่มครึ่ง ที่นอกหน้าต่างมีหมอกหนาปกคลุม ในห้องเงียบสงัด ย่าทวดคอยดูแลข้างๆ อย่างตั้งใจ
ในตอนนั้นเอง ลมหายใจของหลี่เซี่ยนอวี่พลันเร็วขึ้น จังหวะการหายใจวุ่นวาย
"ฮึบ!"
"ฮึบ!"
เขาเหมือนคนจมน้ำที่กระหายอากาศ หายใจหอบ 2-3ที ลืมตาพรวด ถอนจิตจากภวังค์ ลูกตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด เสียงแหบแห้ง "ย่าทวด ผมอาจจะเสียสติไปแล้ว"
--------------------------------
ฝากติดตาม สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
หากพบคำผิด แจ้งได้เลย