บทที่ 5 การหยั่งถึงกระบี่
บทที่ 5 การหยั่งถึงกระบี่
หลังจากทำลายลั่วชาเหมินจนสิ้นซาก
หลินเฟิงไม่ได้ต่อสู้กับคนจากสำนักมารอู่จี๋ที่มาช่วยเหลือ
เขาใช้เจตจำนงแห่งกระบี่ข่มขวัญศัตรูแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่เพราะกลัวจำนวนคนของอีกฝ่าย
แต่เพราะไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน
หลินเฟิงได้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเฉียนเต้าซง
ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักมารอู่จี๋ จากหลันหานซวง
ชายผู้นี้สามารถครองตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ได้ก็เพราะพลังที่ไม่มีใครเทียบได้
หากเริ่มการต่อสู้ ตัวตนในฐานะศิษย์ของสำนักกระบี่เสินเซียวต้องถูกเปิดเผย
ซึ่งอาจมีคนสงสัยมาถึงตัวเขาได้
เพราะสิ่งที่เขาใช้ นอกจากเจตจำนงแห่งกระบี่แล้ว ล้วนเป็นสิ่งที่ซูมู่ไป๋สอน
สำนักมารอู่จี๋และสำนักกระบี่เสินเซียวเป็นศัตรูกันมานาน
ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันเป็นอย่างดี
ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจว่าจะกำจัดศัตรูได้
หลินเฟิงเลือกที่จะล่าถอยชั่วคราว
ในอนาคตยังมีเวลามากพอที่จะจัดการกับสำนักมารอู่จี๋
พวกเขากล้าส่งลั่วชาเหมินมาทำร้ายซูมู่ไป๋
ก็เท่ากับว่ามีชื่อพวกเขาอยู่ในบัญชีที่จะต้องฆ่า
ส่วนพวกลั่วชาเหมินที่รอดชีวิตนั้น ถูกทำลายพลังจนสิ้นเชิง
การปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ จะเป็นการลงโทษที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
สำนักมารอู่จี๋ที่เป็นพวกสายมารนั้น ไม่เลี้ยงดูพวกไร้ค่าแน่นอน
ณ ดินแดนลี่โจว
ในขณะที่กลุ่มขุมอำนาจชั้นนำต่างให้ความสนใจในตัวหลินเฟิง
เขาได้กลับไปยังยอดเขากู่ฉุนอย่างเงียบ ๆ
แต่ครั้งนี้เขาไม่คิดจะใช้ชีวิตอย่างง่ายดายเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
หนึ่งเดือนให้หลัง เขายังต้องไปยังเขตลับเก้าหายนะเพื่อค้นหาดอกบุปผาให้กับอาจารย์
ดังนั้นการเร่งพัฒนาพลังของตัวเองจึงสำคัญมาก
ในอดีต หลินเฟิงเคยคิดว่า การอยู่ในสำนักกระบี่เสินเซียวที่เป็นขุมอำนาจระดับสูง ขอแค่ไม่ไปก่อเรื่องกับใคร ใช้ชีวิตอยู่บนยอดเขากู่ฉุนอย่างสันโดษก็น่าจะปลอดภัยและยืนยาว
แต่เหตุการณ์ที่ซูมู่ไป๋ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ทำให้เขารู้ว่า
สำนักกระบี่เสินเซียวไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยเสมอไป
หากต้องการมีชีวิตรอดอย่างยั่งยืน ต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
สำนักกระบี่เสินเซียว, ยอดเขากู่ฉุน
หลินเฟิงนั่งสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่อย่างสงบนิ่ง
หากมีนักฝึกกระบี่มาเห็นภาพนี้ คงรู้สึกทั้งอิจฉาและตกตะลึง
เพราะในตอนนี้ หลินเฟิงได้เข้าสู่สภาวะที่ล้ำลึกและอธิบายไม่ได้
เรียกว่า "การหยั่งถึงกระบี่"
การหยั่งถึงกระบี่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้นักฝึกกระบี่สามารถต่อสู้เหนือระดับได้
การหยั่งถึงกระบี่มี 4 ขั้น ได้แก่ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ กระบี่เจตจำนง กระบี่มิติ
และวิถีกระบี่
แต่ละขั้นแบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ขั้นละเอียด ขั้นต้น ขั้นสมบูรณ์ และขั้นสูงสุด
หลินเฟิงในขณะนี้ อยู่ที่ขั้นที่สองของการหยั่งถึงกระบี่—กระบี่เจตจำนง
และอยู่ในระดับขั้นสมบูรณ์ของกระบี่เจตจำนง
หากเขาสามารถไปถึงขั้นสูงสุดของกระบี่เจตจำนงได้
จะมีโอกาสเข้าสู่ขั้นที่สาม—กระบี่มิติ
การหยั่งถึงกระบี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็สามารถทำได้
ต้องมีพรสวรรค์ด้านกระบี่ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น
การเตรียมพร้อม
หลินเฟิงเข้าใจว่า การเพิ่มพลังต่อสู้ได้เร็วที่สุดสำหรับนักฝึกกระบี่
ไม่ใช่การเพิ่มระดับพลัง แต่คือการหยั่งถึงกระบี่
การหยั่งถึงกระบี่มีโอกาสสำเร็จในเวลาอันสั้น
ซึ่งต่างจากการเพิ่มระดับพลังที่ต้องสะสมเป็นเวลานาน
หากหลินเฟิงสามารถก้าวไปถึงขั้นที่สามของการหยั่งถึงกระบี่ได้สำเร็จ
การเผชิญหน้ากับอันตรายใด ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป
……………………………………………………………..
แม้จะยังไม่ได้เข้าสู่เขตแดนกระบี่มิติ หลินเฟิงก็มั่นใจว่าหากเขาบรรลุถึงจุดนั้น
เขาจะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้
การปรับตัวของหลินเฟิง
หลังจากครุ่นคิดถึงสถานการณ์ หลินเฟิงเข้าใจว่าการเข้าไปในดินแดนจิ่วโยวต้องเผชิญกับความเสี่ยงมหาศาล ไม่เพียงแต่จากศัตรูภายนอก
แต่ยังรวมถึงกลไกที่ซ่อนอยู่ในเขตแดน
เป้าหมายหลักของเขาในครั้งนี้ชัดเจนคือการหา ดอกบุปผา เพื่อรักษาอาจารย์
เหตุผลที่หลินเฟิงเลือกไม่เปิดเผยตัวตน:
เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็น
การเตรียมตัวก่อนเข้าสู่จิ่วโยว
หลินเฟิงใช้เวลาสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนจิ่วโยว
และค้นหาจุดอ่อนที่ศัตรูอาจจะโจมตี เพื่อให้การเดินทางนี้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
คุณต้องการสานต่อเรื่องราวในมุมใดเพิ่มเติม?
เช่น การวางแผนเข้าดินแดนจิ่วโยว หรือพัฒนาตัวละครอื่นในเรื่อง?