ตอนที่แล้วบทที่ 473: ฉันอยากลงทุนกับเธอ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 475: จิตใจโหดร้ายเหลือเกิน

บทที่ 474: การแข่งขันระดับชาติช่วงที่สาม


เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในพริบตาก็มาถึงวันที่จะจัดการแข่งขันระดับชาติในช่วงที่สาม

สนามประลองสัตว์อสูรแห่งเกียรติยศ

ดอกไม้ไฟหลากสีสันถูกจุดขึ้นสู่ท้องฟ้า ระเบิดออกเป็นรูปร่างของสัตว์อสูรต่างๆ ที่เคยปรากฏตัวในการแข่งขันระดับชาติ

"สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่การแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติ!" ชายในชุดสูทสีขาวลอยอยู่กลางอากาศยืนอยู่บนสัตว์อสูรที่บินได้ กล่าวออกมาด้วยเสียงดัง "ต่อไปนี้เราจะเข้าสู่การแข่งขันรอบ 34 คนเพื่อคัดเหลือ 17 คน!"

หลังจากจบการแข่งขันในรอบที่สอง มีผู้เข้ารอบทั้งหมด 33 คน

แต่เนื่องจากมีการจัดแข่งรอบคัดเลือกใหม่ในกลุ่มผู้แพ้เพื่อหาผู้เข้ารอบเพิ่มอีก 1 คน ทำให้จำนวนผู้เข้ารอบสุดท้ายกลายเป็น 34 คน

ขณะนั้นเองเฉียวซางก็ปรากฏตัวในห้องพักผู้เข้าแข่งขัน

ทันทีที่เธอนั่งลง สายตาจากทุกมุมต่างจับจ้องมาที่เธอ

ภายใต้กล้องถ่ายทอดสด ผู้คนแทบทั้งหมดต่างพร้อมใจกันหันมองไปยังทิศทางเดียวกัน

"นี่คือเฉียวซางเหรอ ดูเหมือนจะอายุ 15 จริงๆ แฮะ"

"อายุน่ะโกหกไม่ได้อยู่แล้ว แม้กระทั่งประวัติว่าเธอเข้าเรียนอนุบาลเมื่อไหร่ก็ยังถูกขุดขึ้นมาได้เลย"

"ขุดถึงอนุบาลเลยเหรอ นี่มันเกินไปแล้วมั้ง…"

"ที่นี่อาจจะไม่ขนาดนั้น แต่ที่ภูมิภาคเย่หัวน่ะ เขาบ้ากันไปแล้ว ได้ยินว่าอนุบาลที่เธอเคยเรียนอยู่ ตอนนี้เต็มยาวไปถึงสามปีข้างหน้าแล้ว"

"ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก คนเก่งต้องฝึกตั้งแต่เด็ก อนุบาลที่สามารถสอนเฉียวซางได้ก็คงไม่ธรรมดา ถ้าบ้านเราไม่ได้อยู่ที่ภูมิภาคฉีลู่ล่ะก็ญาติที่มีลูกของบ้านเราคงจะรีบไปสมัครอนุบาลนั้นกันหมดแล้ว"

ท่ามกลางเสียงพูดคุยของฝูงชน พิธีกรเริ่มดำเนินรายการไปตามลำดับ และรายชื่อการแข่งขันก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอเสมือนจริงอย่างรวดเร็ว

[ภูมิภาคตงเจี่ย: เกาซู VS ภูมิภาคจงคง: จ้าวชวนอวี้]

[ภูมิภาคฉีลู่: เฝิงชางเฟย VS ภูมิภาคจือเตี้ยน: โจวซ่านเลี่ยง]

[ภูมิภาคจ้งเต่า: หลิวหย่งหมิง VS ภูมิภาคเป่ยหลุน: จางซือหย่า]

[ภูมิภาคเหลียวซี: ฉุยผิงคุน VS ภูมิภาคจงคง: ลั่วหยางหยาง]

...

[ภูมิภาคกู่ลู่: เถียวเสี่ยวอวิ๋น VS ภูมิภาคเย่หัว: เฉียวซาง]

...

“เถียวเสี่ยวอวิ๋น…” ซุ่นปั๋วอวี่เปิดสมุดจดในมือ พลางพูดว่า

“อายุ 17 ปี ผู้หญิง ปลุกพลังด้วยตัวเองหนึ่งสัปดาห์ก่อนการสอบเข้ามัธยมปลาย ตอนมัธยมปีที่ 4 เธอเข้าร่วมการแข่งขันประเภททีมในรายการแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติ ต่อมาเนื่องจากความโดดเด่นของความสามารถส่วนตัว เธอจึงเปลี่ยนไปแข่งขันแบบเดี่ยวในปีถัดมา”

“สัตว์อสูรตัวแรกของเธอคือสัตว์อสูรประเภทพลังจิตระดับสูงอสูรปากยักษ์ สัตว์อสูรตัวนี้สามารถปล่อยคลื่นอัลฟาพิเศษออกมา เมื่อเข้าใกล้จะทำให้รู้สึกปวดหัว และทุกครั้งที่ใช้พลัง คลื่นอัลฟาที่ปล่อยออกมาจะทำให้เครื่องจักรรวน ถือว่าเป็นตัวปราบสัตว์อสูรสายจักรกลโดยตรง”

“ส่วนตัวที่สองคือสัตว์อสูรประเภทแมลงระดับกลางผึ้งสามหัว มีลักษณะเฉพาะตัวคือสัญชาตญาณของแมลงและโลหะเบา”

“ถึงแม้ผึ้งสามหัวจะเป็นสัตว์อสูรระดับกลาง แต่เมื่อปีที่แล้วตอนมัธยมปีที่สอง...”

ตั้งแต่ซุ่นปั๋วอวี่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเฉียวซางเลย เขาก็ตั้งใจว่าจะต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเองให้ได้ ในช่วงสองวันนี้เขาจึงก้มหน้าก้มตาดูการแข่งขันเก่าๆของรายการระดับประเทศ หาข้อมูลจนถึงดึกดื่นถึงขั้นอยากจะขุดว่าในสองปีที่ผ่านมาผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ใช้ทรัพยากรอะไรไปกับสัตว์อสูรบ้าง

แต่ยังพูดไม่ทันจบหลิวเหยาก็ยกมือขึ้นตัดบท “เฉียวซาง เธอรู้ใช่ไหมว่าลักษณะเฉพาะตัวสัญชาตญาณของแมลงและโลหะเบาคืออะไร”

เฉียวซางพยักหน้า “สัญชาตญาณของแมลงคือเมื่อพลังงานในตัวสัตว์อสูรเหลือน้อยกว่าหนึ่งในสี่ ความสามารถของทักษะประเภทแมลงและความเร็วจะเพิ่มขึ้นสองเท่า ส่วนโลหะเบาคือระหว่างการต่อสู้ น้ำหนักตัวของมันจะลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งค่ะ”

ซุ่นปั๋วอวี่อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “รองผู้อำนวยการ เรื่องพื้นฐานแบบนี้เฉียวซางต้องรู้แน่ๆอยู่แล้วล่ะครับ”

แต่เฉียวซางคิดในใจ เปล่าหรอก เธอก็เพิ่งมารู้ระหว่างที่ดูข้อมูลผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆตอนแข่งเหมือนกัน…

ถึงแม้จะไม่ได้เปิดหนังสือเรียนมานาน แต่การแข่งขันก็ถือเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบหนึ่ง การได้รู้จักสัตว์อสูรจากภูมิภาคอื่นๆ ในหลายๆด้านทำให้เธอเข้าใจอะไรมากขึ้น

ไอ้พวกที่หมกมุ่นอยู่กับการแข่งขันแบบนายจะไปรู้อะไร นายยังไม่รู้เลยว่าเฉียวซางสอบเข้ามาด้วยคะแนนเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเฉียวซางก็พัฒนาขึ้นมาก หากไม่ใช่เพราะภาพตอนที่เธอกำลังจะกินผลหมื่นเปลวซึ่งเป็นผลไม้ที่สัตว์อสูรประเภทไฟกินได้เท่านั้นติดอยู่ในหัว หลิวเหยาก็คงไม่ติดภาพว่าเธอเรียนไม่เก่งแบบนี้…

หลิวเหยาคิดอะไรไปมากมาย แต่ใบหน้ากลับนิ่งเฉย “พูดต่อไป”

ซุ่นปั๋วอวี่ได้ยินดังนั้นจึงก้มลงมองสมุดจดในมือก่อนพูดต่อ “เถียวเสี่ยวอวิ๋นเคยใช้ยากระตุ้นความเร็วระดับ A กับผึ้งสามหัวเมื่อปีที่แล้ว…”

ยากระตุ้นความเร็ว? เพิ่มความเร็วงั้นเหรอ? เฉียวซางตั้งใจฟังอย่างจริงจัง เพราะนี่เป็นข้อมูลที่เธอไม่เคยเห็นในเอกสารที่ค้นมาก่อน

ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปไม่กี่เมตร เถียวเสี่ยวอวิ๋นกำลังทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “จบกัน ทำไมฉันโชคร้ายขนาดนี้ แค่รอบ 34 คนก็เจอกับปีศาจเฉียวเข้าให้ซะแล้ว”

ผู้หญิงในเสื้อโค้ทสีดำที่ยืนอยู่ข้างๆซึ่งมีบุคลิกสุขุมเคร่งขรึมขมวดคิ้ว “การแข่งขันยังไม่ทันเริ่มเลย เธอก็เสียขวัญไปกว่าครึ่งแล้ว เมื่อไหร่เธอจะเลิกนิสัยนี้ได้สักที ฝีมือก็ไม่ได้อ่อนแต่ใจยังเสาะไม่เปลี่ยนเลย”

เถียวเสี่ยวอวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนดวงตาจะเป็นประกายแล้วจ้องมองผู้หญิงคนนั้น “อาจารย์ฉุย อาจารย์มั่นใจในตัวฉันในการแข่งขันครั้งนี้ใช่ไหมคะ?”

ผู้หญิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเบนสายตาไปทางอื่น “แน่นอนสิ เสี่ยวอวิ๋น เธอต้องเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ได้ด้อยกว่าใคร”

งั้นก็อย่ามองไปทางอื่นสิ มองหน้าฉันแล้วพูดมาเลย! เถียวเสี่ยวอวิ๋นแอบบ่นในใจพลางมุมปากกระตุกเบาๆ

เวลาค่อยๆผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย ซึ่งเป็นเวลาที่เฉียวซางต้องขึ้นแข่งขัน

พิธีกรที่ยืนอยู่บนสัตว์อสูรประเภทบินสีขาวปรากฏตัวกลางอากาศ พลางประกาศเสียงดังว่า

“ต่อไป ขอเชิญเฉียวซางจากภูมิภาคเย่หัว และเถียวเสี่ยวอวิ๋นจากภูมิภาคกู่ลู่เข้าสู่สนามแข่งขัน!”

เสียงโห่ร้องและเสียงตะโกนดังกระหึ่มขึ้นมาในทันที การแข่งขันยังไม่เริ่ม แต่บรรยากาศในหมู่ผู้ชมก็ร้อนแรงจนแทบระเบิด

“เฉียวซาง! เฉียวซาง!”

“เฉียวซาง! เฉียวซาง!”

ความหลงใหลในตัวผู้แข็งแกร่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกยุคสมัย

แม้เฉียวซางจะมีอายุเพียง 15 ปี แต่เธอแข็งแกร่งเกินวัยจริงๆ!

การที่ฝีมือเทียบเท่ากันนั้นถึงจะเรียกว่าคู่แข่ง แต่ถ้าความต่างของความสามารถมากจนเกินไป ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเปรียบเทียบอีกต่อไป เพราะมันไม่ใช่การแข่งขันอีกแล้ว

ในขณะนี้ นอกจากโรงเรียนที่สื่อเคยรายงานไว้ว่าเป็นตัวเก็งแชมป์ในช่วงแรกๆและโรงเรียนของเถียวเสี่ยวอวิ๋นแล้ว นักเรียนจากโรงเรียนในภูมิภาคอื่นๆเกือบทั้งหมดก็ตะโกนเรียกชื่อเฉียวซาง

นักเรียนในชุดเครื่องแบบสีดำที่นั่งเรียงแถวกันแน่นขนัดฟังเสียงตะโกนอึกทึกในสนามด้วยใบหน้าตึงเครียด บรรยากาศในกลุ่มเงียบงัน

ไม่กี่วินาทีผ่านไป เด็กชายคนหนึ่งก็อดรนทนไม่ไหวเป็นคนแรกที่พูดขึ้น

“พวกนายทำไมไม่ตะโกนบ้างล่ะ?”

“เสียงคนอื่นดังขนาดนี้ ตะโกนไปก็ไม่ได้ยินหรอก” เด็กสาวที่นั่งข้างๆตอบกลับ

“หา? เธอพูดอะไรนะ!” เด็กชายไม่ได้ยินชัด จึงโน้มตัวเข้ามาใกล้

เด็กสาว: “…”

ในสนามแข่ง

เฉียวซางและเถียวเสี่ยวอวิ๋นยืนอยู่ในตำแหน่งของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ทั้งสองคนก็ประสานมือทำสัญลักษณ์เรียกสัตว์อสูรของตัวเองออกมา

“ซานซาน”

“ปิงลู่”

เมื่อสัตว์อสูรปรากฏตัวบนสนาม ส่วนหนึ่งของผู้ชมก็ตื่นเต้นจนลุกขึ้นยืนพร้อมกรีดร้อง

“กรี๊ดดดดดด! พรายพิชิตเหมันต์! พรายพิชิตเหมันต์!”

“ไม่ไหวแล้ว ฉันจะร้องไห้! ตอนแข่งรอบคัดเลือกฉันไม่ได้ตั๋ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าฟ้าจะให้โอกาสฉันได้เห็นพรายพิชิตเหมันต์ในรอบระดับประเทศ!”

“พรายพิชิตเหมันต์! แม่จะเชียร์ลูกเสมอไป!”

ผู้ชมส่วนที่เหลือต่างมองดูคนกลุ่มนั้นด้วยสายตาแปลกๆ

“พวกนี้เป็นอะไรเนี่ย บ้ากันไปแล้วหรือไง”

“นี่ถือว่าเบาแล้วนะ นายไม่ได้เห็นตอนแข่งรอบคัดเลือกที่จัดในภูมิภาคกู่หวู่สินะ นั่นแหละที่เรียกว่าบ้าของจริง” ผู้ชมจากภูมิภาคเหลียนเก้อที่เคยได้ดูรอบคัดเลือกในภูมิภาคกู่หวู่พูดพร้อมทำหน้าตาเหนื่อยหน่าย

“ก็เข้าใจได้ล่ะนะ เพราะสัตว์อสูรที่เฉียวซางเรียกออกมาตัวนี้เป็นสัตว์อสูรหายากจากภูมิภาคกู่หวู่”

“ฉันเคยดูรอบคัดเลือกที่ถ่ายทอดสดในเน็ต แต่พอได้มาดูสดๆแบบนี้ก็ยังรู้สึกว่าพวกนั้นคลั่งกันเกินไป เหมือนพวกแฟนคลับสายเลือดแท้เลย”

“เอาจริงๆนะ ฉันว่าเฉียวซางเหมาะไปแข่งพวกการประสานงานมากกว่า สัตว์อสูรที่เธอมีแต่ละตัวดูสง่างามทั้งนั้น แม้กระทั่งสัตว์อสูรประเภทผีตัวนั้นก็ยังดูน่ารักกว่าสัตว์อสูรประเภทผีทั่วไปอีก”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

ที่นั่งแถวหน้าในอัฒจันทร์ผู้ชม

“อ๊ะ!” ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูมีบุคลิกสง่างามและมีความรู้ อายุราวสามสิบกว่าปี อยู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง ดวงตาจับจ้องไปยังสัตว์อสูรในสนามด้วยสีหน้าตื่นเต้นอย่างยิ่ง

“รัฐมนตรีหลัน?” คนข้างๆเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ ก็เอ่ยเรียกด้วยความสงสัย

ผู้หญิงคนนั้นตัวแข็งไปชั่วครู่ ก่อนจะพยายามเก็บอาการและนั่งกลับลงไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในสนามแข่ง

เสียงนกหวีดจากกรรมการดังขึ้น เป็นสัญญาณเริ่มต้นของการแข่งขัน

พรายพิชิตเหมันต์เป็นสัตว์อสูรที่มีความสามารถในการรักษา ถ้าหากไม่สามารถจัดการมันให้ร่วงได้ในทันที การพยายามโจมตีให้ได้รับบาดเจ็บก็อาจไร้ประโยชน์… อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ เถียวเสี่ยวอวิ๋นวางแผนไว้ว่าจะใช้ความเร็วของผึ้งสามหัวในการค่อยๆลดพลังงานของพรายพิชิตเหมันต์ลงไปเรื่อยๆเมื่อพลังงานลดลงจนเหลือไม่มาก โอกาสของอสูรปากยักษ์ก็อาจมาถึง

แม้ว่าเถียวเสี่ยวอวิ๋นจะดูขาดความมั่นใจในก่อนหน้านี้ แต่ทันทีที่การแข่งขันเริ่ม บุคลิกของเธอก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“เริ่มเคลื่อนไหว!” เธอออกคำสั่งด้วยสายตาเฉียบคม

“ซานซาน!”

ผึ้งสามหัวเปล่งเสียงออกมาก่อนจะพุ่งตัวออกไปเหมือนเงา

ทิศทางของมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พุ่งไปราวกับแสงสีเหลืองที่สลับซับซ้อนและไม่มีรูปแบบชัดเจน

ลู่เป่ายืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาจับจ้องไปยังแสงสีเหลืองที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า ดูเหมือนจะสามารถมองทะลุเส้นทางของมันได้

พรายพิชิตเหมันต์ใจเย็นมาก มันคงมองเห็นเส้นทางของเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนที่เร็วนี้ได้จริงๆ… เถียวเสี่ยวอวิ๋นมองไปยังร่างสีฟ้าของมันด้วยสีหน้าจริงจัง

เธอศึกษาเกมของเฉียวซางในทุกการแข่งขัน โดยเฉพาะในรอบคัดเลือกที่พรายพิชิตเหมันต์สามารถมองทะลุการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของแมลงคีมสายฟ้าและจัดการมันด้วยท่าหางน้ำเพียงครั้งเดียว

แต่ถ้าเส้นทางไม่ใช่แค่เส้นเดียวล่ะ?

ทันใดนั้นแสงสีเหลืองที่พุ่งไปมาในอากาศก็แยกตัวออกจากกัน หนึ่งกลายเป็นสอง สองกลายเป็นสี่

แสงสีเหลืองทั้งสี่วิ่งสลับซับซ้อนในอากาศ ไขว้กันไปมาแล้วแยกออกด้วยความเร็วสูงจนเกินจะติดตามได้ด้วยตาเปล่า

กระทั่งจำนวนแสงสีเหลืองทั้งหมดว่ามีกี่เส้นกันแน่ก็ยังมองไม่ชัด

ในตอนนั้นเอง เฉียวซางเอ่ยขึ้นมาว่า

“เรียกฝน”

“ปิงลู่”

ลู่เป่าเงยหน้าขึ้นแล้วอ้าปาก

“รีบขัดจังหวะมันซะ!” เถียวเสี่ยวอวิ๋นตอบโต้ทันที

การใช้ทักษะเรียกฝนถึงแม้จะทำให้พลังงานของพรายพิชิตเหมันต์ลดลงบ้าง แต่สำหรับสัตว์อสูรระดับสูงแล้ว พลังงานที่เสียไปนั้นถือว่าเล็กน้อย

แต่ถ้าฝนตกสำเร็จ ผลเสียจะใหญ่หลวงเกินกว่าจะแบกรับได้ ความเร็วของผึ้งสามหัวจะลดลงและด้วยลักษณะเฉพาะตัวอย่างว่ายน้ำเร็วของพรายพิชิตเหมันต์แล้วความเร็วของมันจะเพิ่มความเร็วของมันขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งหากเป็นแบบนั้นผึ้งสามหัวอาจพ่ายแพ้ในเวลาอันรวดเร็ว

ดังนั้นเถียวเสี่ยวอวิ๋นจึงเลือกที่จะขัดจังหวะการใช้ทักษะเรียกฝนและพยายามก่อกวนพรายพิชิตเหมันต์ให้ต้องโจมตีบ่อยๆเพื่อทำให้มันสูญเสียพลังงานไปอย่างรวดเร็วที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด