บทที่ 468: เฉียวซางปะทะซ่งซินเยวี่ย
[ภูมิภาคจือเตี้ยน: โจวซ่านเหลียง VS ภูมิภาคจงคง: จูหย่าหลิน]
[ภูมิภาคเป่ยหลุน: เถา หรง VS ภูมิภาคถูเหว่ย: หลี่เจิ้นหยู]
[ภูมิภาคเหลียนเก้อ: จางลู่ VS ภูมิภาคเหลียวซี: ไช่หางเฉิง]
[ภูมิภาคกู่ลู่: หม่าอี้เหวิน VS ภูมิภาคตงเจี่ย: พานห้าว]
……
[ภูมิภาคเย่หัว: เฉียวซางปะทะภูมิภาคเหลียนโป: ซ่งซินเยวี่ย]
ในช่วงที่สองของการแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติ มีทั้งหมด 33 คู่ รวมผู้เข้าแข่งขัน 66 คน
เมื่อเฉียวซางเห็นรายชื่อคู่ต่อสู้ของตัวเอง เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เผชิญหน้ากับซ่งซินเยวี่ยในรอบนี้ ทั้งที่ในใจลึกๆก็เคยจินตนาการถึงความเป็นไปได้นี้ แต่ไม่เคยคิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้...
“ซ่งซินเยวี่ย…” ซุ่นปั๋วอวี่ที่เห็นชื่อนี้อยู่ใกล้ๆกัน หันมาเตือนด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย “เฉียวซาง เธอรู้ใช่ไหมว่าจะต้องส่งสัตว์อสูรตัวไหนลงไปก่อน?”
เฉียวซางนึกถึงแววตาของหยาเป่าที่ดูตื่นเต้นอยากสู้กับวิหคเพลิงซ่อน เธอพยักหน้าตอบสั้นๆ “รู้ค่ะ”
ซุ่นปั๋วอวี่สบตากับหลิวเหยา พลางรู้สึกโล่งใจที่เฉียวซางดูจะเข้าใจคำถามในทันที และเมื่อเธอยืนยันแบบนี้ น่าจะหมายความว่าคงไม่ส่งสุนัขเพลิงพร่างพรายลงไปก่อนอีก
ในห้องพักผู้เข้าแข่งขัน ห่างจากเฉียวซางประมาณสิบเมตร ชายวัยกลางคนที่มีผมบางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์นิดหน่อย รอบนี้ให้ส่งวิหคเพลิงซ่อนออกไปก่อน”
“ค่ะ” ซ่งซินเยวี่ยพยักหน้าตอบทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งจากอาจารย์ผู้ดูแล
ชายวัยกลางคนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้น “เธอจะไม่ถามว่าทำไมเหรอ?”
ซ่งซินเยวี่ยตอบอย่างเรียบง่าย “ทำไมคะ?”
ชายวัยกลางคน: “…”
เขาถอนหายใจเบาๆก่อนอธิบาย “ฉันศึกษาการแข่งขันของเฉียวซางมาบ้าง เธอมักจะใช้สัตว์อสูรตัวเดียวจัดการคู่ต่อสู้ทั้งสองตัวเลย ซึ่งแต่เดิมฉันคิดว่ารอบนี้เฉียวซางจะส่งพรายพิชิตเหมันต์ที่สามารถชนะเธอได้อย่างขาดลอยลงไปก่อน แต่หลังจากที่เธอเคยเจอกับเฉียวซางที่โรงแรมในครั้งก่อน ฉันเดาว่าเฉียวซางจะเปลี่ยนมาส่งสุนัขเพลิงพร่างพรายแทน”
ซ่งซินเยวี่ยชะงักไปเล็กน้อยก่อนถามกลับว่า “ทำไมคะ?”
เมื่อเห็นซ่งซินเยวี่ยเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน ชายวัยกลางคนก็ยิ้มพอใจเล็กน้อย
“อัจฉริยะมักมีความหยิ่งทะนงเป็นธรรมดา โดยเฉพาะอัจฉริยะอย่างเฉียวซาง ตอนนั้นเธอใช้เหตุผลว่าวิหคเพลิงซ่อนไม่มีความท้าทายในการต่อสู้กับสัตว์อสูรประเภทไฟเลยปฏิเสธที่จะสู้กับเธอ”
“ยิ่งพูดแบบนี้ เฉียวซางก็ยิ่งอยากใช้สุนัขเพลิงพร่างพรายของเธอสู้กับวิหคเพลิงซ่อนให้ได้”
“อัจฉริยะมักรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น ยิ่งคนอื่นคิดว่าเธอทำไม่ได้ เธอก็ยิ่งอยากพิสูจน์ว่าเธอทำได้”
“อีกอย่าง พวกเธอเพิ่งเจอกันไม่กี่วันก่อน ตอนนั้นเฉียวซางอาจจะยังไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นรูปของเธอ เฉียวซางน่าจะจำได้แล้ว”
“ถึงแม้ว่าเดิมทีเฉียวซางอาจไม่ได้คิดจะส่งสุนัขเพลิงพร่างพรายลงไป แต่ทันทีที่รู้ว่าคู่ต่อสู้คือเธอ เฉียวซางก็อาจจะเปลี่ยนใจ”
ซ่งซินเยวี่ยนิ่งคิด แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างเพราะการแข่งขันระดับประเทศแบบนี้ ใครจะส่งสัตว์อสูรที่ไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะลงไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ…แต่พอคิดว่าเป็นเฉียวซาง เรื่องแบบนี้ก็อาจจะเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน เพราะถึงสุนัขเพลิงพร่างพรายจะแพ้ เธอก็ยังมีสัตว์อสูระดับสูงอีกตัวที่สามารถพลิกเกมได้
ซ่งซินเยวี่ยพยักหน้าช้าๆ “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
การแข่งขันดำเนินไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งใกล้เที่ยง ชายในชุดสูทสีขาวที่ยืนอยู่บนสัตว์อสูรบินได้ที่มีลำตัวสีขาวปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ ก่อนจะประกาศเสียงดังว่า
“ต่อไป ขอเชิญเฉียวซางจากภูมิภาคเย่หัว และซ่งซินเยวี่ยจากภูมิภาคเหลียนโปเข้าสู่สนาม!”
เสียงเชียร์สองสายดังสนั่นไปทั่วสนามแข่งขัน
“เฉียวซาง! เฉียวซาง! เฉียวซาง!”
“ซ่งซินเยวี่ย! ซ่งซินเยวี่ย! ซ่งซินเยวี่ย!”
ผู้ชมบางคนที่ยังจำการแข่งขันรอบแรกของเฉียวซางได้เริ่มซุบซิบกัน
“ฉันว่าแล้ว คนที่มาแข่งระดับชาติไม่น่าจะไม่มีทีมเชียร์แบบนั้น นี่ไง มาแล้ว!”
“ดูเหมือนคราวก่อนพวกเขาน่าจะติดปัญหาการเดินทางแหละ”
“หรือว่าครั้งก่อนพวกเขาไม่ได้เดินทางมาจากทางอากาศ?”
“ก็เป็นไปได้ ฉันลองไปหาข้อมูลมานิดหน่อย โรงเรียนของเฉียวซางเพิ่งจะมีนักเรียนเข้าสู่การแข่งขันระดับชาติครั้งแรก แถมยังเป็นครั้งแรกที่มาที่ภูมิภาคจงคง อาจจะไม่รู้ว่าควรจะเดินทางมาโดยใช้ทางอากาศ”
“เฉียวซางกับซ่งซินเยวี่ย พวกนายคิดว่าใครจะชนะ?”
“ต้องถามด้วยเหรอ? แน่นอนว่าเฉียวซางสิ เธอมีสัตว์อสูรระดับสูงตั้งสองตัว ตัวหนึ่งคือพรายพิชิตเหมันต์ที่ชัดเจนว่าเป็นตัวที่แก้ทางวิหคเพลิงซ่อนของซ่งซินเยวี่ยโดยตรง”
“พูดถึงพรายพิชิตเหมันต์ ฉันไปหาข้อมูลมานะ แล้วแทบไม่เชื่อเลยว่านี่มันสัตว์อสูรใกล้สูญพันธุ์! แถมยังเป็นสายสนับสนุนระดับเทพอีก! ทำไมพวกเราถึงเกิดมาไม่เหมือนกันเลยล่ะ? เธอได้ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรใกล้สูญพันธุ์ ในขณะที่ฉันต้องล้างจานให้แม่หนึ่งปีเต็มกว่าจะได้ทำพันธสัญญากับไข่กลมที่ราคาแค่แปดหมื่น!”
“เอ่อ ถ้านายจะพูดอะไรแบบนั้นก็ควรจะเอาเจ้าไข่กลมกลับเข้าตำราอสูรก่อนนะ…”
ชายหนุ่มที่พูดก่อนหน้านี้หันกลับไปมองสัตว์อสูรตัวเล็กบนเข่าของเขา แล้วจ้องตากับมัน
“ปี่ปี่…”
“…ฉันผิดไปแล้ว”
.......
เสียงนกหวีดที่ใช้เป็นสัญญาณเรียกสัตว์อสูรดังขึ้นในสนาม
เฉียวซางและซ่งซินเยวี่ยซึ่งยืนประจำที่แต่ละฝั่งอยู่แล้ว เริ่มใช้มือทั้งสองขยับอย่างรวดเร็ว
กลุ่มดาวสีเขียวและสีเทาปรากฏขึ้นบนพื้นดินทันที
ในชั่วพริบตา สัตว์อสูรสองตัวที่มีพลังสะกดสายตาผู้ชมได้อย่างสมบูรณ์ปรากฏตัวออกมา
“ย่าห์ ย่าห์!”
“เฮา!”
สายตาของผู้ชมทั้งหมดต่างจับจ้องไปยังสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่มีขนงดงามหรูหราอย่างน่าเหลือเชื่อ
“โห! เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ชื่ออะไร? สวยขนาดนี้ทำไมไม่ไปแข่งรายการประสานงานการต่อสู้ของผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแทนล่ะ!”
“ภูมิภาคเย่หัวมีสัตว์อสูรที่ถูกใจฉันขนาดนี้เลยเหรอ! ฉันตัดสินใจแล้ว สัตว์อสูรตัวถัดไปของฉันจะต้องเป็นเจ้าตัวนี้!”
“ฝันไปเถอะ สุนัขเพลิงพร่างพรายเป็นร่างวิวัฒนาการใหม่ ตอนนี้มีแค่ตัวเดียวในโลก แถมเงื่อนไขการวิวัฒนาการยังไม่ถูกค้นพบเลย”
“!!!”
“พูดก็พูดนะ รอบนี้เฉียวซางอาจจะแพ้จริงๆก็ได้ เพราะวิหคเพลิงซ่อนของซ่งซินเยวี่ยมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างดึงดูดไฟซึ่งระดับของมันนับว่าสุดยอดมาก มันไม่กลัวทักษะประเภทไฟเลย”
“แพ้ก็แพ้ไปสิ ยังไงก็ไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนเราอยู่ดี”
“เออก็จริง”
ห้องพักผู้เข้าแข่งขัน
ซุ่นปั๋วอวี่มองไปยังสนามด้วยสีหน้าตกตะลึงจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง “สุนัขเพลิงพร่างพราย?!”
ทั้งที่เขากับรองผู้อำนวยการเตือนไปแล้ว ทำไมเฉียวซางถึงยังส่งสุนัขเพลิงพร่างพรายลงมาอีก?!
หลิวเหยายังคงสงบนิ่งกว่ามาก เขาถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า “เฉียวซางคงมีเหตุผลของเธอเอง ไว้จบการแข่งขันแล้วค่อยพูดแล้วกัน นายเองก็อย่าไปตำหนิเธอล่ะ”
ตำหนิเหรอ? ซุ่นปั๋วอวี่หัวเราะแห้งๆในใจ เลี้ยงกันแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมขนาดนี้ ถ้าเผลอทำให้เด็กนี่เสียใจขึ้นมามีหวังรองบอสอย่างเอ็งกับบอสใหญ่ได้รวมตัวกันมาฉีกเขาเป็นชิ้นๆแหง… เขาถอนหายใจหนักๆจนดูเหมือนคนที่มีชีวิตผ่านความเหนื่อยล้ามาเป็นเวลานาน
ในสนามแข่ง
ซ่งซินเยวี่ยมองไปยังสุนัขเพลิงพร่างพรายที่ขนฟูฟ่องอย่างงดงามด้วยความตื่นเต้นในใจ อาจารย์ผู้ดูแลของฉันนี่สุดยอดจริง ๆ!
“เฮา…”
วิหคเพลิงซ่อนที่ยืนอยู่ข้างเธอมองดูคู่ต่อสู้ด้วยสีหน้าที่แสดงความเบื่อหน่าย
สัตว์อสูรประเภทไฟอีกแล้วเหรอ…
ตรงข้ามกัน หยาเป่ากลับแสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างสุดขีด
“ย่าห์ ย่าห์!”
มันส่งเสียงคำรามด้วยความดีใจราวกับรอคอยการต่อสู้ครั้งนี้มานานแล้ว
เปลวไฟที่บริเวณไหล่ของหยาเป่าซึ่งดูคล้ายปีกเล็ก ๆ เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
เฉียวซางสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกของหยาเป่า
เธอแสดงสีหน้าจริงจังขึ้นมา
รอบนี้… แพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
ไม่นานนัก กรรมการก็ประกาศเริ่มการแข่งขัน
“ระบำขนนก!” ซ่งซินเยวี่ยออกคำสั่งทันที
“เฮา!”
วิหคเพลิงซ่อนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง มันกระพือปีกอย่างแรง ทำให้ขนที่เปล่งแสงสีขาวจางๆจำนวนมากโปรยปรายลงมาที่ตำแหน่งของหยาเป่า
ระบำขนนกเป็นทักษะประเภทบินระดับกลาง มีคุณสมบัติทำให้พลังโจมตีของคู่ต่อสู้ลดลง…
ข้อมูลเกี่ยวกับทักษะนี้แล่นเข้ามาในหัวของเฉียวซาง แต่เธอไม่ได้ออกคำสั่งใดๆ
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เธอกับหยาเป่าได้ศึกษาและวิเคราะห์วิหคเพลิงซ่อนอย่างละเอียด จนแทบไม่มีอะไรที่ไม่รู้เกี่ยวกับมัน
เธอรู้ดีว่าเหตุการณ์ตรงหน้านี้ หยาเป่ารับมือได้โดยไม่ต้องพึ่งคำสั่งของเธอเลย
“ย่าห์!”
หยาเป่าส่งเสียงคำรามด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองดูขนนกที่โปรยปรายลงมา
วินาทีต่อมา…
สุนัขเพลิงพร่างพรายปรากฏขึ้นทีละตัว! หนึ่งตัว สองตัว… ทั้งบนอากาศและพื้นดิน รวมแล้วกว่าร้อยตัว! ทุกตัวดูเหมือนกันราวกับสำเนากันออกมา
“เฮา…”
วิหคเพลิงซ่อนมองภาพตรงหน้าอย่างตะลึงงัน
ไม่เพียงแต่มันเท่านั้น ผู้ชมทุกคนในสนาม ยกเว้นเฉียวซาง ต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก!