ตอนที่แล้วบทที่ 15 คนโหดเหี้ยมกลัวคนดื้อด้าน คนดื้อด้านกลัวคนไม่กลัวตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17 พื้นนี้ช่างลื่นนัก

บทที่ 16 ข้าจะชิงชัยก่อนใคร


บทที่ 16 ข้าจะชิงชัยก่อนใคร

"ท่านประมุขหลิน"

ในตอนนี้ ผู้อาวุโสโจวแห่งนิกายดอกท้อทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าดูแคลนหลินฝานอีก

แม้จะเป็นคนหัวรั้น แต่คนหัวรั้นนี่แหละที่ยากจะรับมือที่สุด! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีพวกคนแก่คอยช่วยเหลือ ดังนั้นพอเอ่ยปากก็เรียกว่าท่านประมุขทันที

"แม้ว่าศิษย์นิกายอินทรีทองจะใจร้อนไปบ้าง แต่ก็เพราะพวกท่านผิดก่อน การกระทำเช่นนี้ ไม่กลัวจะก่อให้เกิดสงครามระหว่างนิกายหรือ? นิกายหล่านเยว่ของท่านกำลังขาดแคลนทั้งคนรุ่นเก่าและใหม่ คงทนรับความวุ่นวายเช่นนี้ไม่ไหวกระมัง? การกระทำครั้งนี้ เกินไปแล้ว"

"เกินไป?"

หลินฝานแค่นหัวเราะ "หากข้าพาคนบุกถึงประตูนิกายท่าน ไม่พูดพร่ำทำเพลงซ้อมศิษย์นิกายดอกท้อจนหน้าตาบวมปูด นิกายดอกท้อของท่านจะยอมรับความอัปยศนี้หรือ?"

"เรื่องนี้...ไม่อาจเหมารวมได้"

"อะไรคือไม่อาจเหมารวม?"

หลินฝานไม่สนใจคำพูดแบบนี้ "ท่านไม่ต้องพูดมาก!"

"แต่ข้าอยากถามท่านว่า ไม่เคยได้ยินสุภาษิตโบราณบทหนึ่งหรือ?"

"สุภาษิตอะไร?" ผู้อาวุโสโจวขมวดคิ้ว

แอบด่าว่าอัปมงคล

เจ้าเด็กบ้านี่ช่างเป็นคนดื้อด้านจริงๆ ทั้งขู่ทั้งอ้อนก็ไม่ได้ผล ตนเองทำไมต้องออกมาพูดแทนนิกายอินทรีทองด้วย? มันเกี่ยวอะไรกับตน!? ศิษย์นิกายดอกท้อของตนก็ไม่ได้เสียหายอะไร?

เขารู้สึกเสียใจภายหลัง

"มาแล้วก็ต้องอยู่"

ผู้อาวุโสโจว: "???"

"ท่านไม่เคยเรียนหนังสือหรือ? ทำหน้างงๆ ฟังไม่เข้าใจ?" หลินฝานกอดอก "งั้นข้าจำใจอธิบายให้ฟัง ความหมายของประโยคนี้คือ มาแล้วก็ขอให้ฝังร่างไว้ที่นี่"

"ข้าขอถามพวกท่าน...คงคิดว่าฮวงจุ้ยนิกายหล่านเยว่ดี อยากมาฝังศพที่นี่กันสินะ?"

ให้ตายสิ!

ใบหน้าของผู้อาวุโสโจวกลายเป็นสีตับหมูทันที

ประโยคนั้นมีความหมายแบบนี้เหรอ!?

ถึงข้าไม่เคยได้ยินประโยคนี้ ก็รู้ว่าไม่เหมาะสมนะ!

ไม่ถูก ข้าเสียใจแล้ว!

ไปยุ่งกับเจ้าคนดื้อด้านนี่ทำไมกัน?

จิตสำนึกของเขาสังเกตเห็นว่า 'แววตา' ในดวงตาของเหล่าศิษย์ที่อยู่ด้านหลังค่อยๆ หม่นลง ผู้อาวุโสโจวร้องในใจว่าไม่ดีแล้ว

โชคดีที่ตอนนี้ ผู้อาวุโสแห่งสำนักแปดกระบี่ก้าวออกมา

เขาก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมเช่นกัน

พวกเราสามนิกายมาหาเรื่องด้วยกัน มาเรียกร้องคำอธิบาย แต่พอเจอหน้ากันครั้งแรก กลับถูกนิกายหล่านเยว่ข่มขู่เสียอย่างนั้น เห็นศิษย์ของตนยิ่งกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ จะปล่อยให้เรื่องดำเนินต่อไปเช่นนี้ได้อย่างไร?

พวกเราไม่ต้องการหน้าตาหรือ?!

อีกอย่าง ตอนนี้ที่เสียหน้าคือนิกายอินทรีทอง ไม่ใช่สำนักแปดกระบี่ของข้า!

รีบข้ามเรื่องนี้ไปจะดีกว่า

ผู้อาวุโสสำนักแปดกระบี่พูดเสียงเรียบ "คำพูดของท่านประมุขหลินมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ พวกท่านก็ได้ตบหน้าแล้ว ควรคุยเรื่องสำคัญได้แล้วกระมัง?"

"เมื่อเดือนที่แล้ว นิกายหล่านเยว่ของท่านแทรกแซงการรับศิษย์ใหม่ของนิกายพวกเรา ท่านต้องรู้ว่า ศิษย์ของนิกายไม่ว่าเมื่อใดล้วนเป็นอนาคต เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การกระทำของพวกท่านเช่นนี้ ก็เหมือนกับการถอนฟืนใต้หม้อ!"

"หากไม่ให้คำอธิบาย เรื่องนี้ คงผ่านไปไม่ได้"

"โอ้?"

หลินฝานยังคงกอดอก พูดเสียงเนิบช้า "งั้นท่านผู้อาวุโสต้องการคำอธิบายแบบไหน?"

"..."

ผู้อาวุโสหวางแห่งสำนักแปดกระบี่กระตุกมุมปาก

พูดอะไรน่ะ!

นี่เรียกว่าพูดอะไร!

ในเวลาเช่นนี้ เจ้าไม่ควรแสดงท่าทีอ่อนน้อม แล้วพูดจาดีๆ ชดใช้ทรัพยากรฝึกตนบ้าง แล้วเลี้ยงดูพวกเราอย่างดีหรอกหรือ?

ท่าทีไม่แยแสของเจ้า ราวกับพร้อมจะต่อสู้ ทำให้ข้าลำบากใจนัก!

ผู้อาวุโสหวางถึงกับพูดไม่ออกชั่วขณะ

"ดี เมื่อพวกท่านเร่งรีบ ข้าก็จะไม่พูดวกวน!" ผู้อาวุโสนิกายอินทรีทองก็ลุกขึ้นมาด้วยความโกรธ "ข้ามีวิธีหนึ่ง"

"พูดมา!"

หลินฝานชำเลืองมองเขาอย่างเฉยชา ราวกับดูถูกเขา ทำให้เขาโกรธจนแทบระเบิด

"ฮึ!"

"เมื่อท่านแย่งศิษย์ของสามนิกายพวกเราก็เพื่อรับศิษย์ใหม่ งั้นก็ให้ศิษย์ใหม่ทั้งสองฝ่ายสู้กันสักสองสามยก ไม่ว่าจะเป็นตายอย่างไร!"

"ไม่ว่าแพ้ชนะ หลังจากศึกนี้ ก็จบกันไป"

"กล้าหรือไม่?!"

ผู้อาวุโสนิกายดอกท้อและสำนักแปดกระบี่พยักหน้า แสดงว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้

หลินฝานกลับเกือบจะหัวเราะออกมา

แค่พวกเจ้าปลาซิวพวกนี้ จะให้ศิษย์ใหม่มาสู้กับเซียวหลิงเอ๋อร์?

พวกเจ้าเข้าใจไหมว่าอะไรคือแม่แบบตัวเอกน่ะ?!

"รายละเอียด"

หลินฝานไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถามถึงรายละเอียด

ข้อเสนอนี้ พูดตามตรง ไม่เลวเลย อย่างน้อยก็สำหรับนิกายหล่านเยว่

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมต้องปฏิเสธด้วย?

อย่างมากก็แค่บอกให้เซียวหลิงเอ๋อร์ระวังตัวหน่อย อย่าได้โอ้อวดจนเกินไปก็พอแล้ว

"พวกเราสามนิกายส่งฝ่ายละสามคน นิกายหล่านเยว่ของท่านส่งเก้าคน!"

ผู้อาวุโสหวางประกาศกฎกติกา "หลังจากการต่อสู้หนึ่งครั้ง ไม่ว่าแพ้ชนะเป็นตาย เหตุแห่งกรรมครั้งนี้ก็จบสิ้นที่นี่!"

"ได้ยินว่าปีนี้มีคนมาสมัครเป็นศิษย์ที่นิกายหล่านเยว่ของท่านนับหมื่น คิดว่าแค่เก้าคน คงหาได้ไม่ยากกระมัง?"

ผู้อาวุโสโจวแค่นเสียง "เรียกศิษย์ใหม่ของนิกายหล่านเยว่ลงมาเถอะ!"

พวกเขาเข้าใจเองว่าศิษย์นิกายหล่านเยว่ที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็น 'คนเก่า'

ด้วยรากฐานแค่นี้ของนิกายหล่านเยว่ ศิษย์ใหม่จะสามารถขึ้นถึงระดับหลอมแก่นปราณได้ในเวลาแค่เดือนเดียวหรือ?

น่าขัน!

หลินฝานยิ้มน้อยๆ "วิธีแก้ปัญหาที่ท่านเสนอมา ข้าไม่มีข้อคัดค้านใดๆ แต่นิกายหล่านเยว่ของข้าปีนี้รับศิษย์ใหม่เพียงคนเดียว หากจะต่อสู้ ก็คงต้องผลัดกันสู้แล้ว"

"ข้าไม่มีปัญหา คิดว่าศิษย์ของข้าก็คงไม่มีปัญหาเช่นกัน"

"ไม่ทราบว่าสามนิกายของพวกท่านคิดเห็นอย่างไร?"

เขายิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ในใจกลับเย็นยะเยือก

หลังศึกนี้ ไม่ว่าแพ้ชนะเป็นตาย เหตุแห่งกรรมจะจบสิ้นหรือ?

แต่เหตุแห่งกรรมนี้จะจบหรือไม่ ไม่ใช่พวกเจ้าจะตัดสินได้

"???"

ผู้อาวุโสและศิษย์ทั้งสามนิกาย ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ใหม่หรือเก่า เมื่อได้ยินคำพูดนี้ต่างก็งุนงง

หนึ่งหมื่นกว่าคน รับแค่คนเดียว นิกายหล่านเยว่ของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่มีความสามารถและหน้าตาขนาดนี้?

แค่นี้ก็ช่างเถอะ เจ้ายังอาสาจะผลัดกันสู้ หนึ่งต่อเก้า แล้วยังถามพวกเราว่าเห็นด้วยหรือไม่???

ความมั่นใจมาจากไหนกันแน่?!

แถมยัง...

ดูถูกพวกเราขนาดนี้?

"เด็กน้อย อย่าได้เหิมเกริม!" ผู้อาวุโสหวางสีหน้าไม่พอใจ

พวกเขาแน่ใจว่าการที่หลินฝานเสนอเช่นนี้ ต้องมีปัญหาแน่

แต่ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร พวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้

เก้าต่อหนึ่งยังกลัว...

ไม่ต้องอยู่ในวงการนี้แล้ว!

จะสร้างขวัญกำลังใจให้ศิษย์? สร้างอะไรกัน สร้างจิตใจให้พังทลายมากกว่า

"เมื่อเจ้าอยากตาย พวกเราจะไม่ตอบรับได้อย่างไร?!" ผู้อาวุโสโจวแค่นเสียงเย็น

พวกเขาถึงกับคิดว่า หลินฝานคงจะยอมแพ้แล้ว

ต้องการใช้ความตายของศิษย์ใหม่ มาจบเหตุแห่งกรรม?

"ฮึ"

"เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้ศิษย์ของท่านลงเขามาเถอะ" ผู้อาวุโสนิกายอินทรีทองพูดอย่างเย็นชา "ศิษย์ของข้าจะเป็นคนแรก ข้าเร่งรีบ"

"ลงเขา? ลงทำไม? นางก็อยู่ตรงนี้ตลอดไม่ใช่หรือ?"

"หลิงเอ๋อร์ ออกมาเถิด"

"เหตุผลทั้งหมดเจ้าก็ได้ยินแล้ว ออกมาขอคำแนะนำจากศิษย์ผู้มีพรสวรรค์ของสามนิกายสักหน่อย ส่วนจะเป็นหรือตาย ก็แล้วแต่ตัวเจ้าแล้ว"

หลินฝานพูดเสียงเรียบ

ตรงนี้เลย?!

ผู้อาวุโสทั้งสามขมวดคิ้วแน่น

อย่าบอกนะว่า คนใหม่ถึงระดับหลอมแก่นปราณแล้ว?!

พวกเขามองไปที่มาสคอตทั้งเจ็ด พยายามเดาว่าใครคือคนใหม่ของปีนี้

แต่ไม่คาดคิดว่าเซียวหลิงเอ๋อร์ก้าวออกมา แล้วหันไปคำนับหลินฝาน "เจ้าค่ะ อาจารย์"

ผู้อาวุโสทั้งสาม: "Σ(⊙▽⊙"???"

หลอม...หลอมแก่นปราณขั้นห้า?!

พวกเจ้าหลอกผีหรือไง?!

ศิษย์นิกายอินทรีทองกลับตื่นเต้น หนึ่งในนั้นก้าวออกมา "ข้าขอเป็นคนแรก!"

"แค่ศิษย์นิกายหล่านเยว่เท่านั้น พี่น้องทั้งหลาย ดูข้าปราบนางอย่างง่ายดาย! ขอชิงชัยก่อนใคร"

ปราบบ้านท่านสิ!

ผู้อาวุโสนิกายอินทรีทองกระตุกเปลือกตาอย่างรุนแรง

"ท่านประมุขหลิน!"

เขารีบเอ่ยปาก "ท่านเป็นถึงประมุขนิกาย จะไม่รักษาสัจจะเช่นนี้ได้อย่างไร!"

"หญิงผู้นี้จะเป็นศิษย์ใหม่ของนิกายท่านได้อย่างไร?!"

หนึ่งเดือนถึงระดับหลอมแก่นปราณขั้นห้า แถมยังใกล้ถึงขั้นหก อย่าว่าแต่นิกายหล่านเยว่ของท่านเลย แม้แต่นิกายชั้นหนึ่งก็ต้องเป็นถึงศิษย์ศักดิ์สิทธิ์!

ถึงจะมีวิชาติดตัวมา ก็ไม่มีทางเร็วขนาดนี้ แล้วทำไมเขาต้องเลือกนิกายหล่านเยว่ของท่านด้วย?

"ฮึ"

หลี่ฉางโซ่วกลับเอ่ยปากในตอนนี้ "ข้าหลี่ฉางโซ่วขอสาบานต่อจิตใจแห่งเต๋า หากเซียวหลิงเอ๋อร์ไม่ใช่ศิษย์เพียงคนเดียวที่นิกายหล่านเยว่รับในการเปิดรับศิษย์ครั้งใหญ่ปีนี้ ขอให้จิตใจแห่งเต๋าของข้าพังทลาย เข้าสู่วิปลาส ตายคาที่"

ผู้อาวุโสทั้งสามตกใจอย่างยิ่ง

ตายแล้ว!

คำสาบานต่อจิตใจแห่งเต๋า!

เจ้าจริงจังเลยหรือ?!

นี่...จะทำอย่างไรดี?

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด