ตอนที่ 1308 โฮคาเงะรุ่นที่สองมีสมบัติวีรชนมากเกินไป
จู่ๆ หัวใจของคิลเลอร์ บีและไรคาเงะรุ่นที่สี่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว
ในใจของพวกเขากำลังนึกถึงภาพการรับมือกับนามิคาเสะ มินาโตะ ที่ยังไม่ได้เป็นโฮคาเงะรุ่นที่สี่ในสงครามโลกนินจาครั้งที่สาม
ในเวลานั้น มินาโตะสามารถรับมือกับพวกเขาทั้งสองคน โดยการอาศัยเพียงแค่วิชาเทพสายฟ้าเหินเพียงอย่างเดียว
ถึงแม้ว่าปฏิกิริยาการตอบสนองของโทบิรามะ อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับมินาโตะก็ตาม
แต่วิชาเทพสายฟ้าเหินของเขาที่กลายเป็นสมบัติวีรชน จะต้องแข็งแกร่งกว่าวิชาเทพสายฟ้าเหินของมินาโตะอย่างแน่นอน!
[มาบุย: ถึงแม้ว่าวิชาเทพสายฟ้าเหินที่กลายเป็นสมบัติวีรชนจะทรงพลังมากก็ตาม แต่มันก็สามารถใช้ได้ภายในระยะที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้เท่านั้น
หากอยู่นอกเหนือขอบเขตในการมองเห็น โฮคาเงะรุ่นที่สองก็จะไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่นั้นๆ ได้ ]
มาบุยจากหมู่บ้านคุโมะงาคุเระ กำลังมองไปที่โทบิรามะในหน้าจอของจิไรยะด้วยสีหน้าซับซ้อน
วิชานินจาของเธอ ‘คาถาขนย้ายพริบตา’ สามารถส่งบุคคลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในระยะไกลได้
แม้ว่าคาถานี้จะมีข้อกำหนดอย่างมาก เกี่ยวกับความแข็งแกร่งทางกายภาพของผู้ที่ถูกส่งไปก็ตาม
เดิมทีแล้ว มีเพียงไรคาเงะรุ่นที่สี่เท่านั้นที่ตรงตามเงื่อนไขนี้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นวิชานินจาที่มีคุณค่าและเอกลักษณ์อย่างมาก
หากวิชาเทพสายฟ้าเหินของโฮเงะรุ่นที่สองที่กลายเป็นสมบัติวีรชน สามารถเคลื่อนย้ายในระยะไกลได้เท่ากับคาถาขนย้ายพริบตาของเธอ และยังไม่มีข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งทางกายภาพด้วยล่ะก็
มาบุยก็คงจะเต็มไปด้วยความอิจฉามากจริงๆ
[โฮคาเงะ รุ่นที่ 4 นามิคาเสะ มินาโตะ: ที่ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าคือที่ที่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ ช่างเป็นการพัฒนาที่น่าอิจฉาจริงๆ
ส่วนเรื่องที่ว่าไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้นั้น หากเป็นท่านโฮคาเงะรุ่นที่สองในตอนนี้ เขาจะต้องแก้ไขมันได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
เพราะเขาสามารถอาศัยร่างแยกเงาในการมองแทนได้ อีกทั้งคาถาแยกเงาของท่านโฮคาเงะรุ่นที่สองก็ยังเป็นสมบัติวีรชนด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ]
[มาบุย: ถ้าเป็นอย่างที่โฮคาเงะรุ่นที่สี่พูด วิชาเทพสายฟ้าเหินที่กลายเป็นสมบัติวีรชนก็จะกลายเป็นวิชาชั้นยอดเลยใช่ไม่เหรอ? ]
[ซึจิคาเงะ รุ่นที่ 2 มู: สิ่งที่โฮคาเงะรุ่นที่สี่พูดเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น บางทีมันอาจจะมีข้อขำกัดบางอย่างอยู่ ]
[ไรคาเงะ รุ่นที่ 4 เอ: ใช่แล้ว! หากโฮคาเงะรุ่นที่สองต้องการเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ห่างไกลมากๆ มันก็จะต้องมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ร่างแยกเงาจะไปถึงสถานที่นั้นได้ในทันที ]
[อุซึมากิ คุชินะ: ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ห่างไกลมากๆ มันจะต้องใช้จักระจำนวนมากอย่างแน่นอน... ไม่สิ ต้องเรียกว่าพลังเวทย์ต่างหาก เพราะตอนนี้โฮคาเงะรุ่นที่สองกลายเป็นเซอร์แวนต์ไปแล้ว ]
[นารา ชิคาคุ: ถึงแม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการ แต่วิชาเทพสายฟ้าเหินของท่านโฮคาเงะรุ่นที่สองก็ยังเป็นสมบัติวีรชนที่ทรงพลังมากอยู่ดี
สำหรับการเคลื่อนย้ายในระยะไกล ในสนามรบของสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดเท่ากับเมืองใหญ่แบบนี้ ท่านโฮคาเงะรุ่นที่สองคงจะไม่ต้องทำแบบนั้น อีกทั้งเขาก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวทย์ที่มากมายด้วย ]
[อุซึมากิ คุชินะ: ฮึ่ม! ชิคาคุ นายช่วยรุ่นที่สองพูดจริงๆ เลยนะ ]
[นารา ชิคาคุ: ขอโทษนะ คุชินะ แต่ฉันยังคงเป็นนินจาของโคโนฮะ ]
[อุซึมากิ คุชินะ: ชิ๊! ]
[นารา ชิคาคุ: ... ]
[โฮคาเงะ รุ่นที่ 4 นามิคาเสะ มินาโตะ: พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมไม่รู้ว่าท่านรุ่นที่สองในตอนนี้จะสามารถใช้ ‘คาถาปิดผนึกซากอสูร’ ได้หรือไม่?
หากท่านรุ่นสองสามารถใช้คาถาปิดผนึกซากอสูรได้ และถ้าคาถานี้กลายเป็นสมบัติวีรชนเหมือนกับวิชาเทพสายฟ้าเหิน ท่านรุ่นที่สองก็จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อศัตรูทุกคน ]
[ซึจิคาเงะ รุ่นที่ 3 โอโนกิ: พลังของยมทูตน่าจะต่อกรกับอุจิวะ มาดาระได้ เป็นไปได้ไหมที่เซนจู โทบิรามะมีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะอุจิวะ มาดาระได้จริงๆ ? ]
[นารา ชิคาคุ: บางที… คาถาปิดผนึกซากอสูรของท่านรุ่นที่สอง อาจจะกลายเป็นสมบัติวีรชนจริงๆ ก็ได้ ]
[โอโรจิมารุ: คาถาปิดผนึกซากอสูรที่กลายเป็นสมบัติวีรชน... นี่มันแย่มากจริงๆ ]
แม้ว่าหลายๆ คนจะไม่รู้จักคาถาปิดผนึกซากอสูรมากนักก็ตาม แต่รายการทองคำก็เคยแสดงพลังของมันออกมาก่อน
ดังนั้นทุกคนจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับคาถาปิดผนึกซากอสูรไปไม่มากก็น้อย
หากคาถาปิดผนึกซากอสูรกลายเป็นสมบัติวีรชนจริงๆ พวกเขาก็คงจะตกใจมากทีเดียว
…