ตอนที่แล้วตอนที่ 127 แอบเข้าไปในดวงจันทร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 129 สละเลือด

ตอนที่ 128 ความคิดอันกล้าหาญ (ฟรี)


ตอนที่ 128 ความคิดอันกล้าหาญ

หลังจากเข้าไป จิตใจของสวี่จื้อก็ว่างเปล่า เธอจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ที่ไหน และกำลังทำอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม มันก็เหมือนกับการแช่น้ำพุร้อนแสนสบายหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน หรือนอนบนเตียงอุ่นๆ ในฤดูหนาว บรรยากาศอันอ่อนโยน และผ่อนคลายได้ห่อหุ้มร่างของเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถขยับนิ้วได้ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าควรจะทำอะไรต่อก็ตาม

แล้วทำไมภายในดวงจันทร์ จึงสบายเช่นนี้?

สวี่จื้อกระตุ้นตัวเองให้ตื่นตัว อย่างน้อย เธอก็ควรก้าวไปข้างหน้า และมองหาสมบัติ เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ไปได้ตลอด แต่น่าเสียดายที่แม้แต่นิ้ว เธอก็ยังไม่สามารถขยับได้เลย

มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเธอเกิดมาเพื่ออยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องขยับตัวหรือออกไปไหน

ต่อให้ตัวเธอต้องเป็นหนึ่งเดียวกับแสงเหล่านี้ มันก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าได้เป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆ มันก็คงดี เพราะมันสบายเหลือเกิน

ใช่แล้ว ทำไมเธอไม่เลือกที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับแสงเหล่านี้ล่ะ?

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของสวี่จื้อ นิ้วของเธอก็เริ่มโปร่งใส ราวกับว่ามันถูกหลอมรวมเข้ากับแสงเช่นเดียวกับจิตใจของเธอ

แต่ในวินาทีต่อมา รูปเกล็ดหิมะสีดำขาวที่ปรากฏขึ้นเมื่อเครื่องเกมทำงานผิดปกติก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของเธอ พร้อมกับเสียงแหลมของกระแสไฟฟ้าที่ดังก้องในหูของเธอ ทำให้เธอหลุดออกจากสภาพแวดล้อมที่สบาย และผ่อนคลาย ตั้งสติกลับมาได้

สวี่จื้อจึงกลับมารู้สึกตัว สิ่งล่อลวงครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เธอหมดสติกลางคันเหมือนที่เจอในมิติเงา ครั้งนั้น สติของเธอเหมือนก้อนหินที่ค่อยๆ จมในน้ำ แต่ครั้งนี้เป็นเสน่ห์ของแสงที่ดึงดูดใจเธอ

เหมือนแสงไฟดึงดูดแมลงเม่า

ตัวเธอจึงถูกดึงดูดให้เข้าไปหา

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมื่อเธอ ‘ตื่นขึ้น’ แล้ว มันก็ราวกับว่าเธอผ่านการทดสอบบางอย่าง เธอจึงสามารถต้านทานแรงดึงดูดนี้ได้

ใบหน้าของสวี่จื้อดูแปลกๆ เล็กน้อย เธอเอื้อมมือหยิบเครื่องเกมออกมาแล้วมองดู มันยังคงอยู่ระหว่างการปรับปรุง แต่ในขณะนั้น เธอคิดว่ามันเป็นคนที่ได้ช่วยเธอเอาไว้

อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีหลักฐานมายืนยัน

“คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”

สวี่จื้อรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ เธอเก็บเครื่องเกมแล้วเดินตรงไปที่ศูนย์กลางของแสง

พูดตามตรง สวี่จื้อไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป แต่เธอรู้สึกถูกดึงดูดตั้งแต่เข้ามาที่นี่ แม้ว่าตอนนี้จิตใจของเธอจะแจ่มชัดแล้ว แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน เหมือนมันกำลังบอกให้เธอเดินเข้าไปหา

สำหรับแรงดึงดูดอันน่าอัศจรรย์นี้ หลังเธอกลับมามีสติ เธอก็สามารถระบุแหล่งที่มาโดยประมาณของมันได้ แค่เธอยังไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือเปล่าก็เท่านั้น แต่เธอก็มาที่นี่เพียงเพื่อสิ่งนี้ ดังนั้น สวี่จื้อจึงไม่ลังเลเลย เดินตรงเข้าไปอย่างกล้าหาญ

แล้วดูเหมือนตอนนี้ จะยังไม่มีสัตว์ประหลาดตัวใดไล่ตามเธอเข้ามาถึงที่นี่ได้

แต่ก็พอเข้าใจได้อยู่ เพราะตัวเธอตื่นขึ้นได้เพราะรูปเกล็ดหิมะที่แปลกประหลาด และเสียงที่ดังกึกก้องเหมือนกระแสไฟฟ้า สัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ คงไม่มี ‘กลโกง’ นี้มาคอยเตือนสติ ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันจะจมดิ่ง ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น และสบาย หลอมรวมกับเข้าแสง

นี่มันน่ากลัวมากจริงๆ กว่าจะเข้ามามาในรอยแยกได้ก็นับว่ายากแล้ว ต้องผ่านการต่อสู้ และหลั่งเลือดมากมาย แต่หลังจากเข้ามา ที่นี่อันตรายยิ่งกว่าเสียอีก มันเป็นเจตนาฆ่าที่ไร้ซุ่มเสียง มองไม่เห็น และไม่มีตัวตน

สวี่จื้อจึงไม่คิดจะผ่อนคลายลงเลย แม้จะขจัดสิ่งล่อใจไปได้แล้วก็ตาม เธอคิดว่าข้างหน้าน่าจะยังมีอันตรายบางอย่างรออยู่ หลังจากเดินลึกเข้าไป ตรงไปสู่จุดศูนย์กลาง เธอก็ได้เห็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเหล่าสัตว์ประหลาด

มันเป็นเหมือนเศษเสี้ยวของ ‘แสง’

หากพูดแบบนี้ มันก็ฟังดูเป็นนามธรรมเล็กน้อย แต่สวี่จื้อก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เฉพาะเจาะจงไปกว่านี้ ดูเหมือนว่ามันถูกฉีกออกมา มีขอบที่หยาบ ล่องลอยอยู่ในอากาศพร้อมกับเปล่งแสงอันนุ่มนวลออกมา

เศษเสี้ยวนี้มีขนาดเล็กมาก ยาว และกว้างประมาณหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้น เมื่อมองล่องลอยอยู่ ก็ราวกับขนนกที่ปลิวไสวไปตามแรงสายลม

"แล้วฉันควรทำอย่างไรต่อดี?"

สวี่จื้อรู้สึกลำบากใจ และคิดอะไรไม่ออก

เธอเหยียดนิ้วออกไปเล็กน้อยเพื่อสัมผัส ‘แสง’ แต่ปลายนิ้วของเธอสัมผัสได้เพียงความอบอุ่นเท่านั้น ไม่สามารถแตะต้องวัตถุใดๆ ได้เลย ราวกับว่าตรงหน้าเธอมีเพียงอากาศ

แต่เศษเสี้ยวนั้นถูกผลักด้วยนิ้วของเธอ และขยับออกไปจากตำแหน่งเดิมเล็กน้อย

นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอื่นใดอีก

พลังงานแปลกๆ ที่เธอรู้สึกได้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาดูเหมือนจะหายไป อย่างไรก็ตาม สวี่จื้อมีลางสังหรณ์ว่าพลังงานแปลกๆ นั้นน่าจะเล็ดลอดออกมาจาก ‘แสง’ นี้

เธอไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี่นานเกินไป เพราะเสี่ยวอี้ และเสี่ยวไต้ยังคงอยู่ข้างนอก เธอไม่อยากให้พวกมันตาย

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเข้ามาเธอก็ถูกพบตัวแล้ว เธอจึงตกเป็นเป้าหมายหลักอย่างแน่นอนเมื่อออกไป หากแฟมิเลียยังอยู่ที่นั่น อย่างน้อยพวกมันก็สามารถช่วยเธอได้ ดังนั้นเธอจึงต้องรีบจบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด

สวี่จื้อพยายามถือแสงด้วยมือ ผลลัพธ์คือไม่มีปัญหา เธอสามารถถือมันไว้ได้ แต่เธอก็ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย

แล้วควรจะทำยังไงต่อดี

เธอเอามันออกไปด้วยไม่ได้ และดูเหมือนจะไม่มีทางออกจากที่นี่ มันทำให้เธอนึกถึงป่าสีขาวบริสุทธิ์ในความฝันของเธอ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ที่นี่ไม่มีถนน และต้นไม้

เธอจะเอามันออกไปด้วยได้อย่างไร?

เมื่อสวี่จื้อกำลังครุ่นคิดหาวิธี เธอก็พบว่าเศษเสี้ยวที่เธอเพิ่งถือไว้นั้น ลอยออกมาจากนิ้วของเธอทีละน้อย

‘แสง’ ไม่มีปริมาตร เธอจึงไม่สามารถถือมันไว้ในมือได้เป็นเวลานานนัก

สวี่จื้อจึงเลือกใช้สกิลจิตมายา ลองให้ผีเสื้อสัมผัสกับเศษเสี้ยวนั่น เพื่อดูว่ามันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือไม่ แต่น่าเสียดายที่ผีเสื้อสีเทาที่เธอสร้างขึ้นบินผ่านแสงราวกับผ่านอากาศ ไม่มีแม้แต่ระลอกคลื่น

ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากการหาวิธีที่จะเอาเศษเสี้ยวของแสงออกไปแล้ว สวี่จื้อยังต้องคิดหาวิธีออกจากที่นี่ด้วย

เนื่องจากที่แห่งนี้ถูกใช้เพื่อรองรับ ‘แสง’ บางทีทางออกอาจเกี่ยวข้องกับมันก็เป็นได้

สวี่จื้อมองไปที่ ‘แสง’ ที่อยู่ตรงหน้า และทันใดนั้นก็มีความคิดที่กล้าหาญอยู่ในใจ

เธอคิดว่าหากตัวเกมไม่อยู่ระหว่างการปรับปรุง ผู้บรรยายจะต้องกรีดร้องเสียงดัง ถ้าเขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้

น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถหยุดความคิดที่บ้าคลั่งเล็กน้อยในใจของเธอได้

สวี่จื้อจึงยื่นมือออกไปทาง ‘แสง’ อีกครั้ง บีบมือเล็กน้อย แล้วผลักมันมาในทิศทางของเธอ เมื่อมันเข้ามาใกล้ สวี่จื้อก็เปิดปากแล้วกลืนมันเข้าไป

จากนั้นเธอก็ปิดปากแล้วทำท่าเหมือนกลืน โดยกลืน ‘แสง’ อุ่นๆ เล็กน้อยในปากของเธอเข้าไปในท้อง

พูดตามตรง สวี่จื้อไม่รู้ว่าผลที่ตามมาของการทำแบบนี้จะเป็นอย่างไร เธอแค่คิดถึงตอนแรกๆ ที่ได้ลองกินผลไม้สีดำ และแก่นพลัง ในเมื่อของเหล่านั้นสามารถกินได้

สิ่งนี้ก็น่าจะกินได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด