บทที่ 38 เริ่มต้น
บทที่ 38 เริ่มต้น
เฉินอันพอได้ยินก็รู้ว่าแย่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นลายมือบนจดหมายก็เป็นลายมือของใต้เท้าจี้จริง ๆ พวกเขาทั้งสองคนเคยส่งจดหมายให้ใต้เท้าจี้หลายครั้ง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเนื้อความในจดหมายเป็นอย่างไร แต่ตัวหนังสือบนซองจดหมายก็เห็นจนชินตาแล้ว ถึงแม้ตัวหนังสือบนกระดาษแผ่นนี้จะดูหวัด ๆ ไปบ้าง แต่ก็เป็นลายมือของใต้เท้าจี้แน่นอน
เฉินอันรีบเปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้ม แอบมองหลี่อิน หลี่อินก็พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย เป็นการบอกว่าจดหมายฉบับนี้ไม่มีปัญหา
"คุณชาย ท่านพูดอะไรอย่างนั้น ข้าน้อยแค่รู้สึกว่าเพิ่งจะกลับมา ท่านก็ต้องออกไปอีกแล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้ตั้งแต่อยู่ในเมือง ท่านก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ ข้าน้อยไม่มีความคิดอื่นใดหรอก เดี๋ยวข้าน้อยจะไปเตรียมม้าให้ท่าน"
ที่ประตูเมืองทิศเหนือ ทหารยามมองดูคนขี่ม้าหลายคนที่กำลังเข้าเมือง ทหารคนหนึ่งพูดว่า "ใต้เท้าหลี่วันนี้ท่านดูยุ่งไม่น้อย เพิ่งจะกลับไปครู่เดียวก็กลับมาอีกแล้ว เมื่อก่อนกว่าจะเจอทีก็เป็นเดือน"
หลังจากที่ทั้งสามคนเข้าเมืองก็ตรงไปที่ค่ายทหาร ตอนนี้ในใจของหลี่เหยียนไม่ได้สงบอย่างที่แสดงออกมา เขาไม่สามารถควบคุมเวลาของจี้กุนซือได้ ไม่รู้ว่าจี้กุนซือจะกลับมาเมื่อไหร่ หรืออาจจะบังเอิญเจอกันบนถนนก็เป็นไปได้
พวกเขามาถึงหน้าค่ายทหารอย่างรวดเร็ว หลี่เหยียนกระโดดลงจากหลังม้า โยนบังเหียนแล้วเดินตรงไปที่ประตูค่ายโดยไม่พูดอะไร เฉินอันกับหลี่อินรีบจูงม้าตามไป หลี่เหยียนมองทั้งสองคน "พวกเจ้าเข้าไปในค่ายแล้วก็เอาไปผูกไว้ที่โรงม้า รออยู่ตรงนั้นแหละ"
เฉินอันกับหลี่อินก็เห็นจดหมายแล้ว รู้ว่าจี้กุนซือต้องการพบหลี่เหยียนเป็นการส่วนตัว ก็เลยวางใจ ส่วนตอนนี้ก็เข้ามาในค่ายทหารแล้ว พวกเขาก็เลยอยากจะแอบอู้งาน ทำให้รีบตอบรับคำ
หลี่เหยียนเดินเข้าไปในค่าย เขาเคยมาที่นี่หลายครั้ง จึงค่อนข้างคุ้นเคย เดินผ่านกระโจมทหารหลายหลัง ระหว่างทางเจอทหารลาดตระเวนหลายหน่วย ทหารเหล่านั้นตรวจสอบเอกสารของเขาแล้วก็ปล่อยผ่าน เขาหันกลับไปมองทางที่เดินมา เฉินอันกับหลี่อินหายลับไปจากสายตาแล้ว เขาจึงเลี้ยวไปอีกหลายรอบ แล้วเดินไปที่กระโจมของหลิวเฉิงหย่ง
หลิวเฉิงหย่งกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในกระโจม ตอนนี้เลยเวลาเที่ยงมาประมาณสามชั่วยามแล้ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าแสงหน้ากระโจมมืดลง เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นมีคน ๆ หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู และจะเป็นใครไม่ได้ นอกเสียจากหลี่เหยียน
"พี่น้องหลี่ ในที่สุดท่านก็มา" หลิวเฉิงหย่งพูดขึ้นทันที
"หัวหน้าหลิว ข้าให้ท่านรอนานแล้ว เรื่องต่อไปก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว" หลี่เหยียนพูดอย่างรวดเร็ว
"ตกลง ตามข้ามา" ตอนนี้หลิวเฉิงหย่งแสดงออกถึงความเป็นทหาร ไม่พูดมาก พูดจบก็หันหลังเดินออกไปข้างนอก เขาได้รับคำสั่งลับมาก็รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญของท่านแม่ทัพ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร เขาจะไม่ถามมาก รู้แค่ว่าเรื่องนี้ห้ามให้คนนอกรู้ ส่วนหลี่เหยียนนั้นรีบตามไป
ทั้งสองคนออกจากกระโจม เดินเข้าไปในค่ายทหาร หลี่เหยียนเดินตามหลิวเฉิงหย่งเลี้ยวไปเลี้ยวมา ผ่านกระโจมทหารหลายหลัง ในที่สุดก็มาถึงพื้นที่ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา ระหว่างทางพวกเขาเจอกับหน่วยลาดตระเวนหลายหน่วย แต่หลิวเฉิงหย่งก็ถือป้ายคำสั่งเอาไว้ พออีกฝ่ายตรวจสอบแล้วก็ปล่อยผ่าน
เบื้องหน้าพวกเขาตอนนี้เป็นกระโจมหลายหลังที่กินพื้นที่กว้างขวางมาก กระโจมเหล่านี้มีขนาดใหญ่ แต่ละหลังคลุมด้วยผ้าสักหลาดสีดำสนิท ตอนนี้ทั้งสองคนถูกขวางเอาไว้ด้วยรั้วไม้แหลมคมยาวเหยียด ทหารที่นี่ดูแตกต่างจากทหารที่เจอเมื่อครู่ พวกเขาสวมชุดเกราะสีดำสนิท ทุกคนมีสีหน้าเรียบเฉย แสดงท่าทีระแวดระวังเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ยังไม่ทันที่พวกเขาจะเข้าไปใกล้ ก็มีคนตะโกนขึ้นว่า "หยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามเข้าเขตทหาร"
หลิวเฉิงหย่งเห็นดังนั้นก็พูดกับหลี่เหยียนด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ว่า "พี่น้องหลี่รอสักครู่" พูดจบเขาก็หยิบยันต์ครึ่งอันออกมาจากเอว ยกขึ้นสูงแล้วเดินเข้าไปข้างหน้า
หลี่เหยียนเห็นหลิวเฉิงหย่งเดินเข้าไปยื่นยันต์ครึ่งอันให้กับคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า คนคนนั้นตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่พักใหญ่ แล้วยังพูดคุยกับหลิวเฉิงหย่งด้วยน้ำเสียงเบา ๆ จากนั้นหลิวเฉิงหย่งก็โบกมือเรียกหลี่เหยียน
หลี่เหยียนจึงเดินเข้าไปหา พอเห็นหลี่เหยียนเดินมา คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าก็หันไปพูดกับทหารข้าง ๆ สองสามประโยค แล้วก็ยื่นยันต์ครึ่งอันให้กับทหารคนนั้น ทหารคนนั้นเดินออกมา มองหลิวเฉิงหย่งกับหลี่เหยียน แล้วก็หันหลังเดินเข้าไปข้างในโดยไม่พูดอะไร
"หัวหน้าหลิว ที่นี่เป็นที่สำหรับทำอะไร? ทำไมถึงเข้มงวดขนาดนี้ ต้องใช้ยันต์ครึ่งอันของท่านแม่ทัพถึงจะเข้าได้ แม้แต่ป้ายคำสั่งก่อนหน้านี้ก็ใช้ไม่ได้หรือ?" ถึงแม้หลี่เหยียนจะร้อนใจมาก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ช่วงนี้เขามาที่ค่ายทหารหลายครั้ง จึงรู้เรื่องกฎระเบียบของทหาร การลงชื่อเข้าเวร ธนูบัญชาการ รวมถึงยันต์เสืออยู่พอสมควร
"ที่นี่เป็นที่เก็บเสบียงของกองทัพ เป็นเส้นชีวิตของพวกเรา" หลิวเฉิงหย่งตอบกลับแค่ประโยคเดียว
หลี่เหยียนคิดในใจ งข้าว่าแล้วเชียว ทำไมถึงเข้มงวดขนาดนี้ คงเป็นเพราะต่อให้เฉินอันกับหลี่อินรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ พวกเขาก็เข้ามาไม่ได้’
ทหารคนนั้นเดินเข้าไปข้างในไม่นาน เดินลึกเข้าไปเลี้ยวไปอีกหลายรอบ ก็มาถึงหน้าประตูแห่งหนึ่ง แต่ประตูนี้ปิดสนิท มีทหารชุดเกราะดำอีกกลุ่มหนึ่งยืนเฝ้าอยู่ บนประตูมีโซ่เหล็กขนาดใหญ่เท่าแขนของผู้ใหญ่พันรอบ แล้วก็คล้องด้วยแม่กุญแจทองแดงขนาดใหญ่เท่าหัวคน
ทหารคนนั้นรีบเดินเข้าไปพูดคุยกับทหารชุดเกราะดำที่เดินเข้ามาต้อนรับ แล้วก็ยื่นยันต์ครึ่งอันให้ อีกฝ่ายรับไปก็ตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่พักใหญ่ แล้วจึงโบกมือเรียกหลิวเฉิงหย่งกับหลี่เหยียนให้เข้าไปหา
หลิวเฉิงหย่งกับหลี่เหยียนเดินเข้าไป ทหารคนนั้นก็คืนยันต์ครึ่งอันให้หลิวเฉิงหย่ง แล้วจึงสั่งให้คนเปิดโซ่เหล็กขนาดเท่าแขนผู้ใหญ่ออก จากนั้นประตูบานนั้นก็ถูกทหารสี่คนช่วยกันเปิดออกอย่างยากลำบาก ส่งเสียงดัง "เอี๊ยดอาด เอี๊ยดอาด"
เมื่อประตูถูกเปิดออกพอให้คนหนึ่งคนเดินผ่านได้ หลิวเฉิงหย่งจึงเรียกหลี่เหยียน แล้วเดินออกไปนอกประตู
เสียงประตูเลื่อนดังขึ้นอีกครั้ง แล้วก็ปิดลง "โครม" ตามมาด้วยเสียงโซ่เหล็ก "แกร๊ง แกร๊ง" หลี่เหยียนมองดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตอนนี้เขาอยู่ในตรอกกว้าง ๆ ถนนทอดยาวไปข้างหน้า ตรงไปไม่ไกลก็เลี้ยวหายไป มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
หลิวเฉิงหย่งยิ้มให้หลี่เหยียน "พี่น้องหลี่ ที่นี่เป็นทางออกของคลังเสบียงของกองทัพ ตามปกติจะไม่มีใครมา เดินตรงไปอีกหน่อยก็จะมีคนเฝ้าอยู่ พอออกไปก็จะอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าประตูเมืองทิศเหนือ"
หลี่เหยียนได้ฟังก็คิดขึ้นมาได้ ตอนที่เข้าเมืองมาจากประตูเมืองทิศเหนือใหม่ ๆ มันมีสามเส้นทาง ทั้งหมดปูด้วยหินสีเขียวขนาดใหญ่ เส้นทางตรงกลางเป็นเส้นทางหลักที่พวกเขาใช้เข้าเมืองเป็นประจำ ส่วนอีกสองเส้นทางก็เลี้ยวไปทางซ้ายขวา ไม่รู้ว่าไปที่ไหน คงเป็นเส้นทางที่ทอดยาวมาจากที่นี่
หลี่เหยียนเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ จึงถามหลิวเฉิงหย่งว่า "ท่านแม่ทัพหงวางแผนขั้นต่อไปไว้อย่างไร?"
หลิวเฉิงหย่งมองหลี่เหยียน "ท่านแม่ทัพบอกว่า พอออกจากค่ายทหารแล้ว ก็ให้พาท่านไปที่ประตูหลังของจวนแม่ทัพ จะมีคนรอรับอยู่ที่นั่น"
หลี่เหยียนได้ฟังก็ส่ายหน้า "หัวหน้าหลิว ข้าคงไปด้วยไม่ได้แล้ว ข้าฝากสิ่งนี้กับจดหมายให้ท่าน แล้วท่านก็ส่งต่อให้ท่านแม่ทัพก็แล้วกัน" เขาพูดพลางหยิบขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็กกับจดหมายออกมาจากอกเสื้อ ยื่นให้หลิวเฉิงหย่ง
หลิวเฉิงหย่งรับขวดกระเบื้องเคลือบมาด้วยความสงสัย ขวดใบนี้มีขนาดไม่ใหญ่ แค่ประมาณหัวแม่มือ ปากขวดปิดผนึกด้วยขี้ผึ้ง เขาไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร ส่วนจดหมายก็คงเป็นจดหมายที่หลี่เหยียนเขียนถึงท่านแม่ทัพ เขาเคยส่งจดหมายแบบนี้หลายครั้งแล้ว แต่คำสั่งที่เขาได้รับคือวันนี้ต้องพาหลี่เหยียนไปที่จวนแม่ทัพให้ได้
"พี่น้องหลี่ แบบนี้ท่านทำให้ข้าลำบากใจแย่" เขาเหน็บของพวกนั้นไว้ในอกเสื้อ จ้องมองหลี่เหยียน และพูดเน้นทีละคำ
"ฮ่า ๆ พี่หลิว หลายเดือนมานี้ ท่านยังไม่รู้สึกหรือว่าข้ากำลังมีปัญหา?" หลี่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ตอนนี้เขาถึงกับไม่เรียก "หัวหน้าหลิว" แล้ว
หลิวเฉิงหย่งมองตอบ "ข้าไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพ ตัวท่าน และใต้เท้าจี้ มีปัญหาอะไรกัน แต่คำสั่งที่ข้าได้รับคือต้องพาท่านไปที่จวนแม่ทัพ"
"พี่หลิว พูดสั้น ๆ เลยนะ ข้าไม่ไปแน่นอน ส่วนตอนนี้ ท่านก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เดี๋ยวพอไปถึงทางออกข้างหน้า คนเยอะ ท่านยิ่งลงมือไม่ได้ มิฉะนั้นเรื่องที่อาจสำเร็จ จะได้กลายเป็นล้มเหลวไม่เป็นท่า" พูดจบหลี่เหยียนก็ระดมพลังปราณในร่างกาย ทันใดนั้นก็มีพลังมหาศาลแผ่ออกมา และกดดันไปที่หลิวเฉิงหย่ง
หลิวเฉิงหย่งรู้สึกเหมือนมีพลังมหาศาลกดทับร่างกาย ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า ขณะกำลังตกใจและจะใช้พลังปราณตอบโต้ แต่แล้วแรงกดดันก็หายไป ร่างกายเขารู้สึกเบาหวิว ไม่มีความกดดันใด ๆ อีกต่อไป
หลี่เหยียนรู้ดีว่าทั้งหงหลินอิงและจี้เหวินเหอต่างก็อยากควบคุมตัวเขา แต่เขาก็ต้องอาศัยพลังของหงหลินอิงเพื่อทำตามแผนให้สำเร็จ เพราะฉะนั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องดึงหงหลินอิงเข้ามาร่วมด้วย แต่จะไม่ยอมตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่าย ตอนนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของแผนการ การพบกับหงหลินอิงยังไม่ใช่เวลา เขาต้องหาทางหลบหนีก่อน
ตอนนี้เขาจึงต้องใช้แผนลับ ๆ ล่อ ๆ หลอกหงหลินอิง เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของจี้เหวินเหอ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เขาก็คิดเอาไว้แล้ว เพียงแต่ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตอนนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เขาจึงเดิมพันว่าหลิวเฉิงหย่งไม่กล้าลงมือที่หน้าตรอก เพราะอาจจะทำให้จี้เหวินเหอมาร่วมด้วย
ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่ดีในการเปิดเผยไพ่ใบสุดท้าย การระดมพลังปราณทั้งหมดมากดดันหลิวเฉิงหย่ง จริง ๆ แล้วเขาก็ใจคอไม่ดี หลิวเฉิงหย่งเป็นถึงยอดฝีมือในกองทัพ มีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจ แต่ตอนนี้เขาแค่ใช้พลังปราณกดดัน ปล่อยแล้วก็รวบกลับ ทำให้ดูเหมือนท่าทางของยอดฝีมือในยุทธภพ ทำให้อีกฝ่ายจับทางไม่ได้ แถมยังเรียก "พี่หลิว พี่หลิว" เป็นการผ่อนหนักผ่อนเบา
หลิวเฉิงหย่งรู้สึกว่าร่างกายหนักแล้วก็เบา ทำให้เขาตกใจอยู่พอสมควร "น้องหลี่" ไฉนถึงเก่งกาจเช่นนี้ เพิ่งจะเจอกันไม่กี่เดือน ฝีมือของอีกฝ่ายกลับเหนือกว่าตัวเองหลายเท่า ฝึกฝนมาได้ยังไง เขาที่คิดว่าตัวเองคงไม่สามารถจัดการหลี่เหยียนได้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าหลี่เหยียนแค่เสแสร้ง มีแต่พลัง แต่แกล้งทำเป็นยอดฝีมือในยุทธภพ
ขณะที่แท้จริงแล้วไม่มีประสบการณ์การต่อสู้เลย แต่หลิวเฉิงหย่งไม่ได้คิดแบบนั้น สำหรับการฝึกฝนในสำนักยุทธภพ มีสักกี่สำนักที่ไม่ฝึกทั้งพลังภายในและพลังภายนอก ในขณะที่ฝึกพลังภายใน ก็จะฝึกฝนทักษะด้วย เขาคิดว่าในเมื่อจี้กุนซือถ่ายทอดวิชาพลังภายในขั้นสูงให้หลี่เหยียน คงจะสอนวิชาฆ่าคนมาไม่น้อย ทำให้เขาอดหวาดกลัวไม่ได้
"ฮ่า ๆ น้องหลี่ ฝีมือไม่เลวจริง ๆ ข้าคงทำตามคำสั่งไม่ได้แล้ว" หลิวเฉิงหย่งพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ
"พี่หลิว บอกตามตรง ของที่ข้ามอบให้ท่านเป็นสิ่งที่ท่านแม่ทัพต้องการ พอท่านส่งมอบให้แล้ว เขาก็จะถือว่าท่านทำภารกิจสำเร็จ เพียงแต่ข้าทำได้แค่นี้" หลี่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลิวเฉิงหย่งมองตาของหลี่เหยียน เขารู้สึกว่าหลี่เหยียนไม่ได้โกหก จึงถอนหายใจ "งั้นก็คงต้องทำแบบนี้ ขออย่าให้ข้าโดนโบยเลย" เพราะเขารู้สึกอึดอัดใจมาก ถ้าใช้กำลัง เขาคนเดียวคงสู้ไม่ได้ ถ้าเรียกคนมาช่วย เรื่องนี้ก็คงแดงขึ้นมา ถึงตอนนั้นคงมีคนรู้มากขึ้น เช่นนั้นที่ผ่านมาเขาจะระวังตัวทำไม?
"งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ" หลี่เหยียนพูดพลางโค้งคำนับ หลิวเฉิงหย่งถอนหายใจยาว แล้วเดินนำหน้าไป "น้องหลี่ เจ้าไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้น ข้าไม่ทำร้ายเจ้าลับหลังหรอก"
"ฮ่า ๆ พี่หลิวพูดอะไรอย่างนั้น ข้าไม่รู้ทาง แถมพอไปถึงข้างหน้า ข้าก็ไม่มีป้ายคำสั่งหรือยันต์เสือ จะผ่านไปได้ยังไง?"
ครู่หนึ่ง ที่หน้าตรอก หลิวเฉิงหย่งมองหลี่เหยียนขี่ม้าออกไปทางประตูเมืองทิศเหนืออย่างรวดเร็ว เขายังถอนหายใจอีกครั้ง แล้วจึงลูบขวดกระเบื้องเคลือบกับจดหมายในอกเสื้อ ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปทางจวนแม่ทัพ