ตอนที่แล้วบทที่ 6 สามคำกับไก่หนึ่งตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 บ่อนพนัน

บทที่ 7 ชางน่ายุนมาเยือน


วันรุ่งขึ้น ยามเที่ยง

เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของเว่ยหยวนดังก้องไปทั่วจวนอ๋องเว่ย

เว่ยป๋อเยว่ที่กำลังเล่นหมากกับมู่เชียนชิวสีหน้าเคร่งขรึม หันไปพูดกับผู้ดูแลจวนที่อยู่ข้างๆ "ข้ายังไม่ตายเลย ไอ้หลานชายคนนี้ร้องไห้ครวญครางอะไรกัน!"

"ขอรายงานท่านอ๋อง ได้ยินบ่าวรับใช้เล่าว่า หลังจากที่คุณชายเรียกเจียงยฺหวี่เอ๋อร์เข้าไปในห้อง ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความทรมานของคุณชายดังออกมา"

"น่าแปลก ที่แต่เดิมอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่สนใจเงินทอง ที่แท้ก็หมายตาเรื่องชู้สาว!"

เว่ยป๋อเยว่โกรธจนตวัดมือพลิกกระดานหมากทิ้ง นึกภาพเว่ยหยวนถูกเจียงยฺหวี่เอ๋อร์กดทับอยู่ใต้ร่าง ร้องครวญครางเรียกพ่อเรียกแม่ด้วยความเจ็บปวด เว่ยป๋อเยว่รู้สึกปวดใจยิ่งนัก

มู่เชียนชิวขมวดคิ้วแน่นพลางกล่าว "พี่ชาย ข้าได้ยินว่าหญิงผู้นั้นมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา แต่หากพวกเราร่วมมือกันก็น่าจะสู้ได้ ถ้าจำเป็นพวกเราสองพี่น้องก็ไปเจรจากับนาง ให้ปล่อยหยวนเอ๋อร์"

เว่ยป๋อเยว่พยักหน้า "ถ้าเช่นนั้นก็ต้องรบกวนน้องชายเชียนชิว ไปกับข้าสักหน่อย ใช้วิธีนุ่มนวลก่อนแข็งกร้าว หากนางไม่รู้จักเกรงใจ ก็อย่าโทษว่าพวกเราสองพี่น้องรังแกสตรีเลย!"

ในห้องนอน เว่ยหยวนนั่งแช่อยู่ในอ่างน้ำร้อนจัด เจียงยฺหวี่เอ๋อร์พับแขนเสื้อขึ้น ทุ่มเทกดจุดชีพจรให้เขาอย่างขะมักเขม้น

โครม!

จู่ๆ ประตูก็ถูกถีบเปิด เห็นมู่เชียนชิวถือมีดสับสมุนไพร เว่ยป๋อเยว่ถือไม้เท้าหัวมังกรพุ่งเข้ามา

"ปล่อยหลานชายข้า..."

เว่ยป๋อเยว่พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกมู่เชียนชิวห้ามไว้ ก่อนจะประสานมือคำนับเจียงยฺหวี่เอ๋อร์

"วีรสตรี พวกเรามาถามว่าเที่ยงนี้ท่านอยากรับประทานอะไร"

เจียงยฺหวี่เอ๋อร์ยิ้มซื่อๆ "อะไรก็ได้ ขอแค่อิ่มท้องก็พอ ข้าไม่เรื่องมาก!"

"งั้นขอตัวก่อน!"

หลังจากชายชราทั้งสองถอยออกไป เว่ยป๋อเยว่โกรธจนหน้าเขียว มือกุมหน้าอก

"มู่เชียนชิว เจ้าเห็นร่างกำยำของหญิงผู้นั้นแล้วกลัวหรือ? หยวนเอ๋อร์ผู้น่าสงสารของข้า ตัวเต็มไปด้วยคราบสกปรก นี่มันราวกับถูกราดด้วยอุจจาระ..."

"คราบสกปรกพวกนั้นคือสิ่งตกค้างในร่างกายหลานชายท่าน ท่านรู้หรือไม่ว่าพวกเขากำลังทำอะไร?"

"ข้าได้ยินว่าในยุทธภพมีกลุ่มสตรีที่ชอบเล่นวิปริต เรียกว่าเกมราชินีอะไรสักอย่าง!"

"เอ่อ... พี่ชายคิดไปไกลแล้ว พวกเขากำลังกระตุ้นจุดชีพจร รวมถึงแช่ยาเพื่อชำระล้างเส้นเอ็นและไขกระดูก"

เว่ยป๋อเยว่ตกใจ "ชำระล้างเส้นเอ็นและไขกระดูก? หรือว่าไอ้หลานชายมัน... มัน..."

มู่เชียนชิวพยักหน้าพูด "ดูเหมือนว่าหลานชายของท่านต้องการฟื้นฟูวรยุทธ์ น่าเสียดายที่ละเลยมานาน เส้นลมปราณในร่างกายอุดตัน จึงจำเป็นต้องชำระล้างเส้นเอ็นและไขกระดูก อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดเช่นนี้ เหมือนการขูดกระดูกควักเนื้อ คนธรรมดาทนไม่ได้ หยวนเอ๋อร์เป็นคนที่มีความอดทนสูง"

"ฮ่าๆ ข้าก็ว่าแล้ว หลานชายข้าจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร"

เว่ยป๋อเยว่หัวเราะลั่น ตบหลังมู่เชียนชิวแรงๆ หลายที จนอีกฝ่ายไอไม่หยุด...

"ไป ไป น้องชายเชียนชิว พวกเรามาเล่นหมากกันอีกตา ศึกสามร้อยกระดาน!"

เว่ยหยวนแช่ในอ่างน้ำยาฟื้นฟู รู้สึกสดชื่นโปร่งเบา ร่างกายเบาสบายขึ้นมาก รูขุมขนทั่วร่างเปิดกว้างหายใจได้อย่างอิสระ รู้สึกสบายเหลือเกิน

สาวใช้อาวุโสหลายคนปิดจมูก คอยดูแลล้างคราบสกปรกบนร่างกาย

ซี่ซุ่นแอบชะโงกหัวเข้ามาในห้อง ล้วงกล่องผ้าไหมออกมาจากอกเสื้อราวกับกำลังอวดของล้ำค่า

"คุณชาย ดูสิว่าข้าขโมยอะไรออกมาได้"

พูดพลางเปิดฝากล่อง เผยให้เห็นไพ่ที่เรียงอย่างเป็นระเบียบข้างใน

ไพ่เหล่านี้ทำจากหยกทั้งแผ่น ยาวเท่านิ้วมือ หนาประมาณเมล็ดข้าว ด้านหน้าประดับหยกขาวเนื้อดี แกะสลักและวาดภาพเทพเจ้าต่างๆ

เนื่องจากไพ่มีขนาดและรูปร่างคล้ายใบไม้ จึงเรียกว่าเกมใบไม้

เกมใบไม้เป็นต้นกำเนิดของไพ่นกกระจอกและไพ่ป๊อก ลวดลายบนไพ่มีมากมาย ทั้งนกบิน สัตว์วิ่ง ดอกไม้ นก แมลง ปลา และอื่นๆ วิธีเล่นคล้ายหมากรุกสัตว์

ต่อมาเมื่อมีการพัฒนา จึงเพิ่มตัวเลขและตัวละคร แรกเริ่มเป็นแม่ทัพ ขุนพล องค์ชาย ฮ่องเต้

แต่ฮ่องเต้แห่งหนานเฉารู้สึกไม่พอใจ เห็นว่าเป็นการไม่เคารพราชวงศ์ จึงเปลี่ยนเป็นตัวละครในเทพนิยาย

ในสังคมที่ประชาชนแทบหาอาหารกินไม่ได้ เกมใบไม้กลายเป็นความบันเทิงเฉพาะของขุนนางและชนชั้นสูง โดยทั่วไปทำจากไม้ไผ่หรือกระดูก

เว่ยหยวนยังจำได้ว่าไพ่ชุดนี้ เขาเอาเงินช่วยเหลือครอบครัวทหารที่พ่อและพี่ชายเสียชีวิตในสนามรบมาจ้างช่างฝีมือทำ ราคาแปดพันตำลึง

ในต้าเว่ย ครอบครัวสามัญชนทั่วไปใช้เงินสิบกว่าตำลึงก็อยู่ได้อย่างสบายตลอดทั้งปี แต่เว่ยหยวนสั่งทำไพ่ชุดเดียวราคาแปดพันตำลึง คิดดูว่าสุรุ่ยสุร่ายเพียงใด

ศพพ่อและพี่ชายยังไม่ทันเย็น เขาก็เอาไพ่ไปที่โรงพนัน อ้างว่าเป็นการบูชาพ่อและพี่ชาย ขอพรให้มีพลังวิเศษ จะได้ฆ่าฟันให้พินาศทั้งสี่ทิศ

ผลคือวันนั้นเขาเสียพนันไปหนึ่งหมื่นตำลึง เว่ยป๋อเยว่โกรธจนแทบจะกระอักเลือด ลงโทษเว่ยหยวนอย่างหนัก กักบริเวณเจ็ดวัน และริบไพ่หยกที่มีค่าราวกับเมืองหนึ่งชุดนี้ไป

ซี่ซุ่นเข้าไปกระซิบข้างหูเว่ยหยวน "คุณชาย ข้าบังเอิญรู้มาว่าไพ่หยกชุดนี้ ท่านอ๋องให้ท่านพ่อข้าเก็บไว้ ข้าเลยแอบเข้าไปในห้องท่านพ่อเมื่อคืนเพื่อขโมยกลับมา"

"ไม่คิดเลยว่า พ่อข้ากำลังนอนสบาย จู่ๆ ก็มีอารมณ์ ทำเรื่องสร้างลูกกับแม่ข้า..."

เว่ยหยวนตีหัวซี่ซุ่นเบาๆ "เจ้านี่วิปริตจริงๆ ถึงกับแอบดูพ่อแม่เจ้าสนุกสนาน"

ซี่ซุ่นกุมศีรษะ พูดอย่างน้อยใจ "ข้าก็จนใจ ได้แต่ซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้า แต่ข้าได้ยินความลับอย่างหนึ่ง"

"ความลับอะไร?"

ซี่ซุ่นหันไปพูดกับสาวใช้อาวุโสหลายคน "พวกเจ้าลงไปก่อน ข้าจะคอยปรนนิบัติคุณชายอาบน้ำเอง!"

หลังจากสาวใช้อาวุโสออกไป ซี่ซุ่นมองซ้ายมองขวา แน่ใจว่าไม่มีใครแอบฟัง จึงค่อยกระซิบเบาๆ "พ่อข้าบอกว่า เมื่อวานฮ่องเต้แห่งหนานเฉาเสด็จมาสนทนากับท่านอ๋องในห้องหนังสือนานมาก ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน หลังจากฮ่องเต้เสด็จกลับ ท่านอ๋องก็ไล่คนรับใช้และองครักษ์ในจวนออกไปเก้าส่วน แล้วเปลี่ยนเป็นทหารตระกูลเว่ยแทน"

"จวนของพวกเราถูกแทรกซึมจนเป็นตะแกรงไปหมดแล้ว ถึงปู่ไม่ทำ ข้าก็เตรียมจะเปลี่ยนคนรับใช้ชุดใหม่อยู่แล้ว"

เว่ยหยวนพยักหน้า ที่ฮ่องเต้แห่งหนานเฉามาเยือนยามดึก คงอ้างเรื่องการหมั้นหมายระหว่างข้ากับองค์หญิง เพื่อหารือรายละเอียดต่างๆ กับตระกูลเว่ย

อย่างเช่นสินสอดและสินเดิม

สินสอดที่เขาต้องการก็ง่ายๆ คือทหารตระกูลเว่ยสามแสนนาย

ส่วนสินเดิมที่ปู่ต้องการก็ง่ายไม่แพ้กัน ด้วยการกระทำของเขาที่ผ่านมา การจะได้ควบคุมกองทัพนั้นเป็นไปไม่ได้เลย

เว่ยป๋อเยว่ต้องการให้เว่ยหยวนมีชีวิตรอด จึงต้องส่งทหารตระกูลเว่ยสามแสนนายเป็นสินสอดให้ฮ่องเต้แห่งหนานเฉา เพื่อแลกกับการหมั้นหมายกับองค์หญิง อาศัยพึ่งพิงผู้อื่น ประทังชีวิตไปวันๆ

เว่ยหยวนลูบคางเบาๆ ชางเฉาวางแผนเรื่องนี้มาหนึ่งปี แต่จู่ๆ ก็ยอมล้มเลิก คงเพราะพบว่าแม้เว่ยป๋อเยว่จะแก่แล้ว แต่ก็ยังเป็นเทพสงครามแห่งต้าเว่ย สามารถข่มขวัญพวกคนชั่วในแผ่นดินได้

"ปู่เป็นห่วงข้าจนแทบจะแย่"

เว่ยหยวนถอนหายใจ นึกถึงชาติที่แล้วบนโลกมนุษย์ ตนเองโหดเหี้ยมเด็ดขาด ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพสงครามอันดับหนึ่งในรอบพันปีของจีน

เป็นเด็กกำพร้า ถูกสิบยอดคนชั่วรับเลี้ยง ถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้

อายุสิบแปดลงจากเขา ทำทั้งคุณและโทษ วรยุทธ์เหนือธรรมชาติ ก่อความวุ่นวายในกลุ่มอำนาจต่างๆ ของจีน

อายุสิบเก้าทำลายญี่ปุ่น พิชิตเกาหลี บุกอินเดียเพียงลำพัง รบไปเลี้ยงทัพไป คนเดียวต่อสู้ทั้งประเทศ

อายุยี่สิบรวมตะวันออกกลาง นำทัพบุกยุโรป ชี้ดาบสู่อเมริกา

แต่หลังจากโค่นรูปปั้นเทพีเสรีภาพแล้วเปลี่ยนเป็นเทพนฺวหวา และเปลี่ยนรูปแกะสลักบนภูเขารัชมอร์จากประธานาธิบดีเป็นบุคคลสำคัญของจีน เว่ยหยวนก็ถูกฟ้าผ่าตาย ก่อนจะมาเกิดใหม่ในต้าเว่ย...

เกิดเป็นคนต้องเป็นคนเก่ง ตายแล้วก็ต้องเป็นผีเก่ง

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เว่ยหยวนต้องควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่มีวันพึ่งพาความสงสารจากผู้อื่น อาศัยพึ่งพิง ประทังชีวิตไปวันๆ

สองชาติสองภพ สิ่งที่เว่ยหยวนยึดถือคืออิสรภาพที่แท้จริง

อิสรภาพที่แท้จริงไม่ใช่การทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ

แต่คือการมีความมั่นใจ มีความสามารถที่จะมีสิทธิ์เลือกไม่ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ

ความมั่นใจนั้นมาจากไหน แน่นอนว่าต้องมาจากการถืออำนาจทางทหาร

เว่ยหยวนวางแผนไว้แล้ว อีกครึ่งปีก็จะถึงพิธีบรรลุนิติภาวะของเขา ตามธรรมเนียมราชวงศ์ต้าเว่ย บุตรชายคนโตของขุนนางจะประกาศเป็นผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการในพิธีบรรลุนิติภาวะ มีสิทธิ์ออกจากบ้านไปตั้งตัวเป็นเจ้าของเรือน

เป้าหมายของเว่ยหยวนคือด่านเป่ยไห่ หรือที่เรียกว่าด่านเป่ยหมิง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นด่านอันดับหนึ่งใต้หล้า ที่มีทหารตระกูลเว่ยสามแสนนายประจำการอยู่

เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะสร้างกำแพงสูง สะสมเสบียงให้มาก รอวันประกาศตนเป็นกษัตริย์

ฮ่องเต้จะทำอะไรข้าได้?

ขณะที่เว่ยหยวนกำลังคิดถึงอนาคต เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

"เว่ยหยวน เจ้าต้องให้คำอธิบายข้าสักหน่อย!"

"ชางน่ายุน?"

เว่ยหยวนส่งสัญญาณตาให้ซี่ซุ่น ซี่ซุ่นรีบไปเปิดประตู

"อ๊า! เจ้าคนลามก!"

ชางน่ายุนรีบปิดตา "ทำไมไม่บอกว่าเจ้ากำลังอาบน้ำ รีบใส่เสื้อผ้าเร็ว ข้าจะรออยู่ข้างนอก!"

ซี่ซุ่นรีบไปหยิบเสื้อผ้า "คุณชาย อย่าให้คุณหนูชางรอนานนะขอรับ"

เว่ยหยวนพูดอย่างไม่ใส่ใจ "อาบต่อไปเถอะ ให้นางรอไป"

"ไอ้คนเจ้าชู้ ทำให้คนท้องแล้ว ยังมาทำตัวบริสุทธิ์ต่อหน้าข้าอีก!"

เว่ยหยวนเบ้ปากอย่างดูแคลน "ซี่ซุ่น อาบช้าๆ ให้นางรออยู่ข้างนอกนั่นแหละ"

"คุณชาย ท่านเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก่อนเวลาคุณหนูชางพูดอะไร ท่านเชื่อฟังทุกอย่าง..."

เว่ยหยวนถามกลับ "เจ้าว่า ชางน่ายุนคู่ควรกับข้าหรือ?"

"คุณหนูชางงดงามทั้งรูปโฉมและจิตใจ ฉลาดเฉลียว สง่างาม..."

"ข้าอยากฟังความจริง"

"งั้นก็แน่นอนว่าไม่คู่ควร ในราชวงศ์ต้าเว่ยมีสามสิบเจ็ดตระกูลขุนนาง โดยมีสี่อ๋องแปดโหวเป็นผู้สูงศักดิ์ แม้ว่าลูกหลานตระกูลเว่ยเราจะไม่เอาไหนหน่อย แต่ตระกูลชางจะนับเป็นอะไร?"

เว่ยหยวนเลิกคิ้ว "ลูกหลานไม่เอาไหน? เจ้าหมายถึงข้าหรือ?"

"ไม่ใช่!"

"ตระกูลเว่ยมีแค่ข้ากับปู่สองคน..."

"คุณชายอย่าสนใจรายละเอียดพวกนั้นเลย พูดถึงชางน่ายุนต่อดีกว่า พ่อของนาง ชางชิงคง ก็แค่ถือตำแหน่งผู้ช่วยกรมพิธีการ ขุนนางชั้นสี่รอง แถมยังเป็นคนที่ถูกย้ายมาจากที่อื่น คงต้องคุกเข่าหน้าประตูจวนสามวัน ถึงจะมีสิทธิ์พบข้าซี่ซุ่นได้"

"แน่นอนว่านาง...นางก็มีหน้าตาคล้ายเหลียงหงเฉินอยู่บ้าง ทำให้คุณชายคอยเอาใจนางเช่นนี้ แต่คุณชาย พวกนางเป็นคนละคนกัน ท่านไม่ควรเอาความรู้สึกผิดที่มีต่อเหลียงหงเฉินมาชดเชยให้ชางน่ายุน ข้าซี่ซุ่นคิดว่านางไม่คู่ควร"

เว่ยหยวนยิ้มบางๆ "นี่แหละคือความน่ากลัวของกลอุบายใช้สตรีงาม ไม่ใช่เพราะความงามของสตรีนั้น แต่เป็นเพราะนางสามารถปลุกจุดอ่อนในส่วนลึกของจิตใจผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ"

เว่ยหยวนพูดจบ มองไปที่ซี่ซุ่นที่ดูเหมือนอยากพูดแต่ไม่กล้า "อยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ"

"ข้า...ข้า...ข้าทนไม่ไหวแล้ว คุณชาย เสี่ยวกุ้ยของตระกูลหวางดื่มเหล้ามากเกินไปเลยบอกข้าว่า คุณ...คุณหนูชางมักจะแอบเข้าห้องคุณชายหวางเถิงตอนกลางคืนบ่อยๆ อยู่ทั้งคืน พวกคนรับใช้ได้ยินเสียงร้องดังมาจากในห้อง..."

ซี่ซุ่นพูดสิ่งที่อัดอั้นในใจมานานออกมา รู้สึกโล่งอก คุกเข่าลงกับพื้นหลับตาแน่น

"คุณชาย ข้ารู้ว่าท่านจะตีข้า แต่เรื่องนี้เก็บไว้ในใจแล้วทรมานเหลือเกิน!"

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด