บทที่ 47 ฤดูหนาวกำลังจะมา
บทที่ 47 ฤดูหนาวกำลังจะมา
เมื่อได้ยินคำถามของทุกคน เฉินซิงเจิ้น ก็ถอนหายใจพลางกล่าวว่า:
"ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คืนนี้ข้าตั้งใจจะสื่อสารกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
เพื่อสอบถามถึงเรื่องนี้"
หากเป็นคนในตระกูลคนอื่น เขาคงจะหาเหตุผลมาบอก แต่กับ เฉินเทียนจิ่ง
และอีกสองคน เขาไม่จำเป็นต้องปิดบัง
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าตระกูลยังไม่รู้เหตุผล สามคนก็กระวนกระวายใจเล็กน้อย
แต่เมื่อมองไปที่ผลไม้บนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีใบหน้าคุ้นเคย
พวกเขาก็หยุดยืนมองและครุ่นคิดอยู่นาน
ไม่นานนัก เฉินซิงเจิ้น ก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า:
"พอเถอะ ในเมื่อพวกตระกูลหลี่หลบหนีเข้าไปในเขาโล้นซานแล้ว
ก็เรียกคนที่ออกไปค้นหากลับมาเถอะ"
"ฤดูหนาวกำลังจะมาถึง
ขณะนี้เสบียงของตระกูลไม่เพียงพอจะทำให้ทุกคนผ่านพ้นฤดูหนาวนี้
สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องดูว่าเราจะปลูกข้าวเม็ดเลือดได้อีกสักรอบหรือไม่
เทียนจิ่ง เรื่องนี้ฝากเจ้าดูแล"
"ขอรับ หัวหน้าตระกูล"
"ชิงอวี้ เรื่องล่าสัตว์ข้ามอบหมายให้เจ้า
เจ้าสามารถเลือกนักสู้จากในตระกูลไปล่าสัตว์ได้ตามต้องการ
แต่จำไว้ว่าห้ามเข้าไปลึกเกินไป
ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก"
"หากพบคนจากตระกูลหลี่ ก็อย่าเพิ่งไล่ตาม กลับมาตระกูลแล้วค่อยหารือกันอีกที"
"อืม" เฉินชิงอวี้ พยักหน้า
"เทียนอวี๋ เรื่องของตระกูลหลิว เจ้าต้องระวังตัวให้มาก
ตอนนี้ในป่ามรณะนิรันด์เหลือเพียงสองตระกูลของเรา
แต่ตระกูลหลิวกลับเงียบผิดปกติ ข้ารู้สึกไม่สบายใจ"
"นอกจากนี้ เรื่องการฝึกฝนนักสู้ของตระกูล โดยเฉพาะเด็ก ๆ
ข้ามอบหมายให้เจ้าดูแลอย่างใกล้ชิด"
"ข้าทราบแล้ว"
หลังจากทั้งสามคนจากไป เฉินซิงเจิ้น ก็หันไปมองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
แต่สายตากลับเหม่อลอย ราวกับจิตใจล่องลอยไปไกล
แม้ตระกูลจะดูสงบลง แต่การสู้รบกับตระกูลหลี่ก่อนหน้านี้ทำให้ทรัพยากรของตระกูลเสียหายอย่างหนัก ขณะนี้เสบียงในตระกูลก็แทบจะหมดสิ้น
แม้จะมีข้าวเม็ดเลือดและสัตว์เลี้ยงที่ยึดมาจากตระกูลหลี่
แต่ก็ยังไม่เพียงพอให้ทุกคนผ่านพ้นฤดูหนาวนี้
ตามหลักแล้ว ตระกูลหลี่ไม่น่าจะมีเสบียงแค่นี้
อาจเป็นเพราะพวกเขาซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งหรือพกติดตัวไปด้วย
จึงหาไม่พบข้าวเม็ดเลือดเพิ่มเติม
แต่การพึ่งพาข้าวเม็ดเลือดเพียงอย่างเดียวก็ไม่พอ
นักสู้ในตระกูลแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย
โดยเฉพาะนักสู้ระดับ 2 จำเป็นต้องได้รับเนื้อสัตว์ที่อุดมด้วยพลังเลือด
อย่างเพียงพอ เพื่อเร่งการชำระร่างกายให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ดังนั้นการล่าสัตว์จึงสำคัญยิ่ง เพราะมันส่งผลถึงอนาคตของตระกูล
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เริ่มฟื้นคืนชีพ
จำเป็นต้องกลับมาทำพิธีบูชาอีกครั้ง
ตามกฎของตระกูล ต้องทำพิธีบูชาทุก 3 วัน และพิธีใหญ่ทุก 7 วัน
แต่ด้วยสถานการณ์ของตระกูลในตอนนี้ คงทำได้แค่บูชาทุก 7 วัน
แม้จะเป็นเพียงพิธีทุก 7 วัน แต่จำนวนสัตว์ร้ายที่ต้องใช้ก็ไม่น้อย
ยิ่งพอเข้าสู่ฤดูหนาว หิมะจะปกคลุมภูเขา ตอนนั้นแม้แต่นักสู้ระดับ 3
ก็ยังล่าสัตว์ได้ยาก จึงต้องเตรียมการล่วงหน้า
โลกใบนี้หนาวเย็นเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ ป่ามรณะนิรันด์ยิ่งหนาวกว่า
แม้นักสู้ระดับ 2 จะชำระกระดูกและกล้ามเนื้อแล้ว แต่ก็ยังต้องระวังความหนาว หากประมาทอาจป่วย ทำให้พลังเลือดไหลเวียนไม่สะดวก
และการเลื่อนขั้นเป็น 3 จะยิ่งยากขึ้น
นักสู้ระดับ 3 อาจไม่กลัวความหนาวเย็น แต่ในตระกูลมีนักสู้ระดับนี้ไม่กี่คน
ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ถึงระดับชำระร่างกายด้วยซ้ำ
ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงสองเดือนก่อนฤดูหนาวจะมาถึง
ตระกูลยังมีสิ่งที่ต้องเตรียมอีกมาก
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากันหนาว ฟืน
ไม่รู้ว่าจะเตรียมทันหรือไม่
เฉินซิงเจิ้น ค่อย ๆ ได้สติกลับมา จากนั้นเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กว้างใหญ่
ในระยะไกล ใจพลันเกิดความรู้สึกสะท้อนใจ
พลังแห่งสวรรค์ยิ่งใหญ่นัก
บุคคลเพียงคนเดียวไม่อาจต่อต้านได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีตระกูล
มีเพียงตระกูลที่แข็งแกร่ง ชีวิตของสมาชิกจึงจะดีขึ้น
และสามารถก้าวสู่ระดับที่สูงกว่าได้
เมื่อสมาชิกตระกูลแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะย้อนกลับมาสนับสนุนตระกูล
วัฏจักรนี้จะดำเนินไปเรื่อย ๆ จนสร้างตระกูลที่รุ่งเรืองอย่างแท้จริง
………………………………………………………………………………
เส้นทางแห่งความรุ่งเรืองของตระกูลนั้นยาวไกลและ
เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ
โชคดีที่ตอนนี้ตระกูลมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้อง
ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบเหนือกว่าตระกูลอื่นมาก
ในดวงตาของ เฉินซิงเจิ้น กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
เขาหันหลังเดินออกจากสุสานบรรพบุรุษ
เพราะยังมีเรื่องมากมายในตระกูลที่ต้องจัดการ
"ในที่สุดก็เงียบสงบลงเสียที"
จี้หยาง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อมองดูสุสานบรรพบุรุษที่กลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
เสียงร้องไห้ของเหล่าคนในตระกูลก่อนหน้านี้ทำให้เขาปวดหัว
และยังไม่รู้ว่าผลไม้บนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะสุกเมื่อใด
แต่เขารู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่างไป...
เสียงใบไม้เสียดสีกันเบา ๆ ในสายลมทำให้ จี้หยาง จมอยู่ในห้วงความคิด
ใจกลางเขาโล้นซาน
เหล่านักสู้ของตระกูลหลี่ กำลังรวมตัวกันอยู่ในหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง
พวกเขามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
เสื้อผ้าของพวกเขาถูกหนามในภูเขาข่วนจนขาดวิ่น ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล หลายคนส่งเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
แม้ความเจ็บปวดทางร่างกายจะทนไหว
แต่ความหวาดกลัวในใจกลับฉายชัดในสายตาของทุกคน
"หยงเฉิง พึ่งมีคนเจ็บอีกหลายคน พวกเราจะไปทางไหนต่อดี?"
หลี่ไฉ่เหลียง ค่อย ๆ เดินเข้าไปถาม หลี่หยงเฉิง ที่กำลังครุ่นคิด
แม้เขาจะเป็นนักสู้ระดับ 3 ขั้นปลาย แต่ก็ไม่อาจซ่อนความเหนื่อยล้าได้
ตอนสู้กับตระกูลเฉิน เขาได้รับบาดเจ็บ และตลอดหลายวันที่ผ่านมา
เขาต้องเป็นคนนำทางฝ่าป่ามา
แม้สัมผัสของเขาจะช่วยหลีกเลี่ยงพื้นที่ของสัตว์ร้ายได้
แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
เหมือนครั้งล่าสุดที่พวกเขาเจอกับสัตว์ร้ายระดับ 3 ขั้นกลาง
แม้จะฆ่ามันได้ แต่ก็มีบางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
สิ่งที่ทำให้ หลี่ไฉ่เหลียง กังวลมากกว่าคือเสียงหอนของหมาป่าที่ดังก้องเมื่อตอนเข้ามาในใจกลางเขาโล้นซาน
เสียงนั้นทำให้เขารู้สึกกดดันเกินกว่าที่สัตว์ร้ายระดับเดียวกันจะทำได้
มันเป็นต้นเหตุของความหวาดกลัวในหมู่ตระกูล
แม้เขาไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงบอกเขาว่า...นั่นต้องเป็นสัตว์ร้ายระดับ 3 ขั้น
(เซียนสวรรค์)
อย่าว่าแต่ตอนนี้ที่มีแค่นักสู้ระดับ 3 เพียงสองคน
ต่อให้มีอีกสองคนก็ยังไม่อาจสู้มันได้
ยิ่งกว่านั้น หมาป่าเป็นสัตว์ที่อยู่เป็นฝูง หากเจอมันเข้า
คงไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่จะรอดชีวิต
เรื่องที่ทำลายขวัญกำลังใจแบบนี้ เขาไม่กล้าบอกใคร
นอกจาก หลี่หยงเฉิง เพียงคนเดียว
หลี่หยงเฉิง ไม่ตอบคำถามของ หลี่ไฉ่เหลียง
เขาเพียงแต่มองแผนที่ในมืออย่างเงียบ ๆ
แผนที่นี้เป็นแผนที่เขาโล้นซานที่วาดขึ้นจากการล่าสัตว์ของตระกูล
แต่มีเพียงครึ่งเดียว และบริเวณใจกลางยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
การหนีผ่านเขาโล้นซานครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การหนีจากตระกูล เฉิน เท่านั้น
แต่ยังเป็นโอกาสในการเติมเต็มแผนที่
หากแผนที่สมบูรณ์ พวกเขาจะสามารถบุกออกจากด้านหลังของเขาโล้นซาน
และโจมตีตระกูล เฉิน แบบไม่ทันตั้งตัว
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าการผ่านเขาโล้นซานจะยากก็จริง แต่มีเขากับ หลี่ไฉ่เหลียง คอยดูแล ก็คงไม่มีปัญหาใหญ่
แต่เมื่อได้เข้าสู่เขาโล้นซานอย่างแท้จริง
เขากลับพบว่าตัวเองประเมินสถานการณ์ผิดไปมาก
ที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายระดับสูง โดยเฉพาะสัตว์ร้ายระดับ 3 ที่พบเห็นได้ทั่วไป
คนในตระกูลส่วนใหญ่ยังอ่อนแอ และไม่เคยผ่านศึกจริง ๆ หลายวันที่ต้องเดินทางอย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายนี้
ทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาถดถอย
เสียงหอนของหมาป่าเมื่อก่อนหน้านี้
เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ทุกคนหมดความมั่นใจ
เมื่อรู้ว่าเสียงนั้นมาจากสัตว์ร้ายระดับ เซียน แม้แต่ หลี่หยงเฉิง เองก็หวาดหวั่น
แต่ในฐานะหัวหน้าตระกูล เขาต้องรวบรวมสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
เขารู้ดีว่า หากยังไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่ต้องพูดถึงการล้างแค้น
แม้แต่การหนีออกจากเขาโล้นซานนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้