ตอนที่แล้วบทที่ 46 หัวหน้าตระกูลบ้าไปอีกแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 ทางลับ

บทที่ 47 ฤดูหนาวกำลังจะมา


บทที่ 47 ฤดูหนาวกำลังจะมา

เมื่อได้ยินคำถามของทุกคน เฉินซิงเจิ้น ก็ถอนหายใจพลางกล่าวว่า:

"ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คืนนี้ข้าตั้งใจจะสื่อสารกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

เพื่อสอบถามถึงเรื่องนี้"

หากเป็นคนในตระกูลคนอื่น เขาคงจะหาเหตุผลมาบอก แต่กับ เฉินเทียนจิ่ง

และอีกสองคน เขาไม่จำเป็นต้องปิดบัง

เมื่อเห็นว่าหัวหน้าตระกูลยังไม่รู้เหตุผล สามคนก็กระวนกระวายใจเล็กน้อย

แต่เมื่อมองไปที่ผลไม้บนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีใบหน้าคุ้นเคย

พวกเขาก็หยุดยืนมองและครุ่นคิดอยู่นาน

ไม่นานนัก เฉินซิงเจิ้น ก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า:

"พอเถอะ ในเมื่อพวกตระกูลหลี่หลบหนีเข้าไปในเขาโล้นซานแล้ว

ก็เรียกคนที่ออกไปค้นหากลับมาเถอะ"

"ฤดูหนาวกำลังจะมาถึง

ขณะนี้เสบียงของตระกูลไม่เพียงพอจะทำให้ทุกคนผ่านพ้นฤดูหนาวนี้

สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องดูว่าเราจะปลูกข้าวเม็ดเลือดได้อีกสักรอบหรือไม่

เทียนจิ่ง เรื่องนี้ฝากเจ้าดูแล"

"ขอรับ หัวหน้าตระกูล"

"ชิงอวี้ เรื่องล่าสัตว์ข้ามอบหมายให้เจ้า

เจ้าสามารถเลือกนักสู้จากในตระกูลไปล่าสัตว์ได้ตามต้องการ

แต่จำไว้ว่าห้ามเข้าไปลึกเกินไป

ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก"

"หากพบคนจากตระกูลหลี่ ก็อย่าเพิ่งไล่ตาม กลับมาตระกูลแล้วค่อยหารือกันอีกที"

"อืม" เฉินชิงอวี้ พยักหน้า

"เทียนอวี๋ เรื่องของตระกูลหลิว เจ้าต้องระวังตัวให้มาก

ตอนนี้ในป่ามรณะนิรันด์เหลือเพียงสองตระกูลของเรา

แต่ตระกูลหลิวกลับเงียบผิดปกติ ข้ารู้สึกไม่สบายใจ"

"นอกจากนี้ เรื่องการฝึกฝนนักสู้ของตระกูล โดยเฉพาะเด็ก ๆ

ข้ามอบหมายให้เจ้าดูแลอย่างใกล้ชิด"

"ข้าทราบแล้ว"

หลังจากทั้งสามคนจากไป เฉินซิงเจิ้น ก็หันไปมองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

แต่สายตากลับเหม่อลอย ราวกับจิตใจล่องลอยไปไกล

แม้ตระกูลจะดูสงบลง แต่การสู้รบกับตระกูลหลี่ก่อนหน้านี้ทำให้ทรัพยากรของตระกูลเสียหายอย่างหนัก ขณะนี้เสบียงในตระกูลก็แทบจะหมดสิ้น

แม้จะมีข้าวเม็ดเลือดและสัตว์เลี้ยงที่ยึดมาจากตระกูลหลี่

แต่ก็ยังไม่เพียงพอให้ทุกคนผ่านพ้นฤดูหนาวนี้

ตามหลักแล้ว ตระกูลหลี่ไม่น่าจะมีเสบียงแค่นี้

อาจเป็นเพราะพวกเขาซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งหรือพกติดตัวไปด้วย

จึงหาไม่พบข้าวเม็ดเลือดเพิ่มเติม

แต่การพึ่งพาข้าวเม็ดเลือดเพียงอย่างเดียวก็ไม่พอ

นักสู้ในตระกูลแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย

โดยเฉพาะนักสู้ระดับ 2 จำเป็นต้องได้รับเนื้อสัตว์ที่อุดมด้วยพลังเลือด

อย่างเพียงพอ เพื่อเร่งการชำระร่างกายให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ดังนั้นการล่าสัตว์จึงสำคัญยิ่ง เพราะมันส่งผลถึงอนาคตของตระกูล

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เริ่มฟื้นคืนชีพ

จำเป็นต้องกลับมาทำพิธีบูชาอีกครั้ง

ตามกฎของตระกูล ต้องทำพิธีบูชาทุก 3 วัน และพิธีใหญ่ทุก 7 วัน

แต่ด้วยสถานการณ์ของตระกูลในตอนนี้ คงทำได้แค่บูชาทุก 7 วัน

แม้จะเป็นเพียงพิธีทุก 7 วัน แต่จำนวนสัตว์ร้ายที่ต้องใช้ก็ไม่น้อย

ยิ่งพอเข้าสู่ฤดูหนาว หิมะจะปกคลุมภูเขา ตอนนั้นแม้แต่นักสู้ระดับ 3

ก็ยังล่าสัตว์ได้ยาก จึงต้องเตรียมการล่วงหน้า

โลกใบนี้หนาวเย็นเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ ป่ามรณะนิรันด์ยิ่งหนาวกว่า

แม้นักสู้ระดับ 2 จะชำระกระดูกและกล้ามเนื้อแล้ว แต่ก็ยังต้องระวังความหนาว หากประมาทอาจป่วย ทำให้พลังเลือดไหลเวียนไม่สะดวก

และการเลื่อนขั้นเป็น 3 จะยิ่งยากขึ้น

นักสู้ระดับ 3 อาจไม่กลัวความหนาวเย็น แต่ในตระกูลมีนักสู้ระดับนี้ไม่กี่คน

ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ถึงระดับชำระร่างกายด้วยซ้ำ

ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงสองเดือนก่อนฤดูหนาวจะมาถึง

ตระกูลยังมีสิ่งที่ต้องเตรียมอีกมาก

ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากันหนาว ฟืน

ไม่รู้ว่าจะเตรียมทันหรือไม่

เฉินซิงเจิ้น ค่อย ๆ ได้สติกลับมา จากนั้นเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กว้างใหญ่

ในระยะไกล ใจพลันเกิดความรู้สึกสะท้อนใจ

พลังแห่งสวรรค์ยิ่งใหญ่นัก 

บุคคลเพียงคนเดียวไม่อาจต่อต้านได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีตระกูล

มีเพียงตระกูลที่แข็งแกร่ง ชีวิตของสมาชิกจึงจะดีขึ้น

และสามารถก้าวสู่ระดับที่สูงกว่าได้

เมื่อสมาชิกตระกูลแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะย้อนกลับมาสนับสนุนตระกูล

วัฏจักรนี้จะดำเนินไปเรื่อย ๆ จนสร้างตระกูลที่รุ่งเรืองอย่างแท้จริง

………………………………………………………………………………

เส้นทางแห่งความรุ่งเรืองของตระกูลนั้นยาวไกลและ

เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ

โชคดีที่ตอนนี้ตระกูลมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้อง

ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบเหนือกว่าตระกูลอื่นมาก

ในดวงตาของ เฉินซิงเจิ้น กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง

เขาหันหลังเดินออกจากสุสานบรรพบุรุษ

เพราะยังมีเรื่องมากมายในตระกูลที่ต้องจัดการ

"ในที่สุดก็เงียบสงบลงเสียที"

จี้หยาง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อมองดูสุสานบรรพบุรุษที่กลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง

เสียงร้องไห้ของเหล่าคนในตระกูลก่อนหน้านี้ทำให้เขาปวดหัว

และยังไม่รู้ว่าผลไม้บนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะสุกเมื่อใด

แต่เขารู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่างไป...

เสียงใบไม้เสียดสีกันเบา ๆ ในสายลมทำให้ จี้หยาง จมอยู่ในห้วงความคิด

ใจกลางเขาโล้นซาน

เหล่านักสู้ของตระกูลหลี่ กำลังรวมตัวกันอยู่ในหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง

พวกเขามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

เสื้อผ้าของพวกเขาถูกหนามในภูเขาข่วนจนขาดวิ่น ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล หลายคนส่งเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

แม้ความเจ็บปวดทางร่างกายจะทนไหว

แต่ความหวาดกลัวในใจกลับฉายชัดในสายตาของทุกคน

"หยงเฉิง พึ่งมีคนเจ็บอีกหลายคน พวกเราจะไปทางไหนต่อดี?"

หลี่ไฉ่เหลียง ค่อย ๆ เดินเข้าไปถาม หลี่หยงเฉิง ที่กำลังครุ่นคิด

แม้เขาจะเป็นนักสู้ระดับ 3 ขั้นปลาย แต่ก็ไม่อาจซ่อนความเหนื่อยล้าได้

ตอนสู้กับตระกูลเฉิน เขาได้รับบาดเจ็บ และตลอดหลายวันที่ผ่านมา

เขาต้องเป็นคนนำทางฝ่าป่ามา

แม้สัมผัสของเขาจะช่วยหลีกเลี่ยงพื้นที่ของสัตว์ร้ายได้

แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

เหมือนครั้งล่าสุดที่พวกเขาเจอกับสัตว์ร้ายระดับ 3 ขั้นกลาง

แม้จะฆ่ามันได้ แต่ก็มีบางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

สิ่งที่ทำให้ หลี่ไฉ่เหลียง กังวลมากกว่าคือเสียงหอนของหมาป่าที่ดังก้องเมื่อตอนเข้ามาในใจกลางเขาโล้นซาน

เสียงนั้นทำให้เขารู้สึกกดดันเกินกว่าที่สัตว์ร้ายระดับเดียวกันจะทำได้

มันเป็นต้นเหตุของความหวาดกลัวในหมู่ตระกูล

แม้เขาไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงบอกเขาว่า...นั่นต้องเป็นสัตว์ร้ายระดับ 3 ขั้น

(เซียนสวรรค์)

อย่าว่าแต่ตอนนี้ที่มีแค่นักสู้ระดับ 3 เพียงสองคน

ต่อให้มีอีกสองคนก็ยังไม่อาจสู้มันได้

ยิ่งกว่านั้น หมาป่าเป็นสัตว์ที่อยู่เป็นฝูง หากเจอมันเข้า

คงไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่จะรอดชีวิต

เรื่องที่ทำลายขวัญกำลังใจแบบนี้ เขาไม่กล้าบอกใคร

นอกจาก หลี่หยงเฉิง เพียงคนเดียว

หลี่หยงเฉิง ไม่ตอบคำถามของ หลี่ไฉ่เหลียง

เขาเพียงแต่มองแผนที่ในมืออย่างเงียบ ๆ

แผนที่นี้เป็นแผนที่เขาโล้นซานที่วาดขึ้นจากการล่าสัตว์ของตระกูล

แต่มีเพียงครึ่งเดียว และบริเวณใจกลางยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่า

การหนีผ่านเขาโล้นซานครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การหนีจากตระกูล เฉิน เท่านั้น

แต่ยังเป็นโอกาสในการเติมเต็มแผนที่

หากแผนที่สมบูรณ์ พวกเขาจะสามารถบุกออกจากด้านหลังของเขาโล้นซาน

และโจมตีตระกูล เฉิน แบบไม่ทันตั้งตัว

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าการผ่านเขาโล้นซานจะยากก็จริง แต่มีเขากับ หลี่ไฉ่เหลียง คอยดูแล ก็คงไม่มีปัญหาใหญ่

แต่เมื่อได้เข้าสู่เขาโล้นซานอย่างแท้จริง

เขากลับพบว่าตัวเองประเมินสถานการณ์ผิดไปมาก

ที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายระดับสูง โดยเฉพาะสัตว์ร้ายระดับ 3 ที่พบเห็นได้ทั่วไป

คนในตระกูลส่วนใหญ่ยังอ่อนแอ และไม่เคยผ่านศึกจริง ๆ หลายวันที่ต้องเดินทางอย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายนี้

ทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาถดถอย

เสียงหอนของหมาป่าเมื่อก่อนหน้านี้

เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ทุกคนหมดความมั่นใจ

เมื่อรู้ว่าเสียงนั้นมาจากสัตว์ร้ายระดับ เซียน แม้แต่ หลี่หยงเฉิง เองก็หวาดหวั่น

แต่ในฐานะหัวหน้าตระกูล เขาต้องรวบรวมสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

เขารู้ดีว่า หากยังไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่ต้องพูดถึงการล้างแค้น

แม้แต่การหนีออกจากเขาโล้นซานนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด