ตอนที่แล้วบทที่ 23 เส้นทางสู่ความมั่งคั่ง ชากูจู่จื่อสุ่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 รองผู้บัญชาการ เว่ยหยวน

บทที่ 24 เสน่ห์ของถุงน่องไหม


"ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากทำงานนี้สำเร็จ ไม่ว่าจะกำไรหรือไม่ ข้าจะให้เงินเจ้าหนึ่งหมื่นต้าเหลียง พร้อมค่าตอบแทนอีกหนึ่งส่วนสิบของผลกำไรทั้งหมด"

"หรือไม่ก็ร่วมลงทุนกัน หากขาดทุนแบ่งห้าห้า หากกำไรเจ้าได้สามส่วน"

เว่ยหยวนเห็นเสินหวานซานยืนนิ่งอึ้ง จึงไม่เร่งรัด เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคำนวณผลได้ผลเสียอยู่ในใจ

ผ่านไปครู่ใหญ่ เสินหวานซานจึงได้สติ กล่าวกับเว่ยหยวนว่า "ท่านเว่ย ข้าคิดว่าควรเพิ่มอีกข้อ เกี่ยวกับกลยุทธ์การชักชวนคนมาซื้อชา"

สมกับเป็นผู้ที่สร้างตัวจากศูนย์ สมองด้านการค้าช่างเฉียบแหลมยิ่งนัก เพียงแค่ชี้แนะเล็กน้อย ยังไม่ทันได้อธิบายรายละเอียดการดำเนินการ เขาก็สามารถต่อยอดความคิดได้แล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นของแผนการหลอกลวงที่โด่งดังที่สุดในยุคหลัง

เว่ยหยวนรำพึงในใจ ก่อนจะกล่าวกับเสินหวานซานว่า "ดูเหมือนเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว"

"ถูกต้อง! ข้าขอร่วมเดิมพันกับท่านเว่ยสักตั้ง!"

"งั้นเจ้าก็รีบไปจัดการเถอะ เมื่อเตรียมการพร้อม ข้าจะนำคนมาช่วยเจ้า"

หลังจากเสินหวานซานรีบร้อนจากไป เจียงยฺหวี่เอ๋อร์ฟังไม่เข้าใจแม้แต่น้อย แต่อาจารย์ซุ่นจิ่นกลับฟังออกทุกคำ

"ท่านอาจารย์ ไม่นึกว่าท่านจะใช้ความโลภของมนุษย์มาวางแผนการอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ ช่างร้ายกาจเหลือเกิน..."

"ศึกสงครามต้องเตรียมเสบียงก่อนทัพเคลื่อน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเงิน และข้าก็ขาดแคลนเงินนักเชียว!"

เว่ยหยวนถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า "อีกอย่าง ข้าตั้งเงื่อนไขไว้สูง ชาวบ้านธรรมดาไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วม คนที่ถูกหลอกล้วนเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์และตระกูลใหญ่ เงินของพวกเขาก็ไม่ได้มาอย่างสุจริต ไม่ต้องรู้สึกผิดที่จะเอามัน"

ขณะกำลังพูดอยู่นั้น ร่างอ้วนกลมก็กลิ้งตัวเข้ามาอย่างรีบร้อน

"พี่หยวน ตู้ซานเหนียงอยู่ไหน? รีบให้นางออกมาไปชิงเหอย่าเหยวี่ยนกับข้าเร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!"

"เหลียงจู๋? สภาพร่างกายเจ้าไม่เลวนี่ เพียงแค่วันเดียวก็ลุกจากเตียงได้แล้ว..."

เว่ยหยวนเห็นเหลียงจู๋แล้วนึกถึงภาพเมื่อคืนที่ดื่มน้ำสกปรก จึงหลีกห่างไปสองก้าวด้วยความรังเกียจ

ในขณะเดียวกัน อาจารย์ซุ่นจิ่นก็เข็นรถเข็นถอยหลัง ส่วนเจียงยฺหวี่เอ๋อร์ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อวาน ได้แต่ปิดจมูกถามว่า "ทำไมมีกลิ่นเหม็นลอยมา..."

เว่ยหยวนถือดาบไม้ขู่ให้เหลียงจู๋หยุด "อย่าเข้ามาใกล้ ยืนห่างข้าสามจั้ง พูดจากตรงนั้นแหละ!"

"อย่าล้อเล่นเลยพี่หยวน เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ!"

"ตระกูลหวางซื้อเรือนอี้หงที่อยู่ตรงข้ามเราไป เปลี่ยนชื่อเป็นชิงฉือย่าเหยวี่ยน แถมยังดึงตัวหญิงงามในเรือนเรา ทั้งคนรับใช้ แม้แต่แม่เล้าก็ยังถูกซื้อตัวไป"

"พวกเขายังมีเพลงใหม่สามเพลงเพื่อดึงดูดแขก พ่อครัวล้วนเคยเป็นพ่อครัวหลวง แถมยังนำสุราที่เรียกว่าจุ้ยเซียนเหนี่ยวออกมา ข้าลองชิมแล้วรสชาติดีมาก..."

ในตอนนั้นเอง ตู้ซานเหนียงก็เดินกะเผลกออกมาจากห้องราวกับเป็ดที่กำลังจับกางเกง

"หญิงงามในเรือนของข้าถูกซื้อตัวไปหมด? สมกับเป็นนางโลมไร้น้ำใจ นักแสดงไร้คุณธรรม ข้าดีกับพวกนางขนาดนั้น พวกอกตัญญู..."

"ชิงเหอย่าเหยวี่ยนแต่เดิมก็เป็นของตระกูลหวาง การที่พวกเขาเตรียมแผนสำรองไว้ก็เป็นเรื่องปกติ ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่การด่าว่า แต่เป็นว่าจะรับมืออย่างไร!"

หลังเหตุการณ์ในอุทยานหลวง ตระกูลหวางดูเหมือนจะรู้ว่าการเอาชิงเหอย่าเหยวี่ยนที่ทำเงินมหาศาลคืนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ชิงเหอย่าเหยวี่ยนก็เป็นส่วนสำคัญในการฟอกเงินที่ได้จากการขุดหลุมศพของตระกูลพวกเขา

ดังนั้นตระกูลหวางจึงตั้งต้นใหม่ ใช้ทีมงานชุดเดิมเปิดชิงฉือย่าเหยวี่ยนขึ้นมา

ตู้ซานเหนียงตบหน้าอกอวบอูมพลางกล่าว "ข้าคลุกคลีในวงการนี้มาหลายปี ยังมีหน้ามีตาอยู่บ้าง หญิงงามหาได้ไม่ยาก แต่คุณภาพอาจจะด้อยกว่าเดิมหน่อย"

"เรื่องนั้นไม่สำคัญ คุณภาพไม่พอก็เอาความแปลกใหม่มาทดแทน"

เว่ยหยวนเอ่ยขึ้น "ในเมื่อพวกเขาชอบชื่อนั้น เราก็ยกให้พวกเขาไป ชิงเหอย่าเหยวี่ยนจะเปลี่ยนชื่อเป็น เทียนซางเหรินเจียน"

"ชั้นหนึ่งให้ลดแสงไฟลงครึ่งหนึ่ง ใช้โคมไฟสีชมพู อย่างนี้จะมองไม่ค่อยเห็นชัด ช่วยกลบความแตกต่างด้านคุณภาพระหว่างหญิงงามของเรากับฝั่งตรงข้าม อีกทั้งยังเพิ่มบรรยากาศชวนฝัน"

ตู้ซานเหนียงรีบหยิบกระดาษและพู่กันมาจดบันทึก...

"เหลียงจู๋ เจ้าจัดการให้ช่างรีบสร้างวงล้อหมุนขนาดใหญ่กลางชั้นหนึ่ง ให้หญิงงามสวมใส่เครื่องแต่งกายหลากหลาย เช่น ชุดขุนนาง ชุดละคร ชุดนักศึกษาเลียนแบบจูอิ่งไท่ ชุดเกล็ดปลาสีขาวเลียนแบบไป๋ซูเจิง..."

"แต่จำไว้ว่าต้องโชว์เรือนร่างบ้าง กึ่งปิดกึ่งเปิดนั่งอยู่บนนั้น ให้แขกชมได้ทุกมุม สามร้อยหกสิบองศา ข้าจะเรียกชุดนี้ว่า ยั่วยวนในชุดแต่งกาย หมุนเลือกนางในบำเรอ!"

"แน่นอน ทำวันละรอบตอนลูกค้าเยอะที่สุดก็พอ ไม่อย่างนั้นข้าเกรงว่าพวกนางจะเวียนหัว"

เหลียงจู๋ชูนิ้วโป้งให้เว่ยหยวน "สมแล้วที่เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการ ในวัยสิบสามที่พร้อมจะบินได้ ก็เที่ยวหอนางโลมและโรงเตี้ยวเป็นประจำ ในด้านนี้พี่หยวนเชี่ยวชาญที่สุด!"

แม้จะเป็นคำชม แต่เว่ยหยวนกลับไม่รู้สึกดีใจเลย...

"หญิงงามที่เหลือต้องใส่ชุดทำงาน"

"ชุดวัง? แต่งเป็นนางกำนัล?"

"ชุดทำงานต่างหาก เป็นเครื่องแบบที่เหมือนกัน ใส่ผ้าโปร่งครึ่งตัว ข้างล่างสวมกางเกงผ้าไหมรัดรูป ต้องโปร่งครึ่งหนึ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนอุ้มพิณกึ่งบังหน้า เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง สร้างความเย้ายวน กางเกงแบบนี้ข้าจะเรียกว่าถุงน่องไหม!"

"ส่วนอาหาร เอาพ่อครัวจากบ้านข้าไปสามคน ไม่เห็นเป็นไร พ่อครัวหลวงนี่ใครๆ ก็มี..."

เว่ยหยวนพูดถึงตรงนี้ ก็สั่งให้ตู้ซานเหนียงส่งคนไปซื้อสาหร่ายแห้ง กุ้งแห้ง เห็ดหอมแห้งจากตลาด ให้แช่เห็ดหอมจนนิ่มแล้วนำไปอบกับกุ้ง บดให้ละเอียดที่สุด ให้ครัวใส่ลงไปในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ เรียกว่า 'ผงชูรส'

"แล้วเพลงใหม่ล่ะ? เพลงฝั่งตรงข้ามข้าฟังแล้วต้องยกนิ้วให้ นี่ข้าคัดลอกมา พี่หยวนดูสิ"

เหลียงจู๋หยิบกระดาษสามแผ่นออกมา

เว่ยหยวนรังเกียจไม่ยอมรับ จึงให้ซีซุ่นรับไปอ่าน

อาจารย์ซุ่นจิ่นฟังแล้วขมวดคิ้ว ใช้การขยับริมฝีปากบอกว่า "ท่านอาจารย์ บทกวีเหล่านี้มีความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ไม่ใช่นักกวีธรรมดาจะแต่งได้"

"คร่ำครวญไร้สาระ เสแสร้ง ทำตัวน่ารัก... กลอนแบบนี้ดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือของจูซื่อป๋อ"

เว่ยหยวนเบ้ปากอย่างดูแคลน พูดกับเหลียงจู๋ว่า "ข้างกายข้ามีผู้นี้เป็นบัณฑิตเอก บัณฑิตเอกตัวจริง แต่งกลอนสักไม่กี่บทจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร?"

"ไปจัดการงานที่ข้าสั่งเถอะ ส่วนเรื่องกลอน ข้าจะจัดการเอง"

หลังเหลียงจู๋จากไป เว่ยหยวนก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป พูดกับซีซุ่นว่า "เอากระดาษและพู่กันมา แค่เพลงใหม่สามบทเท่านั้นเอง ข้าจะแต่งให้ห้าบท!"

"ท่านเว่ยอย่าเล่นสิ กับความรู้ด้านวรรณศิลป์ของท่าน คงแต่งได้แค่ 'แผ่นหนึ่ง แผ่นสอง แผ่นสามสี่' หรือไม่ก็ 'ใบบัวงัดกบกระโดดโลด' อะไรทำนองนั้น..."

เว่ยหยวนเบิกตาโต ทำให้ซีซุ่นตกใจรีบหันหลังวิ่งไป แล้วกลับมาพร้อมอุปกรณ์เครื่องเขียนครบชุด

เว่ยหยวนจรดพู่กันเขียนทันทีโดยไม่ต้องครุ่นคิด

"จั่นเสียงแผ่วโหยในราตรี ที่ศาลาริมทางยามพลบค่ำ ฝนห่าเพิ่งซา

นอกกำแพงเมือง ดื่มสุราไร้อารมณ์ ณ ที่ที่อาลัย เรือกำลังจะออก

จับมือมองหน้า น้ำตาคลอ กลับไร้วาจา

คิดถึงการเดินทาง หมื่นลี้ในม่านหมอก หมอกจางลงทั่วผืนฟ้าเมืองฉู่

คนมีรักย่อมเจ็บปวดกับการลาจาก ยิ่งทนไม่ได้ ยามฤดูใบไม้ร่วงเดือนเก้าอันเหน่อยล้า

คืนนั้นตื่นจากฤทธิ์สุรา ณ ที่ใด? ริมตลิ่งต้นหลิว ลมเช้าพัดเดือนเสี้ยว..."

ซีซุ่นที่มีความรู้น้อยดูไม่ออกว่าดีหรือไม่ แต่ตู้ซานเหนียงกับอาจารย์ซุ่นจิ่นกลับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

"นี่... นี่เป็นบทกวีที่ท่านเว่ยแต่งขึ้นทันทีจริงๆ หรือ?"

"ท่านอาจารย์ทั้งมีความรู้และความสามารถ ทั้งเฉลียวฉลาดและมีกลยุทธ์ จิ่นเคารพนับถือยิ่งนัก"

"แค่นี้ก็ชื่นชมแล้วหรือ? ยังไม่จบ! บอกว่าจะแต่งห้าบทก็ต้องห้าบท!"

เว่ยหยวนพูดจบก็จรดพู่กันอีกครั้ง

"ค้นหาเสาะหา เย็นเยียบว่างเปล่า โศกเศร้าระทม

ยามอากาศแปรปรวน อุ่นแล้วหนาวอีก ยากจะพักผ่อน

สองสามถ้วยสุราจาง จะสู้ได้อย่างไร กับสายลมยามค่ำคืนที่พัดกระโชก!

ห่านบินผ่าน ช่างเจ็บปวงใจ กลับเป็นคนรู้จักแต่หนหลัง...

ยามพลบค่ำ หยดน้ำค้างร่วงหล่น เรื่องราวเช่นนี้ จะใช้เพียงคำว่าเศร้าได้อย่างไร!"

อาจารย์ซุ่นจิ่นแทบจะตะลึงงัน เขาคิดว่าบทแรก 'อว้ีหลินหลิง' ของเว่ยหยวนก็งดงามเกินพอแล้ว บทต่อไปน่าจะด้อยลง

แต่ไม่นึกว่าบทที่สอง 'เซิงเซิงม่าน' จะไม่ใช้ถ้อยคำประดับประดา เข้าใจง่ายดั่งคำพูด แต่กลับแฝงความรู้สึกลึกซึ้ง แสดงความงามอันอ่อนช้อย มีท่วงทำนองสดใส บรรยากาศงดงาม นับเป็นบทกวีรักที่ประณีตวิจิตรอย่างแท้จริง

ตอนนี้เว่ยหยวนได้เขียนบทที่สามเสร็จแล้ว

"กลิ่นบัวแดงหอมจางบนเสื่อหยก ฤดูใบไม้ร่วง

ค่อยๆ ถอดอาภรณ์ไหม ขึ้นเรือลำน้อยเพียงลำพัง

ใครส่งจดหมายปักลายมาในหมู่เมฆ?

ขบวนห่านบินกลับ เดือนเต็มดวงทางทิศตะวันตก...

ความรู้สึกนี้ไม่อาจกำจัดได้ เพิ่งคลายความกังวล กลับขึ้นสู่หัวใจ"

เมื่อเว่ยหยวนเขียนครบห้าบท ล้วนเป็นผลงานเอกของกวีสายอ่อนหวานโรแมนติกอย่างหลี่ชิงเจา เอี้ยนซู และหลิวหย่ง

อาจารย์ซุ่นจิ่นกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น "จิ่นเพียงแค่เป็นบัณฑิตเอกที่ไม่ได้รับโอกาส ก็รู้สึกปวดร้าวในใจ แต่ท่านอาจารย์มีความสามารถเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่ง กลับต้องซ่อนคมเพื่อแผนการใหญ่ ปล่อยให้ผู้คนเยาะเย้ย!"

"ท่านอาจารย์ การที่ท่านต้องอดทนต่อความอัปยศ ปล่อยให้ไข่มุกต้องจมอยู่ในโคลน ทำให้จิ่นรู้สึกเจ็บปวดแทนท่านยิ่งนัก!"

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด