บทที่ 15 ทายาทถูกวางยาพิษประหลาด
ณ ลานหลังอันกว้างขวางของโรงเหล้าชิงเหอ มีการจัดโต๊ะกลมใหญ่ไว้ยี่สิบโต๊ะ แต่ละโต๊ะสามารถนั่งได้สิบคน เพื่อให้องครักษ์สองพันนายได้รับประทานอาหารแบบหมุนเวียน
อาหารทั้งหมดจัดเตรียมตามมาตรฐานงานเลี้ยงของเมืองหลวง ตรงกลางโต๊ะวางจานใหญ่พร้อมขนมแปดอย่างแบบเมืองหลวง
ต่อมาก็เป็นกับแกล้มแปดอย่างแบบเมืองหลวง ประกอบด้วยอาหารเย็นสี่อย่างและอาหารร้อนสี่อย่าง
มีถ้วยใหญ่แปดใบและถ้วยเล็กแปดใบ รวมถึงอาหารที่ปรุงด้วยวิธีต่างๆ แปดแบบ ได้แก่ การย่าง การตุ๋น การหมักซอส การเผา การเคี่ยว การผัด การนึ่ง และการทอด
ทั้งยี่สิบโต๊ะ หากอาหารจานไหนหมด ทางครัวก็จะนำอาหารใหม่มาเสิร์ฟ
เนื่องจากทุกคนยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ จึงไม่สามารถดื่มสุราได้ เมื่อรับประทานอิ่มแล้วก็จะลงจากโต๊ะ เพื่อให้องครักษ์คนใหม่ขึ้นมารับประทาน
ได้ทั้งเงินและอาหารอร่อย เหล่าองครักษ์ต่างรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเว่ยหยวน
ยิ่งไปกว่านั้น เว่ยหยวนยังบอกว่าวันนี้พวกเขาสามารถหาความสำราญกับสาวงามได้ในราคาครึ่งเดียว ทำให้พวกที่ชอบเที่ยวผู้หญิงแอบย่องขึ้นไปชั้นสองกันแล้ว...
ภายในโรงเหล้าชิงเหอ นางโคมเอกสี่คนแบ่งนั่งข้างซ้ายขวาของเว่ยหยวนและเหลียงจวี้เพื่อคอยรินสุรา
ตู้ซานเหนียงนวดไหล่ให้เว่ยหยวนจากด้านหลังพลางถาม "ท่านทายาทพอใจกับฝีมือการนวดหรือไม่เจ้าคะ?"
"ใช้ได้!"
"ท่านทายาท ตอนนี้ท่านเป็นเจ้าของแล้ว เสี่ยวเตี๋ยและเสี่ยวอ้ายต่างก็เป็นคนของท่าน ท่านต้องเมตตาพวกนางด้วย หากรังแกจนพวกนางบาดเจ็บ ก็จะไม่สามารถหาเงินให้ท่านได้นะเจ้าคะ"
เห็นได้ชัดว่าตู้ซานเหนียงกำลังพูดเป็นนัยถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ทำให้ชื่อเสียงของเว่ยหยวนโด่งดัง เรื่องที่สาวน้อยนักฆ่าถูกรังแกจนตาย และยังมีอุจจาระไหลออกมาด้วย...
"ชื่อเสียงของข้าเสียหายก็เพราะพวกเจ้านี่แหละ..."
เว่ยหยวนอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา แม้จะต้องรักษาบทบาทไว้ แต่การที่เรื่องอุจจาระมาตกอยู่บนหัวตัวเอง ช่างเหมือนคนใบ้กินบอระเพ็ดจริงๆ...
"อ้อใช่ ซานเหนียง ช่วงนี้มีเจ้าของโรงรับจำนำหรือโรงสีใหญ่ๆ มาเที่ยวบ้างหรือไม่"
"โรงรับจำนำ? โรงสี? ท่านทายาทจะทำอะไรหรือเจ้าคะ?"
"ลงทุน..."
ในขณะนั้น ไม่ไกลจากเว่ยหยวน ชายผู้หนึ่งลุกขึ้นประสานมือลา
"ท่านเจ้าของเฉิน ข้าน้อยขอตัวก่อนนะ!"
คนผู้นี้เว่ยหยวนเห็นแล้วคุ้นตา เขาคือขุนนางชั้นสามของราชสำนัก ตำแหน่งรองเสนาบดีกระทรวงการคลัง
ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าท่านเจ้าของเฉินคือชายวัยสามสิบกว่าปี รูปร่างท้วมเล็กน้อย
ปัง!
เฉินหวันซานตบโต๊ะอย่างแรง "รับเงินแล้วไม่ทำงาน ขุนนางเมืองหลวงพวกนี้กินแล้วไม่คายกระดูก"
หญิงสาวข้างๆ รีบปลอบและชวนดื่มสุรา แต่กลับถูกเฉินหวันซานผลักออก
"ไม่กินแล้ว คิดเงิน!"
เว่ยหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย "พูดสำเนียงอู๋ เป็นคนเจียงหนานสินะ?"
ตู้ซานเหนียงรีบกระซิบ "ท่านทายาท เขาคือเฉินหวันซาน เจ้าของโรงรับจำนำหย่งเฟิง มาจากเจียงหนาน มาเปิดสาขาโรงรับจำนำในเมืองหลวง แต่โดนเรียกรับสินบนแล้วยังไม่ได้เรื่อง"
"เขาจึงอารมณ์ไม่ดี แสดงโทสะนิดหน่อย ท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย พวกเราทำการค้า ต้องรักษาน้ำใจกัน"
เว่ยหยวนยิ้มเล็กน้อย ตบไหล่เหลียงจวี้ "นางโคมเอกทั้งสี่คืนนี้เป็นของเจ้าหมด ข้าต้องไปเจรจาธุรกิจ"
"พี่หยวน ให้ข้าหมดเลยเหรอ? นี่ไม่เหมือนนิสัยเจ้าเลยนะ ปกติเจ้าเห็นผู้หญิงทีไรเป็นต้องเข้าหาทุกที..."
เว่ยหยวนไม่สนใจคำเย้าแหย่ของเหลียงจวี้ ลุกเดินไปหาเฉินหวันซาน
"ขอท่านเฉินหยุดก่อน"
"หืม?"
เฉินหวันซานเงยหน้ามองเว่ยหยวนแวบหนึ่ง และเห็นตู้ซานเหนียงที่พยายามส่งสัญญาณตาให้ตน
"ขออภัย เมื่อครู่ข้าเมาสุราไปหน่อย อาจจะเสียงดังไปบ้าง แต่ไม่ได้มีเจตนาจะก่อกวนแต่อย่างใด"
"ข้ามาหาท่านเพื่อเจรจาธุรกิจ เชิญนั่ง"
หลังจากนั่งลงแล้ว ตู้ซานเหนียงก็รีบแนะนำ "ท่านเจ้าของเฉิน นี่คือเจ้าของคนใหม่ของโรงเหล้าชิงเหอ หลานชายของท่านอ๋องแคว้นเว่ย ท่านทายาทเว่ยหยวน"
เฉินหวันซานรู้สึกเหมือนกินแมลงวันเข้าไป ตัดสินใจว่าต่อไปจะไม่มาโรงเหล้าชิงเหออีก
เว่ยหยวน คนเสเพลอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง แม้อยู่ไกลถึงเจียงหนานก็ยังได้ยินชื่อเสียง พวกแบบนี้ไม่กล้าไปขัดใจ ทั้งยังไม่รู้จักอาย ชอบรังแกคนอื่น พบเจอเข้าวันนี้นับว่าซวยจริงๆ...
แม้ในใจจะรังเกียจ แต่เฉินหวันซานก็แสดงความเคารพอย่างเต็มที่
"ที่แท้เป็นท่านทายาท นับเป็นเกียรติที่ได้พบ"
"ชื่อเสียงเสียหายมากกว่า!"
เว่ยหยวนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ พูดกับเฉินหวันซาน "โรงรับจำนำหย่งเฟิงของท่านเจ้าของเฉิน อยู่ระดับไหนกัน?"
"เป็นแค่โรงรับจำนำเทียนลี่เล็กๆ ไม่สมควรเข้าตาท่านทายาท"
ระดับโรงรับจำนำในต้าเว่ยมี เทียนเซิง เทียนเหิง เทียนลี่ และเทียนเจิน
เทียนเซิงมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยทั่วไปจะเป็นตระกูลใหญ่ระดับสี่อ๋องแปดโหวในเมืองหลวง หรือโรงรับจำนำของทางการเท่านั้นที่จะถึงระดับนี้ได้
"เทียนลี่ งั้นมูลค่าโรงรับจำนำของท่านน่าจะประมาณสองสามแสนต้าลี่"
เฉินหวันซานรู้สึกกังวลใจ ไม่รู้ว่าทำไมเว่ยหยวนถึงพูดถึงโรงรับจำนำของตนขึ้นมา แต่เพราะฐานะของอีกฝ่ายสูงส่งเกินไป เขาจึงไม่กล้าทำอะไรรุนแรง ได้แต่ประสานมือแสดงท่าทีถ่อมตนที่สุด
"ท่านทายาทคำนวณไม่ผิด ข้าน้อยเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล มีเงินอยู่บ้างเล็กน้อย ในสายตาท่านทายาทคงไม่ต่างอะไรกับสามัญชนทั่วไป"
"พูดตรงๆ เลยแล้วกัน ข้าจะใช้เงินสดห้าหมื่นต้าลี่ซื้อหุ้นสี่สิบเปอร์เซ็ต์ของโรงรับจำนำท่าน"
เงินห้าหมื่นต้าลี่แลกกับหุ้นที่มีมูลค่าแสนต้าลี่ ไม่ต่างอะไรกับการปล้น
เฉินหวันซานกำลังจะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เว่ยหยวนก็พูดต่อ
"ข้าเชื่อว่าตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงหลายตระกูลคงเคยยื่นข้อเสนอให้ท่านเจ้าของเฉิน แต่การที่ท่านยังไม่ได้รับอนุมัติให้เปิดสาขาแสดงว่าท่านไม่ได้ตอบรับข้อเสนอจากฝ่ายใดเลย"
"ข้าได้ยินซานเหนียงเล่าว่า ท่านเจ้าของเฉินมาจากครอบครัวยากจน สร้างตัวจนมีทรัพย์สินนับแสนต้าลี่ด้วยสองมือ แสดงว่าท่านเป็นคนมีความสามารถและมีความทะเยอทะยาน"
"แต่ในบรรดาขุนนาง ชาวนา ช่างฝีมือ และพ่อค้า พ่อค้ามีฐานะต่ำที่สุด ต่อให้ท่านมีเงินมากแค่ไหน หากไม่พึ่งพาตระกูลใหญ่ เพียงคำพูดคำเดียวจากผู้มีอำนาจก็ทำให้ท่านสิ้นเนื้อประดาตัวได้"
"หากไม่มีอำนาจหนุนหลัง นอกจากในเจียงหนานที่เศรษฐกิจมีอิสระ ทั่วทั้งต้าเว่ยท่านจะก้าวไปไหนก็ลำบาก"
"ข้าจะถือหุ้นเป็นผู้สนับสนุนท่าน แน่นอนว่าหุ้นของข้ามีสิทธิ์รับเงินปันผลเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ ก็เท่ากับข้าลงทุนในตัวท่านเจ้าของเฉิน"
เว่ยหยวนเห็นเฉินหวันซานยังลังเล จึงสั่งตู้ซานเหนียง "ให้คนตามรองเสนาบดีกระทรวงการคลังที่เพิ่งจากไปกลับมาพบข้าเดี๋ยวนี้"
ไม่นานก็เห็นรองเสนาบดีกระทรวงการคลังวิ่งกลับมาอย่างนอบน้อม
"ท่านทายาทเรียกหาข้าน้อยหรือ?"
ตู้ซานเหนียงที่อยู่ข้างๆ ยื่นกล้องสูบยาหยกให้เว่ยหยวน เว่ยหยวนสูบยาคุณภาพดีจากตงเปียวแล้วพ่นควันใส่หน้ารองเสนาบดี จากนั้นสายตาก็แข็งกร้าวขึ้นพลางตบหน้าอีกฝ่ายทีหนึ่ง
"วันนี้ข้าก่อเรื่องที่คฤหาสน์ท่านอาจารย์ใหญ่ และทำลายคฤหาสน์ตระกูลหวังของท่านโหวจิ้นอี้ เจ้ารู้หรือไม่?"
"รู้...รู้ขอรับ"
"งั้นการที่ข้าจะจัดการเจ้าขุนนางชั้นสามคนหนึ่ง มันง่ายไหม?"
"ง่าย ง่ายขอรับ..."
"เจ้าไม่รู้จักรักหน้าตาแล้ว กล้าเรียกรับสินบนจากธุรกิจของข้า"
"ท่านทายาททำธุรกิจอะไรหรือขอรับ?"
"โรงรับจำนำหย่งเฟิง!"
"ข้าน้อยไม่รู้ว่าโรงรับจำนำหย่งเฟิงเป็นธุรกิจของท่านทายาท ข้าน้อยจะรีบกลับไปเขียนใบอนุญาตให้ผ่านการอนุมัติทันที!"
พูดจบรองเสนาบดีก็ล้วงธนบัตรออกมาจากอกเสื้อวางบนโต๊ะ นั่นคือสินบนที่เขาเพิ่งรับมาจากเฉินหวันซาน
ตามหลักแล้วเว่ยหยวนไม่มีตำแหน่งไม่มียศ แม้รองเสนาบดีจะกลัวเขา แต่ก็ไม่น่าจะต้องแสดงท่าทีนอบน้อมขนาดนี้
แต่ที่น่ากลัวคือวันนี้เจ้าคนนี้ทำเรื่องใหญ่สองเรื่อง กรรโชกเงินจากท่านอาจารย์ใหญ่ยี่สิบหมื่นต้าลี่ แล้วยังบุกไปทำลายคฤหาสน์ตระกูลหวัง
รองเสนาบดีกลัวว่าเว่ยหยวนจะมาจัดการตนบ้าง
ด้วยว่าตนเป็นเพียงขุนนางชั้นสาม เทียบกับสองคนก่อนหน้านี้ก็ไม่มีค่าอะไร...
"ไปได้"
เว่ยหยวนโบกมือไล่รองเสนาบดีไปแล้วยิ้มพูดกับเฉินหวันซาน "นี่แหละคืออำนาจ รู้สึกอย่างไร?"
"มัน...มันรู้สึกดีมาก!"
เฉินหวันซานพูดความในใจออกมา นึกถึงก่อนหน้านี้ที่รองเสนาบดีทำท่าวางอำนาจตรงหน้าตน แต่พอเห็นเว่ยหยวนกลับกลายเป็นลูกหลานไป ความแตกต่างนี้ทำให้รู้สึกดีจริงๆ...
"เรื่องร่วมมือกันคิดอย่างไร? แน่นอนท่านสามารถปฏิเสธได้ ข้าเว่ยหยวนจะไม่บีบบังคับท่าน เรื่องอนุมัติสาขาหย่งเฟิงถือเป็นของขวัญแรกพบจากข้า"
เฉินหวันซานกัดฟัน "ท่านทายาท ข้าขอถามท่านคำถามสุดท้าย หวังว่าท่านจะตอบตามตรง"
"ถามมา"
"โรงรับจำนำทั่วประเทศมีมากมาย ทำไมท่านถึงเลือกข้า?"
"คงเป็นเพราะวาสนา เพราะได้พบท่านที่นี่ และที่สำคัญที่สุด เงินก้อนนี้ได้มาไม่ง่าย ข้าต้องรีบเอาไปลงทุน ไม่อย่างนั้นทุกคนก็อยากจะมาแบ่ง รวมถึงคุณปู่ของข้าด้วย..."
เฉินหวันซานเกือบจะหล่นจากเก้าอี้ เขาคิดเหตุผลไว้มากมายในใจ แต่ไม่เคยคิดว่าความจริงจะเป็นเหตุผลไร้สาระแบบนี้ แต่เหตุผลแบบนี้ก็เข้ากับบุคลิกของเว่ยหยวนดี...
"แย่แล้ว! ท่านทายาทตาย ท่านทายาทตาย!"
จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงร้องตะโกนจากชั้นสอง เว่ยหยวนรีบวิ่งขึ้นไปทันที
เห็นนางโคมเอกทั้งสี่คนเปลือยกาย ส่วนเหลียงจวี้นอนคว่ำอยู่บนเตียง ใบหน้าเขียวคล้ำ มีฟองน้ำลายไหลออกมา ไม่มีลมหายใจแล้ว
ตู้ซานเหนียงรีบตะโกน "เรียกหมอเร็ว! ทายาทเหลียงเป็นลมสลบ..."
เว่ยหยวนเข้าไปแหวกเปลือกตาเหลียงจวี้ดู พบว่าในลูกตามีเส้นสีชมพูอ่อนเส้นหนึ่ง
"น้ำเซียนเหอหวน!"
นั่นคือยาพิษประหลาดที่เกือบจะเอาชีวิตเขาไปก่อนหน้านี้