ตอนที่แล้วตอนที่ 47 ถูกทำลายทันทีที่ก่อตั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 49 ยังต้องผ่านอะไรอีกเยอะ

ตอนที่ 48 สมบัติหายาก(ฟรี)


สองวันต่อมา สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย

จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดเพิ่มขึ้นทุกวัน และจำนวนผู้ติดเชื้อก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง สถานการณ์ใกล้จะควบคุมไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือแพร่สะพัดในหมู่ขาวบ้าน

“นี่คือการลงโทษจากสวรรค์! ลู่โฉ่วอี๋ทรยศต่อราชสำนัก สวรรค์และโลกไม่อาจทนได้! พวกเจ้าผู้ทรยศต่อประชาชนจะต้องตายอย่างอนาถหากสนับสนุนลู่โฉ่วอี๋!”

“ข้าควรทำอย่างไรดี?”

“มีเพียงการหนีออกจากเมืองเจิ้นหนานและออกจากพื้นที่ควบคุมของลู่โฉ่วอี๋เท่านั้นจึงจะปลอดภัย”

ผู้คนในเมืองต่างตื่นตระหนกและต้องการหนีออกจากเมือง แต่ลู่โฉ่วอี๋กังวลว่าผู้ติดเชื้อที่นี่จะแพร่เชื้อไปยังเมืองอื่น ๆ ภายใต้การปกครองของเขา จึงได้ปิดเมืองเจิ้นหนานไว้ก่อนแล้ว

ด้วยเหตุนี้ ผู้คนในเมืองจึงปะทะกับกองทัพเจิ้นหนานอีกครั้ง

ความวุ่นวายทั้งภายในและภายนอกทำให้ลู่โฉ่วอี๋ปวดหัวยิ่งนัก วันที่กำหนดไว้สำหรับการขึ้นครองราชย์ใกล้เข้ามาทุกที แต่เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย

สิ่งที่ทำให้ลู่โฉ่วอี๋กังวลใจที่สุดก็คือ มีผู้ติดเชื้อแม้แต่ในพระราชวัง หากคนในตระกูลลู่ หรือขุนนางระดับสูงและแม่ทัพต้องตายด้วยโรคร้าย สถานการณ์คงวุ่นวายยิ่งกว่านี้

“เหตุใดสวรรค์ถึงไม่ซื่อสัตย์ต่อข้า!”

ไม่ว่าลู่โฉ่วอี๋จะมีความสามารถในการนำทัพมากเพียงใด เขาก็ไม่อาจเอาชนะโรคระบาดได้

ทันใดนั้น ฟู่ป๋อ คนสนิทของลู่โฉ่วอี๋ ก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทรงอักษรและรายงานว่า “ฝ่าบาท...คุณชายเจ็ดทำอะไรไม่รู้ ไปยืนแจกยาอยู่ที่หน้าประตูวัง!”

“ไร้สาระ! เวลาแบบนี้ ยังจะมาทำอะไรไร้สาระอีก?” ลู่โฉ่วอี๋โกรธจนควันออกหู

ฟู่ป๋อก็ถอนหายใจ “ใช่แล้ว เขารู้เรื่องการรักษาโรคที่ไหนกัน? การเปิดประตูวังแจกยาแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการนำโรคระบาดเข้ามาในวัง เขาช่างสับสนจริง ๆ!”

“ให้คนมา!”

ลู่โฉ่วอี๋โกรธจัดและนำทหารองครักษ์ส่วนตัวไปที่ประตูวัง พวกเขามารวมตัวกันที่หน้าประตูวังด้วยชุดเกราะหนา

ลู่โฉ่วอี๋เห็นลู่เฉินอยู่ในชุดสีขาวราวกับเซียนที่ถูกเนรเทศลงมายังโลกมนุษย์ กำลังแจกซุปยาที่ทำสดใหม่ให้แก่ผู้คนที่มาหลังจากได้ยินข่าว

ข้าง ๆ เขามีสาวใช้หยวนหยาง ชุนฮวา และชิวเยว่ คอยช่วยเหลืออย่างไม่กลัวอันตราย พวกนางยุ่งอยู่กับการปั้นหน้ายิ้มแย้มและส่งซุปยาให้กับผู้คน

แม้แต่ลูกลิงขาวน้อยหงอคง ที่เพิ่งหัดเดินได้ไม่นานก็วิ่งไปมาอยู่ใกล้ ๆ ร้องเจื้อยแจ้ว แล้วกับต้องการจะบอกอะไรไม่รู้

เมื่อเห็นภาพที่สามัคคีกันเช่นนี้ ความโกรธในใจของลู่โฉ่วอี๋ก็สงบลงไปมากในทันใด

ลู่เฉินที่มีหูตาว่องไว ได้ยินเสียงดังมาจากระยะไกลก็รีบหันมาทักทาย “ท่านพ่อ ท่านก็มาด้วยหรือ รีบดื่มซุปเถาวัลย์โลหิตดำสักถ้วย หากป่วยก็หาย หากไม่ป่วยก็ป้องกันไว้”

ลู่โฉ่วอี๋เดินตรงเข้าไป รับถ้วยเล็ก ๆ มา พบว่าเป็นซุปยาสีดำใสมีกลิ่นยาลอย เขายังไม่ดื่มทันที แต่ถามว่า “ของต้มอะไรกัน จะรักษาโรคระบาดได้จริงหรือ?”

ลู่เฉินกล่าว “นี่คือเถาวัลย์โลหิตดำที่ข้าปลูก มันมีฤทธิ์ในการรักษาโรคระบาด ท่านเห็นหรือไม่ คนที่ดื่มซุปยานี้หลายคนหายไอแล้ว และคนที่ตัวร้อนก็อาการดีขึ้นด้วย”

ลู่โฉ่วอี๋เงยหน้าขึ้นมองไปที่นอกประตูวัง เห็นจริงดังว่า ผู้ที่ดื่มซุปยาแล้วมีอาการดีขึ้น ถือว่ามีประสิทธิภาพมาก

“ลูกชายข้าช่างเป็นอัจฉริยะจริง ๆ!” ลู่โฉ่วอี๋ดีใจจนลืมว่าเพิ่งด่าทอลู่เฉินว่าซุกซนไปเมื่อครู่ เขาซดซุปยาจนหมดถ้วยและถามว่า “แม่ของเจ้าและคนอื่น ๆ ได้ดื่มยาแล้วหรือยัง?”

“ดื่มแล้วเจ้าค่ะ ทุกคนในจวนดื่มกันตั้งแต่เช้าแล้ว” หยวนหยางกล่าว

“ดี!” ลู่โฉ่วอี๋ถอนหายใจยาว ตบไหล่ลู่เฉินแรง ๆ “คราวนี้ต้องขอบคุณลูกชายข้าจริง ๆ เจ้าอยากได้อะไรหรือไม่?”

ลู่โฉ่วอี๋เริ่มใจอ่อนหลังจากเห็นว่าลู่เฉินมีประโยชน์มากขนาดนี้ เขารู้สึกว่าลู่เฉินเป็นรัชทายาทก็ไม่เสียหายอะไร หากลู่เฉินเอ่ยปาก เขาจะพิจารณาเรื่องนี้

แต่ลู่เฉินกลับยิ้มและกล่าว “ท่านพ่อไม่ได้ให้ลิงขาวหงอคงกับข้ามาแล้วหรือ ข้าชอบมันมาก ต้องขอบคุณท่านพ่อมากขอรับ”

ลู่โฉ่วอี๋ถึงกับหน้าเสีย

ที่จริงแล้วเดิมทีเขาตั้งใจจะให้ลิงขาวตัวนี้กับลูกชายลับ ๆ ของเขา ลู่ฟ่าน แต่สุดท้ายกลับให้ลู่เฉินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่คาดคิดว่าลู่เฉินจะขอบคุณเขามากมายขนาดนี้ ลู่โฉ่วอี๋รู้สึกอับอายเล็กน้อยและรู้สึกว่าเขาดูแลลู่เฉินไม่ดีเท่าที่ควร

“ลูกพ่อ พ่อจะไม่มีวันลืมบุญคุณของเจ้า” ลู่โฉ่วอี๋กล่าวอีกครั้ง

ลู่เฉินนึกอะไรขึ้นมาได้ “ท่านพ่อ ท่านหาต้นโพธิ์เจอหรือยัง?”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะพยายามหาให้ได้แน่นอน”

จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น

ผู้คนที่ดื่มยาไปก็ทยอยกลับมาแข็งแรงพร้อมพาครอบครัวไปดื่มยาด้วย

เมื่อชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้ยินข่าวก็รีบพากันมามุง

ทุกคนรู้ว่าคุณชายเจ็ดแห่งจวนอ๋องแจกยาฟรี ซึ่งดื่มแล้วได้ผลดีนัก

“คุณชายเจ็ด ท่านเป็นดั่งพระโพธิสัตว์มาโปรดจริง ๆ!”

“เมื่อข้ากลับถึงบ้าน ข้าจะให้คุณชายเจ็ดเป็นพระโพธิสัตว์ของตระกูลเรา! คุณชายเจ็ดช่วยชีวิตครอบครัวของข้าไว้ ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านได้อย่างไร!”

“ขอบคุณท่านคุณชายเจ็ด ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน ข้าจะพาครอบครัวของข้ามากราบท่าน คุณชายเจ็ด!”

“คุณชายเจ็ดช่างมีพระคุณยิ่ง!”

ในเวลาอันสั้น ชื่อเสียงของลู่เฉินก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองเจิ้นหนาน ทุกคนต่างสรรเสริญและเคารพบูชาเขา

ทหารภายใต้การดูแลของลู่โฉ่วอี๋ก็นำเถาวัลย์โลหิตดำกลับไปด้วย พวกเขาต้มน้ำดื่ม หลังจากนั้นก็ไม่กลัวโรคระบาดอีก

ผู้บัญชาการเมืองนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และรีบรายงาน “คุณชายเจ็ดของฝ่าบาทช่างเป็นคนดี ปลูกสมุนไพรเถาวัลย์โลหิตดำและรักษาผู้คนในเมือง ข้าขอเสนออีกครั้ง ให้สร้างที่อยู่อาศัยให้กับนักรบวิสุทธิ์ในแคว้นไท่ห้าวของพวกเรา สร้างวัดและรูปปั้นทองคำของเขา เผยแพร่ชื่อเสียงของเขาให้กว้างไกล!”

ลู่โฉ่วอี๋พยักหน้า “รอให้ข้าขึ้นครองราชย์ก่อนแล้วค่อยนำเรื่องนี้มาพูดอีกครั้ง”

โรคระบาดที่นี่เริ่มสงบลง และพิธีบรมราชาภิเษกของลู่โฉ่วอี๋ก็สามารถกลับมาดำเนินการต่อไปได้ ส่วนทางด้านลู่เฉิน เขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบอีกครั้ง

[อันตรายจากโรคระบาด เจ้าของ ลู่เฉิน ได้ทำลายแผนการอันชั่วร้ายของราชวงศ์ต้าเฉียน ช่วยชีวิตคนทั้งเมืองให้รอดพ้นจากวิกฤต ระบบจะมอบหัวข้อรางวัลสามอย่าง โปรดเลือกมาหนึ่งอย่าง:

"ร่มหมื่นคน" สมบัติล้ำค่าจากภายนอกมิติ

คัมภีร์ "เน่ยจิงแห่งจักรพรรดิขาว"

ยาระดับจิตวิญญาณ "ยาอายุวัฒนะ"]

ลู่เฉินไม่คิดนาน “ข้าเลือกข้อหนึ่ง”

ร่มสีเหลืองอ่อนตกลงมาอยู่ในมือของลู่เฉิน เขายกมือขึ้นและใช้สัมผัสวิญญาณ รับรู้ถึงสรรพคุณของ “ร่มหมื่นคน” ได้ในทันที

“ร่มหมื่นคน ใช้ความเชื่อของประชาชนเป็นธูปและรวบรวมพลังแห่งธูป เมื่อใช้ร่มนี้ จะสามารถดึงพลังแห่งธูปมาใช้ห่อหุ้มตนเอง เพิ่มพูนพลังและความแข็งแกร่งได้ทันที ระดับการเพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณธูป...”

ลู่เฉินพลันเข้าใจ ไม่น่าแปลกใจที่เรียกว่าร่มหมื่นคน มันรวบรวมพลังแห่งศรัทธาของผู้คน ยิ่งได้รับความเชื่อจากผู้คนมากเท่าไหร่ ร่มหมื่นคนก็จะยิ่งให้โบนัสมากขึ้นเท่านั้น

“ของดี!” ลู่เฉินพอใจมาก

การที่สามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะพลังและความแข็งแกร่งได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกหรือ?

วันที่ 25 ตุลาคม เป็นวันมงคล

“ด้วยพระบัญชาแห่งสวรรค์ ข้า ฮ่องเต้ขอประกาศ…” ด้วยคำสั่งของลู่โฉ่วอี๋ จักรวรรดิไท่ห้าวก็ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ ลู่โฉ่วอี๋กลายเป็นฮ่องเต้พระองค์แรก โดยใช้ชื่อรัชกาลว่า หง และปีนั้นเป็นปีแรกของรัชสมัยหง

สิ่งแรกที่ลู่โฉ่วอี๋ทำหลังจากขึ้นครองราชย์ก็คือการออกพระราชกฤษฎีกาให้สร้างศาลเจ้าของลู่เฉิน นักรบวิสุทธิ์แห่งมนุษย์ เพื่อเผยแพร่พลังและชื่อเสียงของเขา ในแต่ละเมืองไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ต่างก็มีศาลเจ้าหนึ่งถึงสี่แห่งเพื่อให้ประชาชนจุดธูปบูชา

แน่นอนว่าลู่เฉินยินดีมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ ยิ่งชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากเท่าไหร่ ก็จะมีผู้คนเคารพบูชาเขามากขึ้นเท่านั้น พลังแห่งธูปก็จะยิ่งมีมากขึ้น และร่มหมื่นคนก็จะยิ่งให้ผลตอบแทนมากขึ้นตาม

แต่ถึงกระนั้น ลู่เฉินก็ยังคงปฏิเสธคำเชิญของลู่โฉ่วอี๋ที่จะให้เขาเข้าพระราชวังเพื่อรับพระราชกฤษฎีกา

นี่เป็นเพราะว่าลู่เฉินค้นพบว่า ถึงแม้วังลู่และพระราชวังที่ลู่โฉ่วอี๋สร้างใหม่จะอยู่ติดกัน แต่เมื่อลู่เฉินเดินไปที่กำแพงที่กั้นระหว่างสองลาน เขากลับไม่สามารถใช้งานระบบเช็คอินได้!

“ดูเหมือนว่าจะมีเพียงสถานที่ที่ข้าอาศัยอยู่เท่านั้นที่ถือว่าเป็นบ้านของข้า ส่วนเขตพระราชวังไม่ใช่บ้านของข้า!”

ลู่เฉินคิดในใจ ถ้าขยายพระราชวังแล้ว พื้นที่กิจกรรมของเขาจะใหญ่ขึ้นไหมนะ?

พ่อของเขาขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ และฮูหยินหลิวก็กลายเป็นพระพันปี แต่ลู่เฉินยังคงอยู่ในกระท่อมของตัวเองในสวน ศึกษาดอกไม้และต้นไม้ของเขา

เขาคิดค้นอัตราส่วนการผสมบางอย่างได้แล้ว โดยใช้ผงหินวิญญาณจำนวนเล็กน้อยและหญ้าว่าวขาวที่ถูกเผาเป็นเถ้า เช่นนี้พืชวิญญาณก็สามารถเติบโตได้ตามธรรมชาติ

ถึงแม้ว่าหญ้าว่าวขาวจะมีราคาไม่ถูกมากนัก แต่ก็สามารถซื้อได้ด้วยเงิน เมื่อเทียบกับหินวิญญาณแล้ว มันหาได้ง่ายกว่ามาก

“เยี่ยม! แบบนี้ข้าก็สามารถเตรียมซื้อหญ้าว่าวขาวจำนวนมากได้ และข้าก็จะสามารถปลูกพืชวิญญาณที่เหลือได้ทั้งหมด!”

4.8 5 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด