ตอนที่ 48 สมบัติหายาก(ฟรี)
สองวันต่อมา สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย
จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดเพิ่มขึ้นทุกวัน และจำนวนผู้ติดเชื้อก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง สถานการณ์ใกล้จะควบคุมไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือแพร่สะพัดในหมู่ขาวบ้าน
“นี่คือการลงโทษจากสวรรค์! ลู่โฉ่วอี๋ทรยศต่อราชสำนัก สวรรค์และโลกไม่อาจทนได้! พวกเจ้าผู้ทรยศต่อประชาชนจะต้องตายอย่างอนาถหากสนับสนุนลู่โฉ่วอี๋!”
“ข้าควรทำอย่างไรดี?”
“มีเพียงการหนีออกจากเมืองเจิ้นหนานและออกจากพื้นที่ควบคุมของลู่โฉ่วอี๋เท่านั้นจึงจะปลอดภัย”
ผู้คนในเมืองต่างตื่นตระหนกและต้องการหนีออกจากเมือง แต่ลู่โฉ่วอี๋กังวลว่าผู้ติดเชื้อที่นี่จะแพร่เชื้อไปยังเมืองอื่น ๆ ภายใต้การปกครองของเขา จึงได้ปิดเมืองเจิ้นหนานไว้ก่อนแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ผู้คนในเมืองจึงปะทะกับกองทัพเจิ้นหนานอีกครั้ง
ความวุ่นวายทั้งภายในและภายนอกทำให้ลู่โฉ่วอี๋ปวดหัวยิ่งนัก วันที่กำหนดไว้สำหรับการขึ้นครองราชย์ใกล้เข้ามาทุกที แต่เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย
สิ่งที่ทำให้ลู่โฉ่วอี๋กังวลใจที่สุดก็คือ มีผู้ติดเชื้อแม้แต่ในพระราชวัง หากคนในตระกูลลู่ หรือขุนนางระดับสูงและแม่ทัพต้องตายด้วยโรคร้าย สถานการณ์คงวุ่นวายยิ่งกว่านี้
“เหตุใดสวรรค์ถึงไม่ซื่อสัตย์ต่อข้า!”
ไม่ว่าลู่โฉ่วอี๋จะมีความสามารถในการนำทัพมากเพียงใด เขาก็ไม่อาจเอาชนะโรคระบาดได้
ทันใดนั้น ฟู่ป๋อ คนสนิทของลู่โฉ่วอี๋ ก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทรงอักษรและรายงานว่า “ฝ่าบาท...คุณชายเจ็ดทำอะไรไม่รู้ ไปยืนแจกยาอยู่ที่หน้าประตูวัง!”
“ไร้สาระ! เวลาแบบนี้ ยังจะมาทำอะไรไร้สาระอีก?” ลู่โฉ่วอี๋โกรธจนควันออกหู
ฟู่ป๋อก็ถอนหายใจ “ใช่แล้ว เขารู้เรื่องการรักษาโรคที่ไหนกัน? การเปิดประตูวังแจกยาแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการนำโรคระบาดเข้ามาในวัง เขาช่างสับสนจริง ๆ!”
“ให้คนมา!”
ลู่โฉ่วอี๋โกรธจัดและนำทหารองครักษ์ส่วนตัวไปที่ประตูวัง พวกเขามารวมตัวกันที่หน้าประตูวังด้วยชุดเกราะหนา
ลู่โฉ่วอี๋เห็นลู่เฉินอยู่ในชุดสีขาวราวกับเซียนที่ถูกเนรเทศลงมายังโลกมนุษย์ กำลังแจกซุปยาที่ทำสดใหม่ให้แก่ผู้คนที่มาหลังจากได้ยินข่าว
ข้าง ๆ เขามีสาวใช้หยวนหยาง ชุนฮวา และชิวเยว่ คอยช่วยเหลืออย่างไม่กลัวอันตราย พวกนางยุ่งอยู่กับการปั้นหน้ายิ้มแย้มและส่งซุปยาให้กับผู้คน
แม้แต่ลูกลิงขาวน้อยหงอคง ที่เพิ่งหัดเดินได้ไม่นานก็วิ่งไปมาอยู่ใกล้ ๆ ร้องเจื้อยแจ้ว แล้วกับต้องการจะบอกอะไรไม่รู้
เมื่อเห็นภาพที่สามัคคีกันเช่นนี้ ความโกรธในใจของลู่โฉ่วอี๋ก็สงบลงไปมากในทันใด
ลู่เฉินที่มีหูตาว่องไว ได้ยินเสียงดังมาจากระยะไกลก็รีบหันมาทักทาย “ท่านพ่อ ท่านก็มาด้วยหรือ รีบดื่มซุปเถาวัลย์โลหิตดำสักถ้วย หากป่วยก็หาย หากไม่ป่วยก็ป้องกันไว้”
ลู่โฉ่วอี๋เดินตรงเข้าไป รับถ้วยเล็ก ๆ มา พบว่าเป็นซุปยาสีดำใสมีกลิ่นยาลอย เขายังไม่ดื่มทันที แต่ถามว่า “ของต้มอะไรกัน จะรักษาโรคระบาดได้จริงหรือ?”
ลู่เฉินกล่าว “นี่คือเถาวัลย์โลหิตดำที่ข้าปลูก มันมีฤทธิ์ในการรักษาโรคระบาด ท่านเห็นหรือไม่ คนที่ดื่มซุปยานี้หลายคนหายไอแล้ว และคนที่ตัวร้อนก็อาการดีขึ้นด้วย”
ลู่โฉ่วอี๋เงยหน้าขึ้นมองไปที่นอกประตูวัง เห็นจริงดังว่า ผู้ที่ดื่มซุปยาแล้วมีอาการดีขึ้น ถือว่ามีประสิทธิภาพมาก
“ลูกชายข้าช่างเป็นอัจฉริยะจริง ๆ!” ลู่โฉ่วอี๋ดีใจจนลืมว่าเพิ่งด่าทอลู่เฉินว่าซุกซนไปเมื่อครู่ เขาซดซุปยาจนหมดถ้วยและถามว่า “แม่ของเจ้าและคนอื่น ๆ ได้ดื่มยาแล้วหรือยัง?”
“ดื่มแล้วเจ้าค่ะ ทุกคนในจวนดื่มกันตั้งแต่เช้าแล้ว” หยวนหยางกล่าว
“ดี!” ลู่โฉ่วอี๋ถอนหายใจยาว ตบไหล่ลู่เฉินแรง ๆ “คราวนี้ต้องขอบคุณลูกชายข้าจริง ๆ เจ้าอยากได้อะไรหรือไม่?”
ลู่โฉ่วอี๋เริ่มใจอ่อนหลังจากเห็นว่าลู่เฉินมีประโยชน์มากขนาดนี้ เขารู้สึกว่าลู่เฉินเป็นรัชทายาทก็ไม่เสียหายอะไร หากลู่เฉินเอ่ยปาก เขาจะพิจารณาเรื่องนี้
แต่ลู่เฉินกลับยิ้มและกล่าว “ท่านพ่อไม่ได้ให้ลิงขาวหงอคงกับข้ามาแล้วหรือ ข้าชอบมันมาก ต้องขอบคุณท่านพ่อมากขอรับ”
ลู่โฉ่วอี๋ถึงกับหน้าเสีย
ที่จริงแล้วเดิมทีเขาตั้งใจจะให้ลิงขาวตัวนี้กับลูกชายลับ ๆ ของเขา ลู่ฟ่าน แต่สุดท้ายกลับให้ลู่เฉินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่คาดคิดว่าลู่เฉินจะขอบคุณเขามากมายขนาดนี้ ลู่โฉ่วอี๋รู้สึกอับอายเล็กน้อยและรู้สึกว่าเขาดูแลลู่เฉินไม่ดีเท่าที่ควร
“ลูกพ่อ พ่อจะไม่มีวันลืมบุญคุณของเจ้า” ลู่โฉ่วอี๋กล่าวอีกครั้ง
ลู่เฉินนึกอะไรขึ้นมาได้ “ท่านพ่อ ท่านหาต้นโพธิ์เจอหรือยัง?”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะพยายามหาให้ได้แน่นอน”
จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น
ผู้คนที่ดื่มยาไปก็ทยอยกลับมาแข็งแรงพร้อมพาครอบครัวไปดื่มยาด้วย
เมื่อชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้ยินข่าวก็รีบพากันมามุง
ทุกคนรู้ว่าคุณชายเจ็ดแห่งจวนอ๋องแจกยาฟรี ซึ่งดื่มแล้วได้ผลดีนัก
“คุณชายเจ็ด ท่านเป็นดั่งพระโพธิสัตว์มาโปรดจริง ๆ!”
“เมื่อข้ากลับถึงบ้าน ข้าจะให้คุณชายเจ็ดเป็นพระโพธิสัตว์ของตระกูลเรา! คุณชายเจ็ดช่วยชีวิตครอบครัวของข้าไว้ ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านได้อย่างไร!”
“ขอบคุณท่านคุณชายเจ็ด ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน ข้าจะพาครอบครัวของข้ามากราบท่าน คุณชายเจ็ด!”
“คุณชายเจ็ดช่างมีพระคุณยิ่ง!”
ในเวลาอันสั้น ชื่อเสียงของลู่เฉินก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองเจิ้นหนาน ทุกคนต่างสรรเสริญและเคารพบูชาเขา
ทหารภายใต้การดูแลของลู่โฉ่วอี๋ก็นำเถาวัลย์โลหิตดำกลับไปด้วย พวกเขาต้มน้ำดื่ม หลังจากนั้นก็ไม่กลัวโรคระบาดอีก
ผู้บัญชาการเมืองนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และรีบรายงาน “คุณชายเจ็ดของฝ่าบาทช่างเป็นคนดี ปลูกสมุนไพรเถาวัลย์โลหิตดำและรักษาผู้คนในเมือง ข้าขอเสนออีกครั้ง ให้สร้างที่อยู่อาศัยให้กับนักรบวิสุทธิ์ในแคว้นไท่ห้าวของพวกเรา สร้างวัดและรูปปั้นทองคำของเขา เผยแพร่ชื่อเสียงของเขาให้กว้างไกล!”
ลู่โฉ่วอี๋พยักหน้า “รอให้ข้าขึ้นครองราชย์ก่อนแล้วค่อยนำเรื่องนี้มาพูดอีกครั้ง”
โรคระบาดที่นี่เริ่มสงบลง และพิธีบรมราชาภิเษกของลู่โฉ่วอี๋ก็สามารถกลับมาดำเนินการต่อไปได้ ส่วนทางด้านลู่เฉิน เขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบอีกครั้ง
[อันตรายจากโรคระบาด เจ้าของ ลู่เฉิน ได้ทำลายแผนการอันชั่วร้ายของราชวงศ์ต้าเฉียน ช่วยชีวิตคนทั้งเมืองให้รอดพ้นจากวิกฤต ระบบจะมอบหัวข้อรางวัลสามอย่าง โปรดเลือกมาหนึ่งอย่าง:
"ร่มหมื่นคน" สมบัติล้ำค่าจากภายนอกมิติ
คัมภีร์ "เน่ยจิงแห่งจักรพรรดิขาว"
ยาระดับจิตวิญญาณ "ยาอายุวัฒนะ"]
ลู่เฉินไม่คิดนาน “ข้าเลือกข้อหนึ่ง”
ร่มสีเหลืองอ่อนตกลงมาอยู่ในมือของลู่เฉิน เขายกมือขึ้นและใช้สัมผัสวิญญาณ รับรู้ถึงสรรพคุณของ “ร่มหมื่นคน” ได้ในทันที
“ร่มหมื่นคน ใช้ความเชื่อของประชาชนเป็นธูปและรวบรวมพลังแห่งธูป เมื่อใช้ร่มนี้ จะสามารถดึงพลังแห่งธูปมาใช้ห่อหุ้มตนเอง เพิ่มพูนพลังและความแข็งแกร่งได้ทันที ระดับการเพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณธูป...”
ลู่เฉินพลันเข้าใจ ไม่น่าแปลกใจที่เรียกว่าร่มหมื่นคน มันรวบรวมพลังแห่งศรัทธาของผู้คน ยิ่งได้รับความเชื่อจากผู้คนมากเท่าไหร่ ร่มหมื่นคนก็จะยิ่งให้โบนัสมากขึ้นเท่านั้น
“ของดี!” ลู่เฉินพอใจมาก
การที่สามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะพลังและความแข็งแกร่งได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกหรือ?
วันที่ 25 ตุลาคม เป็นวันมงคล
“ด้วยพระบัญชาแห่งสวรรค์ ข้า ฮ่องเต้ขอประกาศ…” ด้วยคำสั่งของลู่โฉ่วอี๋ จักรวรรดิไท่ห้าวก็ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ ลู่โฉ่วอี๋กลายเป็นฮ่องเต้พระองค์แรก โดยใช้ชื่อรัชกาลว่า หง และปีนั้นเป็นปีแรกของรัชสมัยหง
สิ่งแรกที่ลู่โฉ่วอี๋ทำหลังจากขึ้นครองราชย์ก็คือการออกพระราชกฤษฎีกาให้สร้างศาลเจ้าของลู่เฉิน นักรบวิสุทธิ์แห่งมนุษย์ เพื่อเผยแพร่พลังและชื่อเสียงของเขา ในแต่ละเมืองไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ต่างก็มีศาลเจ้าหนึ่งถึงสี่แห่งเพื่อให้ประชาชนจุดธูปบูชา
แน่นอนว่าลู่เฉินยินดีมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ ยิ่งชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากเท่าไหร่ ก็จะมีผู้คนเคารพบูชาเขามากขึ้นเท่านั้น พลังแห่งธูปก็จะยิ่งมีมากขึ้น และร่มหมื่นคนก็จะยิ่งให้ผลตอบแทนมากขึ้นตาม
แต่ถึงกระนั้น ลู่เฉินก็ยังคงปฏิเสธคำเชิญของลู่โฉ่วอี๋ที่จะให้เขาเข้าพระราชวังเพื่อรับพระราชกฤษฎีกา
นี่เป็นเพราะว่าลู่เฉินค้นพบว่า ถึงแม้วังลู่และพระราชวังที่ลู่โฉ่วอี๋สร้างใหม่จะอยู่ติดกัน แต่เมื่อลู่เฉินเดินไปที่กำแพงที่กั้นระหว่างสองลาน เขากลับไม่สามารถใช้งานระบบเช็คอินได้!
“ดูเหมือนว่าจะมีเพียงสถานที่ที่ข้าอาศัยอยู่เท่านั้นที่ถือว่าเป็นบ้านของข้า ส่วนเขตพระราชวังไม่ใช่บ้านของข้า!”
ลู่เฉินคิดในใจ ถ้าขยายพระราชวังแล้ว พื้นที่กิจกรรมของเขาจะใหญ่ขึ้นไหมนะ?
พ่อของเขาขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ และฮูหยินหลิวก็กลายเป็นพระพันปี แต่ลู่เฉินยังคงอยู่ในกระท่อมของตัวเองในสวน ศึกษาดอกไม้และต้นไม้ของเขา
เขาคิดค้นอัตราส่วนการผสมบางอย่างได้แล้ว โดยใช้ผงหินวิญญาณจำนวนเล็กน้อยและหญ้าว่าวขาวที่ถูกเผาเป็นเถ้า เช่นนี้พืชวิญญาณก็สามารถเติบโตได้ตามธรรมชาติ
ถึงแม้ว่าหญ้าว่าวขาวจะมีราคาไม่ถูกมากนัก แต่ก็สามารถซื้อได้ด้วยเงิน เมื่อเทียบกับหินวิญญาณแล้ว มันหาได้ง่ายกว่ามาก
“เยี่ยม! แบบนี้ข้าก็สามารถเตรียมซื้อหญ้าว่าวขาวจำนวนมากได้ และข้าก็จะสามารถปลูกพืชวิญญาณที่เหลือได้ทั้งหมด!”