ตอนที่ 195 : ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ
ตอนที่ 195 : ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ
"เรียนคุณฉู่ ในพวกเราทั้งหมดคนที่ทำงานในวิลล่านี้มานานที่สุดก็ทำงานนี้มาแล้ว 8 ปี ส่วนคนที่มาใหม่สุดเพิ่งทำได้เพียง 2 ปีเท่านั้นค่ะ"
สาวใช้คนหนึ่งตอบด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย
ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น แต่การดำเนินงานประจำวันในวิลล่ายังคงต้องการคนดูแล หากไม่มีคนดูแล วิลล่าที่ใหญ่ขนาดนี้จะจัดการได้ยากมาก
ในวิลล่าหลังนี้มีคนรับใช้เพียง 8 คนเท่านั้น
ตามที่พวกเธอบอก คนรับใช้ 4 คนทำงานประจำ โดยมี 2 คนรับผิดชอบการดูแลสวนและงานซ่อมแซมต่างๆ และอีก 2 คนจะคอยทำความสะอาดภายในวิลล่า
ส่วนอีก 4 คนเป็นพ่อครัวที่ถูกจ้างมาชั่วคราวเพื่อดูแลเรื่องอาหาร
ฉู่เจียงชี้ไปที่สาวใช้ที่เพิ่งพูด "เธอคือคนที่ทำงานมานาน 8 ปีใช่ไหม?"
"ใช่ค่ะ"
"ฉันว่าเธอดูโอเคนะและน่าจะคุ้นเคยกับวิลล่านี้ดี ตั้งแต่นี้ไปเธอจะเป็นหัวหน้าคนรับใช้ที่นี่"
ฉู่เจียงเลื่อนตำแหน่งให้เธอทันที "ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ?"
"ดิฉันชื่อซ่งหรงค่ะ"
"โอเค งั้นตั้งแต่นี้ไปเธอจะเป็นหัวหน้าซ่ง ส่วนตำแหน่งเดิมของเธอให้หาคนมาแทนที่"
"ค่ะ"
ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะได้เลื่อนตำแหน่งทันที หัวหน้าซ่งเองก็ดีใจมากเพราะการทำงานที่นี่ถือว่าสบายมากและไม่มีเจ้านายมาคอยตรวจงานทุกวันและค่าจ้างก็ไม่ได้ต่ำเลย ยิ่งพอได้เลื่อนมาเป็นหัวหน้างานก็จะยิ่งสบายขึ้นไปอีกและเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย มันถือว่าเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
หลังจากจัดการเรื่องหัวหน้าคนรับใช้เรียบร้อย ฉู่เจียงก็สั่งให้ยกอาหารมาเสิร์ฟทันที
ต้องบอกว่า ถึงแม้เหอยู่ชานจะเป็นเจ้าของตัวปลอม แต่เขาก็ลงทุนไปไม่น้อยเพื่อสร้างภาพลักษณ์เพราะว่าทุกเมนูบนโต๊ะนี้ได้ถูกจัดเตรียมด้วยเงินของเขา ทั้งวัตถุดิบและการจ้างพ่อครัวมาเพื่อทำอาหารโต๊ะใหญ่ที่มีเมนูหลากหลาย
ในบรรดาเมนูกว่า 12 อย่างนั้น ครึ่งหนึ่งเป็นจานหลักที่ต้องใช้วัตถุดิบระดับพรีเมียม
ทุกคนเริ่มทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากทานอาหารเสร็จสิ้น การถ่ายทำในวันนั้นก็จบลงด้วยดี เนื่องจากทุกคนเหนื่อยล้าจากการเดินทางตลอดบ่าย และไม่มีความบันเทิงอื่นในวิลล่า ทุกคนจึงแยกย้ายกลับห้องพักผ่อน
ฉู่เจียงกลับไปที่ห้องของเขา
ห้องของเขาเป็นห้องนอนใหญ่ ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มทั้งหมดถูกเปลี่ยนใหม่ระหว่างมื้ออาหาร รวมถึงห้องน้ำที่เหอยู่ชานเคยใช้ก็ได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างเต็มที่ เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะสะอาดหมดจด
เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังนอนบนเตียงและเช็คโทรศัพท์ของเขา เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
เขาคิดว่าน่าจะเป็นหวังคงหรือไม่ก็ฉินปิน เขาจึงเดินไปและเปิดประตู
แต่เมื่อประตูเปิด เขาก็ต้องตกใจ
เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับเป็นหยางเยว่
และเธอสวมเสื้อผ้าที่ค่อนข้างวาบหวิว
พูดตามตรง หลังจากที่ได้อยู่ร่วมกับเธอมาสองวัน แม้ว่าหยางเยว่จะไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่เธอก็เป็นสาวสวยและมีเสน่ห์ในแบบของหญิงสาวเยาว์วัย
เมื่อเธอสวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยเล็กน้อย เผยให้เห็นทรวดทรงของเธออย่างเลือนรางก็ทำให้เธอยิ่งดูเย้ายวน
หากเป็นฉู่เจียงในอดีต เขาอาจจะมีเลือดกำเดาไหลแล้วเมื่อได้เห็นภาพนี้
แต่ตอนนี้เขาได้เจอกับผู้หญิงมามากมายแล้ว เขาเพียงแค่ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหยางเยว่เท่านั้น "คุณมีอะไรหรือเปล่า?"
"คุณฉู่คะ ฉันมาขอโทษ..."
หยางเยว่ก้มหน้าลง "ฉันขอโทษจริงๆ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ฉันหยิ่งยโสเกินไป...จริงๆ ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายที่พูดแบบนั้น"
สายตาของหยางเยว่เต็มไปด้วยความเว้าวอน
แต่ท่าทางอ่อนแอน่าสงสารของเธอชัดเจนเกินไป
ฉู่เจียงจึงเริ่มหมดความอดทน "ผมไม่สนว่าคุณจะมีเจตนาอะไรในสิ่งที่พูดออกมา แต่มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมและผมก็ขี้เกียจจะมาทะเลาะเรื่องนี้ เพราะงั้นจบแค่นี้เถอะครับ"
พูดจบเขาก็พยายามจะปิดประตู
หยางเยว่รีบจับขอบประตูไว้และก้มหน้า "คุณฉู่ อย่าพึ่งใจร้อนค่ะ... ยังไงตอนนี้ก็เป็นเวลาว่าง ถ้าคุณเบื่อ เรามาคุยกันหน่อยได้ไหม?"
"ไม่จำเป็น"
“คุณฉู่ คุณยังโกรธเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อยู่หรือเปล่า...”
“ไม่”
“ถ้าไม่โกรธ งั้นคุณให้ฉันเข้าไปในห้องแล้วพูดคุยกับคุณได้ไหม”
น่าเบื่อจริงๆ!
ฉู่เจียงชี้ไปที่กล้องวงจรปิดในโถงทางเดิน “เห็นกล้องวงจรปิดนั่นไหม? สิ่งที่คุณทำหน้าประตูเมื่อครู่ถูกบันทึกไว้แล้ว ถ้าคุณไม่อยากให้ผมปล่อยคลิปนี้ลงโลกออนไลน์ คุณควรรีบออกไปตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า”
หยางเยว่หน้าขึ้นสีทั้งแดงและขาวสลับกันจากคำพูดของเขา
สุดท้ายเธอก็หนีไปทันที
เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ฉู่เจียงไม่ชอบหยางเยว่เข้าไปอีก
เขาเปิดโทรศัพท์และสั่งเฉินซิงเว่ยทันที “ต่อไปถ้ามีเรื่องหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้นสังกัดของหยางเยว่หรือกิจกรรมอะไรก็ตาม บริษัทของเราจะไม่ร่วมมือกับพวกเขา”
“ค่ะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจเหตุผลที่ฉู่เจียงสั่งเช่นนั้น แต่เฉินซิงเว่ยก็พยักหน้ารับคำสั่ง
…
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทุกคนตื่นนอนและทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ถึงเวลาที่จะต้องกล่าวอำลา
ซ่งเซียงรู้สึกพอใจมากกับการถ่ายทำครั้งนี้และเตรียมตัวกลับบ้านอย่างมีความสุข “คุณหวัง คุณฉิน คุณฉู่ ขอบคุณพวกคุณมากสำหรับการร่วมมือในครั้งนี้ ถ้าผมดังขึ้นมา ผมจะไม่ลืมพวกคุณแน่นอนแล้วผมจะเลี้ยงข้าวพวกคุณสักมื้อแน่!”
“ไม่เป็นไร แค่คุณไม่ขอให้เราไปถ่ายตอนที่สองก็พอแล้ว การถ่ายรายการแบบนี้เสียเวลามากเกินไป”
หวังคงตบไหล่ซ่งเซียงเบาๆ “นายนี่ใจร้ายจริงๆ ถ้าน้องฉู่ไม่อยู่ด้วย พวกเราคงอดตายในหมู่บ้านเล็กๆ นั่นแล้ว!”
ซ่งเซียงเกาหัว “มันไม่ได้ขนาดนั้นหรอกใช่ไหม? ผมก็เตรียมเงินให้คุณไว้ซื้ออาหารแล้ว ผมคิดไว้แล้วว่าถ้าพวกคุณทำอาหารไม่เป็น อย่างน้อยเงินนั่นก็น่าจะพอใช้ได้ เพียงแค่อาหารอาจไม่อร่อยเท่านั้น แต่ยังไงก็ไม่ถึงกับอดตายหรอก”
หลังจากคุยกันพักหนึ่ง ทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
ฉู่เจียงกลับไปยังวิลล่าในหมู่บ้านตงเจียวเพื่อไปหาหลี่จื่อฮุย ขณะที่หวังคงและฉินปินที่ไม่ได้เจอผู้หญิงมาหลายวันก็ออกไปดื่มและหาความสนุกตามภาษาพวกเขา
เมื่อหลี่จื่อฮุยเห็นฉู่เจียงปรากฏตัว ใบหน้าที่ดูเศร้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
เธอโผเข้ากอดฉู่เจียง “พี่เจียง ฉันเป็นห่วงพี่มากเลย!”
“ฉันบอกเธอแล้วนี่ว่าฉันไปถ่ายรายการ มีอะไรให้ห่วงกันล่ะ?”
“แต่ฉันไม่ได้เจอพี่ตั้งหลายวัน!”
เธอจับแขนเสื้อของฉู่เจียงและอ้อนวอน “พี่เจียง คราวนี้อย่าออกไปไหนอีกได้ไหม~~”
“ได้เลย ฉันก็กะว่าจะพักสักสองวันอยู่แล้ว”
ฉู่เจียงตอบรับคำขอของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะพาเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาสังเกตเห็นหูฟังถูกวางอยู่ในห้องและถามด้วยความสงสัย “เธอกำลังทำอะไรอยู่หรอ?”
หลี่จื่อฮุยลูบท้องของเธออย่างเขินอาย “ฉันกำลังสอนลูกในท้องค่ะ... ได้ยินว่ามันมีประโยชน์ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจริงไหม แต่ลองทำไว้ก่อนน่าจะดีกว่า”
“โอเค งั้นฉันก็จะสอนลูกในท้องกับเธอเอง”
หลี่จื่อฮุยประหลาดใจเล็กน้อย “พี่เจียง ฉันทำเองก็ได้... มันจะเสียเวลาพี่หรือเปล่า?”
“จะเสียเวลายังไง นี่ลูกของเรานะ”
ฉู่เจียงนั่งลงข้างๆ และเริ่มต้นทำการสอนเด็กในท้องกับหลี่จื่อฮุยในห้องนั่งเล่น
เขาตั้งใจมากเพราะนี่คือลูกคนแรกของเขา แน่นอนว่าเขาก็จะต้องดูแลลูกของเขาอย่างดีที่สุด