บทที่ 314 การท้าทายและประลอง
“ขอโทษ ข้ารู้เพียงว่าเจ้าคือความหวังหนึ่งเดียว แต่ไม่อาจคำนวณหาสาเหตุของภัยพิบัติที่จะทำลายโลกเบื้องบนได้! อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าในเมื่อเจ้าคือความหวังนั้น เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเจ้าก็เป็นได้!”
จินเป่าเอ๋อเม้มปากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เจ้าคิดว่าข้าดูเหมือนคนที่จะกอบกู้โลกได้หรือ”
พุทธโอรสไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าที่เกร็งเล็กน้อยบอกความในใจได้ชัดเจน เขาเพียงมองนางด้วยความลังเล ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“บางที…ในอนาคตเจ้าจะเปลี่ยนใจ”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความมั่นใจ เขาเคยพบกับจินเป่าเอ๋อมาแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อหมื่นปีก่อน นางเคยช่วยชีวิตมังกรและผู้บำเพ็ญจำนวนมากจากภัยสงคราม แต่สงครามครั้งนั้นก็ไม่ถึงกับไร้ทางออก และในเวลาที่นางทำลายล้างเผ่ามาร
ท่าทีเย็นชาของนางไม่ได้แสดงออกถึงความเมตตาแม้แต่น้อย…
เขาเองก็ยังสงสัยว่าเขาคำนวณผิดหรือเปล่า! และในการพบกันครั้งนี้ จินเป่าเอ๋อไม่ได้แสดงความกังวลแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินว่าโลกเบื้องบนทั้งหมดอาจถูกชำระล้าง
ความเมตตาที่เขาคาดหวังหรือ แค่นางไม่ฆ่าคนเพิ่มก็นับว่าเป็นโชคดีแล้ว!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จินเป่าเอ๋อก็หัวเราะออกมา แต่รอยยิ้มกลับไม่ได้แตะต้องดวงตาของนาง
“พพุทธโอรสช่างให้ความสำคัญกับข้าจริงๆ! ข้าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญระดับเซียนสวรรค์เท่านั้น ต่อให้เป็นแค่คนข้างกายเจ้าสักคน ข้าก็ยังสู้ไม่ได้ แล้วจะพูดถึงการกอบกู้โลกเบื้องบนได้อย่างไร”
คำพูดของนางทำให้พุทธโอรสถอนหายใจเบาๆ เขาเองก็เหมือนจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับพลังของนางเช่นกัน
“ข้าเชื่อในตัวเจ้า! และเจ้ายังอายุเพียง 40 ปีเท่านั้น ด้วยพลังที่เจ้ามีในวัยนี้ถือว่าไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ข้าจะช่วยเจ้า!”
จินเป่าเอ๋อคิดในใจ: ขอบคุณ! แต่ไม่จำเป็นหรอก!
นางถามต่อ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง หลังจากสงครามครั้งสุดท้ายกับเทพมารเมื่อหมื่นปีก่อน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไม…เทพมังกรถึงลืมข้า”
คำถามนี้เต็มไปด้วยความสับสนที่นางหาคำตอบไม่ได้ และคนเดียวที่อาจรู้คือ พุทธโอรสผู้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น และยังคงความทรงจำผ่านการกลับชาติมาเกิด
พุทธโอรสที่คาดว่านางจะถามคำถามนี้ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่รู้จุดจบที่แท้จริง เทพมังกรหายตัวไปเป็นเวลานานมาก จนกระทั่งเขากลับมาอีกครั้งโดยเปลี่ยนชื่อเป็น หลงหลี่ซิง และเรียกตัวเองว่าบรรพชนมังกร ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าถูกลบหายไปโดยสิ้นเชิง!”
เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นสิ่งที่เขาร้องขอให้ข้าทำเอง เพื่อรอให้เจ้ากลับมาหาเขาด้วยตัวเองในสนามรบเซียนและมารเมื่อหลายหมื่นปีให้หลัง…”
น่าเสียดายที่ในตอนที่เขากลับชาติมาเกิดและฟื้นคืนความทรงจำ เกิดปัญหาบางอย่างขึ้น ทำให้ความทรงจำบางส่วนเกี่ยวกับอีกฝ่ายหล่นหายไปอยู่ในสนามรบเซียนและมาร โชคดีที่ฟ้าลิขิตให้จินเป่าเอ๋อค้นพบเข้าโดยบังเอิญ
จินเป่าเอ๋อพยักหน้า เรื่องนี้ไม่ต่างจากที่นางคาดการณ์ไว้มากนัก ตอนนั้นความคิดที่จะไปสนามรบเซียนและมารก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
สุดท้าย นางถามคำถามอีกสองสามข้อก่อนจะหยิบเส้นผมเส้นหนึ่งส่งให้พุทธโอรส สำหรับเรื่องต้นกำเนิดของนางเอง นางไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก อาจเพราะไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวเลยจึงไม่มีความรู้สึกผูกพัน
พุทธโอรสรับเส้นผมไว้ก่อนจะเข้าไปนั่งสมาธิในห้องเพียงลำพัง ขณะที่เหล่าพระในชุดขาวยังคงเฝ้าระวังอยู่ที่หน้าประตู
จินเป่าเอ๋อมองไปที่เหล่าพระทั้งสิบกว่าคนตรงหน้า นางไม่สามารถมองทะลุระดับพลังของพวกเขาได้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องอยู่เหนือระดับเซียนสวรรค์ขึ้นไปแน่นอน! และหากพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันของพุทธโอรส ก็เป็นไปได้ว่าพลังของพวกเขาอาจยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็เกิดความคิดอยากลองทดสอบฝีมือขึ้นมา!
หลังจากที่ได้ต่อสู้กับสี่มหาปราชญ์ของสำนักลั่วเซียนเมื่อคราวก่อน นางตระหนักถึงความอ่อนแอและอันตรายของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
ความกระหายพลังในใจนางยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน
เหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาอันลุกโชนของจินเป่าเอ๋อ พระในชุดขาวที่มีใบหน้าหล่อเหลาและสงบนิ่งอยู่ตลอดก็หันมามองนาง และสบตาเข้ากับแววตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ของนาง เขายิ้มบางๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เซียนหญิงอยากลองดูหรือไม่”
คำพูดที่แฝงความท้าทายนี้จุดประกายความสนใจของจินเป่าเอ๋อทันที นางหันไปมองพระหนุ่มในชุดขาวด้วยสายตาเป็นประกาย
“ยินดีอย่างยิ่ง!”
เหล่าพระคนอื่นไม่ได้สนใจอะไรมาก เพียงมองมาแวบหนึ่งแล้วหันกลับไป ทว่ามีพระที่ดูอาวุโสกว่าเล็กน้อยหันไปพูดกับพระหนุ่มหล่อเหลาเบาๆ
“ระวังหน่อย อย่าทำให้ถึงตาย!”
คำพูดนี้แทบจะชัดเจนว่าเขาเตือนให้ระวังอย่าฆ่านางตายไปเสีย เพราะนางคือผู้กอบกู้ที่พระบุตรคำนวณหาเจอ!
จินเป่าเอ๋อ: “…”
พูดตรงๆเลยก็ได้ว่าไม่ได้ให้ค่า แบบนี้นางรู้สึกไม่พอใจมากทีเดียว
หลังจากนั้น ทั้งสองเดินไปยังลานหญ้าด้านหลังของสำนักหลอมอาวุธเพื่อเตรียมประลอง
“ขอทราบนามของท่านได้หรือไม่” จินเป่าเอ๋อถาม
พระหนุ่มหล่อเหลาเพียงพยักหน้าเบาๆก่อนจะตอบว่า “ชื่อของข้าคือ ฉือถง ผู้บำเพ็ญระดับจักรพรรดิ ขั้นที่สี่!”
ด้วยพลังระดับนี้ แม้แต่ในตระกูลใหญ่ก็ถือว่าเป็นระดับที่หาได้ยากยิ่ง! จินเป่าเอ๋อรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่
นางไม่พูดอะไรให้มากความ รีบเรียกจั่นหุนออกมาในทันที พลังอันบริสุทธิ์และเย็นเยียบแผ่ออกมาจากร่างของนางในทันใด
เมื่อฉือถงเห็นสิ่งนี้ แววตาของเขาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย เขาเคยพบจินเป่าเอ๋อเมื่อหมื่นปีก่อน ตอนนั้นนางมีพลังเพียงแค่ระดับหลุดพ้นขั้นนปลาย และยังต้องพึ่งร่างของเผ่ามังกรเพื่อเสริมพลังให้ตัวเอง แม้เขาจะผ่านการกลับชาติมาเกิดหลายครั้ง ความทรงจำบางส่วนก็เลือนรางไปบ้าง
แต่เมื่อมองหญิงสาวตรงหน้า ภาพความทรงจำในอดีตกลับเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างชัดเจน
ตามเวลาที่พุทธโอรสบอกไว้ จินเป่าเอ๋อเพิ่งทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนสวรรค์ได้ไม่นาน แต่กลับมีพลังและกลิ่นอายเช่นนี้! คิดแล้วเขาก็เพิ่มความระมัดระวังในใจขึ้นอีกหลายส่วน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว!”
แม้จะมีคำกล่าวว่านางเป็นผู้กอบกู้ แต่ในหมู่พวกเขาใครบ้างที่ไม่มีพลังเหนือกว่านาง แต่กลับต้องฟังคำสั่งจากนาง ความรู้สึกไม่สบอารมณ์จึงเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ทันใดนั้น ร่างทั้งสองพลันกลายเป็นลำแสงสีขาวและชมพูพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ทั้งสองพุ่งสวนกันกลางอากาศเป็นระลอก และในบางจังหวะพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วอากาศ เป็นการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์และการประลองกำลังอย่างแท้จริง!
ในจังหวะที่ฉือถงเริ่มโจมตี จินเป่าเอ๋อก็เก็บจั่นหุนกลับเข้าไปทันที ที่นางเรียกดาบออกมาก่อนหน้านี้ก็เพียงเพื่อให้คู่ต่อสู้ไม่ประมาท แต่แท้จริงแล้ว นางต้องการประลองประสบการณ์การต่อสู้กับเขามากกว่า!
ฉือถงจะมีรูปร่างแข็งแกร่งกำยำและพลังที่เขาใช้กลับไม่ธรรมดาเลย
“ปัง!”
ทั้งสองฝ่ายออกหมัดพร้อมกัน ความเร็วของพวกเขาเร็วมากจนมองไม่เห็นเงาของการเคลื่อนไหว ร่างของทั้งคู่ถอนตัวออกจากกันในชั่วพริบตาหลังการปะทะ ทิ้งไว้เพียงเสียงระเบิดหนักหน่วงที่ดังสะท้อนไปทั่วอากาศ เป็นพยานถึงการปะทะที่เต็มไปด้วยพลังของพวกเขา
หลังจากการโจมตี จินเป่าเอ๋อต้องถอยร่นอย่างต่อเนื่องจนทิ้งรอยลากยาวหลายเมตรไว้บนพื้น แขนขวาของนางเจ็บจนชา
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วจนนางรู้สึกเหมือนมีเข็มแทงผสมกับการสั่นเล็กน้อยจากแรงปะทะที่นางพยายามควบคุมไว้ ความเจ็บปวดที่รุนแรงนี้ทำให้นางตื่นตัวมากขึ้น
แววตาที่มองไปยังฉือถงกลับเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและแรงกระตุ้น แข็งแกร่งมาก! แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!
เพียงการโจมตีเดียวเกือบทำให้แขนของนางใช้งานไม่ได้ทั้งข้าง ทั้งที่นางเป็นผู้บำเพ็ญสายคู่
ทั้งพลังวิญญาณและร่างกายของนางนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญระดับเดียวกันหลายเท่า!
นี่หรือคือพลังของจักรพรรดิแห่งสวรรค์หรือ
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดที่รุนแรงของแขนขวาที่เหมือนหลุดออกจากเบ้า ใช้พลังวิญญาณควบคุมร่างกาย แล้วบิดแขนของตัวเองกลับตำแหน่งเดิมพร้อมเสียงกระดูกเสียดสีกันดังกร๊อบ!
ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้ใบหน้าของนางซีดขาว แต่นางกลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาเลยแม้แต่น้อย นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการอดทนของนางที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
ฉือถงยังคงรักษาสีหน้าที่นิ่งสงบ และแขนของเขาไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ แต่ในใจเขากลับไม่สงบนัก
ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านในมือขวาของเขานั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานเกือบพันปี! กระดูกนิ้วที่เลื่อนผิดตำแหน่งเล็กน้อยทำให้เขารู้สึกตกตะลึง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ออกแรงเต็มที่ในหมัดเมื่อครู่ แต่เขาก็รู้ว่าพลังที่เขาใช้ไปนั้นหนักหน่วงมาก เป็นพลังที่ควบคุมได้ยาก แต่เขาไม่คิดเลยว่าจินเป่าเอ๋อจะสามารถบิดกระดูกของตัวเองกลับที่ได้อย่างง่ายดาย แถมยังไม่ส่งเสียงแม้แต่ครางด้วยซ้ำ!
นางคนนี้…ท่าทางจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก!