บทที่ 164: ตัดหญ้าถอนโคน!
บทที่ 164: ตัดหญ้าถอนโคน!
อาการข้างเคียงจากเซรุ่มของนักรบหมีสีเงินเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้กล้ามเนื้อทั่วร่างของมันตึงเครียดและกระตุกอย่างรุนแรง ราวกับโดนสิ่งสกปรกเข้าสิง
แต่เมื่อเซียวซิงหยูเดินเข้ามาใกล้ อาการของมันก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้สีหน้าจะยังเจ็บปวดอยู่, แต่แววตากลับอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
นี่คือเสน่ห์ดึงดูดตามธรรมชาติของเซียวซิงหยู เเละไม่มีอสูรตัวไหนต้านทานแรงดึงดูดนี้ได้
เซียวซิงหยูยกมือขึ้นลูบหัวนักรบหมีสีเงิน พลางปลอบประโลมจิตใจอันบาดเจ็บของมันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ต่อไปนี้อาจจะรู้สึกร้อนๆหน่อยนะ เเต่อดทนสักนาทีเดียวก็หายแล้ว”
อสูรสายนักรบนั้น มักจะฉลาดกว่าอสูรประเภทอื่นๆ
นักรบหมีสีเงินดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของเซียวซิงหยู มันพยักหน้าขึ้นลงเป็นการแสดงความไว้วางใจในตัวเขา
เเละเมื่อน้ำยาสีเขียวของเซียวซิงหยูซึมเข้าสู่ผิวหนัง นักรบหมีสีเงินก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวๆ
ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้หมีตัวใหญ่ครางด้วยความเจ็บปวด แต่ด้วยความเชื่อใจอย่างเต็มเปี่ยมในตัวเซียวซิงหยู มันจึงไม่ส่งเสียงร้องหรืออาละวาดใดๆ เพียงแต่นั่งยองๆอยู่ข้างๆเขาอย่างเชื่อฟัง
จากนั้น เมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งนาที…ปาฏิหาริย์ก็เริ่มปรากฏ!
“ดูสิทุกคน! บาดแผลมันสมานเร็วมากเลย!”
“ขวดยาสีเขียวนี่มันยาเทวดาชัดๆ! เห็นผลทันตาเลย!”
“เหลือเชื่อจริงๆ, เนื้อที่เน่าเปื่อยไปแล้ว มันงอกกลับมาใหม่ได้ด้วย!”
สรรพคุณของขวดยาสีเขียวเรียกได้ว่าเเทบจะเป็นปาฏิหาริย์ บาดแผลของนักรบหมีสีเงินสมานกันอย่างรวดเร็วด้วยการมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เนื้อและกระดูกที่ถูกพิษกัดกร่อนจนเน่าเปื่อย กลับงอกขึ้นมาใหม่ภายในเวลาไม่ถึงนาที
แขนขวาของนักรบหมีสีเงินก็เริ่มกลับมาเป็นปกติทีละน้อยๆ, จนในที่สุดมันก็ราวกับไม่เคยมีบาดแผลมาก่อน
สีผิวก็กลับมาเป็นปกติ บ่งบอกว่าพิษถูกกำจัดออกไปจนหมดแล้ว
หลี่ไค่ในฐานะผู้เป็นนายของนักรบหมีสีเงิน ได้เเสดงความดีใจออกมาทันที
“เจ้าหมี ลองขยับแขนขวาหน่อยสิ!”
นักรบหมีสีเงินยกแขนขวาอันกำยำขึ้น จากนั้นมันก็กำหมัดแน่น แล้วทุบลงไปที่พื้นอย่างแรง
ตูมมม!!!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว พื้นซีเมนต์ตรงนั้นกลายเป็นหลุมลึกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสามเมตรทันที
ภาพที่เห็นได้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนอย่างมาก
“โอ้พระเจ้า! นี่มันการรักษาอะไรเนี่ย!”
“ไม่ถึงสามนาที แขนที่เกือบจะใช้ไม่ได้กลับหายสนิทเหมือนไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน!”
“ยานั่นมันสุดยอดไปเลย!”
“ซิงหยู นายมันหมอเทวดากลับชาติมาเกิดชัดๆ!”
ในตอนนี้นักรบหมีสีเงินมีสภาพของแขนซ้ายและแขนขวาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฉินเยี่ยนหรันเดินเข้ามา สำรวจแขนทั้งสองข้างของนักรบหมีสีเงินอย่างพินิจพิเคราะห์
“บาดแผลที่แขนซ้ายสมานช้ามาก สีผิวยังคงเป็นสีม่วงอ่อนๆ แสดงว่าพิษยังไม่ถูกกำจัดออกไปทั้งหมด”
“เเละถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าข้างในบาดแผลยังมีปรสิตที่มีพิษร้ายแรงกำลังเคลื่อนไหวอยู่ นั่นหมายความว่าเซรุ่มที่หลินเยว่คิดค้นขึ้นมาไม่ได้ผลในการฆ่าปรสิต”
“หัวหน้าฉิน ผม…” หลินเยว่พูดตะกุกตะกักด้วยความอับอาย
หลินเยว่ยังคงอยากจะแก้ตัว แต่หลักฐานมันชัดเจนขนาดนี้ เขาจึงได้แต่ปิดปากเงียบ
ฉินเยี่ยนหรันมองไปที่แขนขวาของนักรบหมีสีเงิน ใบหน้าที่เคร่งขรึมพลันคลี่ยิ้มออกมา
“ด้านแขนขวาฟื้นตัวได้ดีมาก จากสีผิวก็เห็นได้ชัดว่าพิษถูกกำจัดออกไปจนหมดเเล้ว”
“บาดแผลหายดี 100%…แถมไม่มีผลข้างเคียงใดๆทั้งสิ้น”
ฉินเยี่ยนหรันเดินออกมาข้างหน้า แล้วประกาศเสียงดังฟังชัด
“ฉันขอประกาศให้ทุกคนทราบ การแข่งขันทางการแพทย์ในครั้งนี้ เซียวซิงหยู…เป็นผู้ชนะ!”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง ทุกคนต่างแสดงความเคารพและชื่นชมเซียวซิงหยูอย่างสุดใจ
ในยุคสมัยที่ปรมาจารย์อสูรเฟื่องฟูเเบบนี้ เเพทย์อสูรที่มีความสามารถนั้นเป็นที่ต้องการมากกว่าปรมาจารย์อสูรระดับสูงเสียอีก มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะได้รับการยกย่องและเคารพจากผู้คนมากมาย
แต่เซียวซิงหยูกลับไม่มีทีท่าดีใจเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้สนใจเสียงปรบมือ แต่เดินไปมองที่แขนซ้ายของนักรบหมีสีเงินแทน
เซียวซิงหยูไม่หวงน้ำยาที่เหลืออยู่ในขวดยาสีเขียว เขาเทน้ำยาที่เหลือทั้งหมดลงบนบาดแผลที่แขนซ้ายของนักรบหมีสีเงินอย่างรวดเร็ว
สามนาทีต่อมา แขนซ้ายของนักรบหมีสีเงินก็กลับมาเป็นปกติเช่นเดียวกับแขนขวา พิษถูกกำจัดหมดจด ไม่เหลือร่องรอยของบาดแผล แถมกล้ามเนื้อและผิวหนังส่วนที่งอกใหม่ยังดูแข็งแรงกว่าเดิมอีกด้วย
ถึงแม้ฉินเยี่ยนหรันจะไม่ประกาศผล แต่แค่เปรียบเทียบสรรพคุณของขวดยาสีเขียวกับเซรุ่มก็รู้แล้วว่าอะไรดีกว่ากัน
สายตาของมหาชนย่อมเป็นสักขีพยานชั้นยอด ความสามารถทางการแพทย์ของเซียวซิงหยูเหนือกว่าหลินเยว่อย่างเทียบไม่ติด
หลี่ไค่โอบไหล่เซียวซิงหยู แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “น้องเซียวหยู นายนี่มันยอดเยี่ยมสมกับเป็นเเพทย์พิเศษของกิลด์นภาเราจริงๆ เพื่อเป็นการขอบคุณ เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงข้าวมิ้อใหญ่ให้เลย!”
“งิ้งงงงง!!!”
ณ เวลานี้ เมื่อบาดแผลของนักรบหมีสีเงินหายสนิท พลังชีวิตกลับมาเต็มเปี่ยม มันก็เข้าไปคลอเคลียกับเซียวซิงหยู เอาหัวถูไถไปมา เป็นการแสดงความรักและขอบคุณ
อู๋เซิงโหย่วและซ่งหู่มองดูด้วยความปลื้มปิติและภาคภูมิใจ
“ซ่งหู่ การตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตเราคืออะไรนะ?”
“การติดตามเซียวซิงหยูไง!”
ทั้งสองสบตากัน ต่างคนต่างยิ้มอย่างรู้กันดี
….
ทันใดนั้น ฉินเยี่ยนหรันก็หันไปมองหลินเยว่ด้วยสายตาเย็นชา
“ตอนนี้นายยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หลินเยว่ ตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความอับอายขายหน้า
“หัวหน้าฉิน…”
“ตามข้อตกลงที่นายทำไว้กับเซียวซิงหยู นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นายไม่ใช่สมาชิกของกิลด์นภาอีกต่อไปแล้ว” ฉินเยี่ยนหรันพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“หัวหน้าฉิน! ผมทำงานให้กิลด์มาหลายปี ถึงจะไม่มีความดีความชอบอะไรมากมาย…เเต่ก็น่าจะมีความหมายบ้างนะครับ! คุณอย่าใจร้ายกับผมแบบนี้เลย!” หลินเยว่คุกเข่าลงเเล้วรีบขอร้องทันที
“หลี่ไค่!”
“ครับ!”
หลี่ไค่เข้าใจความหมายของฉินเยี่ยนหรันได้ในทันที
เขารีบพุ่งเข้าไปหาหลินเยว่ แล้วกระชากตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินที่หน้าอกของอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว
กิลด์ทุกกิลด์จะมีตราสัญลักษณ์ เพื่อแสดงถึงตัวตนของสมาชิกในกิลด์
การที่หลี่ไค่ซึ่งเป็นมือขวาของฉินเยี่ยนหรันกระชากตราสัญลักษณ์ของหลินเยว่ออก นั่นหมายความว่าเขาถูกขับไล่ออกจากกิลด์นภาแล้ว
“อย่านะ! อย่าทำแบบนี้!”
หลินเยว่พยายามจะแย่งตราสัญลักษณ์คืน แต่ถูกฉินเยี่ยนหรันเตะจนกระเด็น
“หัวหน้าฉิน! ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะครับ!”
หลินเยว่ยังคงอ้อนวอนขอโอกาส หวังว่าฉินเยี่ยนหรันจะเห็นแก่ที่เขาเป็นเเพทย์อสูรเก่าแก่ของกิลด์มานาน
ฉินเยี่ยนหรันมองหลินเยว่ที่นอนกองอยู่บนพื้นด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา
“ให้โอกาสงั้นเหรอ?”
“หนึ่งปีก่อน นายลอบติดต่อกับกิลด์มังกรทอง ทำการค้าผิดกฎหมายทำให้กิลด์นภาสูญเสียเงินมากกว่า 20 ล้าน”
“เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ นายใช้ช่องทางการจัดซื้อวัตถุดิบยามาโกงกินเงินส่วนต่าง 8% จากมูลค่าสัญญา”
“เดือนพฤษภาคมปีนี้…”
ฉินเยี่ยนหรันไล่เปิดโปงความชั่วของหลินเยว่ทีละเรื่อง จนคนรอบข้างต่างพ่นคำด่าทอด้วยความไม่พอใจ
“หลินเยว่! ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนแบบนี้!” หลี่ไค่โกรธจนตัวสั่น
“ที่ฉันพูดมานี่ มันเรื่องจริงใช่ไหม?” ฉินเยี่ยนหรันตวาดเสียงดังปิดท้าย
หลินเยว่ทรุดลงกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่าราวกับปลาตาย
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลินเยว่ย่อมหมดโอกาสที่จะอยู่ในกิลด์นภาต่อไปได้อีก
เซียวซิงหยูเดินเข้ามา มองหลินเยว่ที่มีสภาพเหมือนหมาตกน้ำด้วยสายตาเย็นชา
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ ความสามารถทางการแพทย์ของนายว่ามันห่วยแตกขนาดไหน”
“ต่อให้นายเก่งกว่าฉัน แต่ด้วยนิสัยและจิตใจแบบนี้ นายก็ไม่มีทางได้เป็นเเพทย์พิเศษของกิลด์นภาอยู่ดี!”
“หึๆ” หลินเยว่ก้มหน้าลง หัวเราะเบาๆอย่างโรคจิต
“ย้ากกกก!!!”
ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นกระโดดเข้าใส่เซียวซิงหยูพร้อมกับเข็มฉีดยาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ
วิ้งงงงงง!!!
แต่ก่อนที่เข็มฉีดยาจะแทงโดนเซียวซิงหยู เทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์สี่ปีกก็ได้ปรากฏตัวยืนขวางเซียวซิงหยู พร้อมกับคว้าเข็มฉีดยาเอาไว้ได้
ภายในเข็มฉีดยานี้ มีน้ำยาสีแดงบรรจุอยู่…ซึ่งในนั้นมันมีไวรัสอสูรหลายร้อยชนิดผสมอยู่ด้วย
“หลินเยว่! แกมันหาที่ตาย!”
ฉินเยี่ยนหรันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สาวสุดหวงน้อง ยกขาขึ้นเตะซี่โครงของหลินเยว่จนกระเด็นไปไกล
หลินเยว่ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างน่าอนาถ ฟันเหลืองๆของเขาเเปดเปื้อนไปด้วยเลือดที่เอ่อล้นออกมาเต็มปาก
“เซียวซิงหยู! ทั้งหมดมันเป็นเพราะแก!”
“แกทำลายชีวิตฉัน!”
“แกคอยดู! เรื่องนี้มันยังไม่จบ! สักวันหนึ่งฉันจะ…”
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
แสงสว่างวาบขึ้น จากนั้นมันก็ตามมาด้วยคมดาบที่พุ่งออกไปดุจมังกร
“อ๊าาาากกก!!!”
หลินเยว่ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
ในเสี้ยววินาทีนั้น ดาบแสงในมือของเทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์สี่ปีกได้ตัดเส้นเอ็นที่มือและเท้าของหลินเยว่จนขาดสะบั้น…ทำให้หลินเยว่กลายเป็นคนพิการในทันที
ฉากนี้ทำให้ฉินเยี่ยนหรันสะดุ้ง…แต่หลังจากนั้น เธอก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
“สมกับเป็นน้องชายสุดที่รักของพี่….เราต้องกำจัดศัตรูให้สิ้นซากเเบบนี้สิ ถึงจะเป็นการดีที่สุด!”
ถ้ามีโอกาส เซียวซิงหยูไม่เคยปล่อยให้ศัตรูมีโอกาสกลับมาแก้แค้น
ถ้าตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย หลิวเยว่ได้กลายเป็นอาหารปลาไปเเล้วเเน่ๆ
………………..