ตอนที่แล้วตอนที่ 66 : สุนัขของกองทัพฉิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 68 : ป้ายคำสั่ง

ตอนที่ 67 : หน่วยความทรงจำ


เฉินหลิงดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับคลังโบราณวิถีทหารแล้ว

.

บนเรือผู้พิทักษ์เคยพูดไว้ว่าคลังโบราณวิถีทหาร สอดคล้องกับของ 'ลักษณะอันศักดิ์สิทธิ์' ของเส้นทางเทพเจ้าในโลกมนุษย์ ประกอบด้วยเรื่องราวนับหมื่นปีที่ผ่านมา เป็นการสะสมประสบการณ์ของมนุษย์บนเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง...

ในตอนแรก เฉินหลิงไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ฉากที่ปรากฏในขณะนี้ทำให้เขานึกถึงคำพูดหนึ่งจากยุคก่อนทันที

หน่วยความทรงจำ

คลังโบราณวิถีทหารแห่งนี้เป็นเหมือนหน่วยความทรงจำของ ประวัติศาสตร์ 'สงคราม' และ 'การเข่นฆ่า' ทั้งหมดของมนุษยชาติซึ่งถูกเก็บรวบรวมไว้ที่นี่ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้มันปรากฏอีกครั้ง และบริเวณนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของทดสอบของหน่วยความทรงจำ

คนสิบคนในหุบเหวตรงหน้า ดูเหมือนจะเป็นหน่วยความทรงจำในประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้

ไม่น่าแปลกใจที่ผู้พิทักษ์บอกว่าให้ทำเท่าที่ทำได้ ตราบใดที่ผู้คุมกฎไม่ฆ่าตัวตายด้วยการลองดี แต่รีบวิ่งหนีทันทีที่รู้สึกว่าเอาชนะไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้ก็สามารถมั่นใจในความปลอดภัยของตนเองได้อย่างแน่นอน นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับมือใหม่พวกนี้

เฉินหลิงก้าวเข้าไปในหุบเหวอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ถอยกลับแต่เดินตรงไปหาคนทั้งสิบแทน เมื่อมีคนเข้าไปในพื้นที่มันจึงถูกกระตุ้น ขอแค่ถอยกลับไปนอกพื้นที่มันจะถูกรีเซตอัตโนมัติ

"นั่นสุนัขของกองทัพฉิน! ฆ่า!!"

ทหารหุ้มเกราะสิบนายตะโกนขณะพุ่งเข้าหาเฉินหลิงพร้อมหอกในมือ ในภูมิประเทศแคบ ๆ แบบนี้ นอกจากเผชิญหน้ากับศัตรูซึ่งๆ หน้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก

ปลายหอกลายพร้อยเลือดสีเข้มตัดผ่านอากาศ แต่ไม่สามารถสัมผัสร่างกายของเฉินหลิงได้ เขาหลีกเลี่ยงวิถีของดาบซึ่งเคลือบด้วยจุดสีแดงมากมาย ในพริบตาเขาก็ก้าวไปหลายก้าว กริชเปล่งประกายแสงเย็นเฉียบเฉือนคอทหารคนแรก

หลังจากนั้น หอกสามเล่มพุ่งพรวดเข้ามาอย่างดุดัน!

ทหารเหล่านี้แตกต่างจากพวกเลวทรามบนถนนปิงฉวน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ไม่ต้องพูดอะไรมากแค่มองตาก็เข้าใจกันว่าจะโจมตีมุมไหน

เฉินหลิงถือกริชก้าวถอยหลังเข้าไปในหุบเหวลึกขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหอกที่แทงมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันเขาก็ใช้เท้าถีบกำแพงอย่างแรง!

ตัวเขากระโดดลอยตัวขึ้นในอากาศข้ามกำแพงหอกไป และตกลงไปท่ามกลางฝูงชนราวกับผี

ชายเสื้อคลุมงิ้วม้วนโค้ง และแสงเย็นเยียบสีขาวราวหิมะได้คร่าชีวิตคนไปสามชีวิตในคราวเดียวกัน ในระยะประชิดแบบนี้กริชมีความคล่องตัวมากกว่าหอก ทหารหลายคนไม่สามารถโต้ตอบได้ สุดท้ายก็ล้มลงทีละคน

ในการเผชิญหน้าเพียงช่วงสั้นๆ เฉินหลิงฆ่าคนไปสี่คนแล้ว

เขามองย้อนกลับไปยังศพที่นอนจมกองเลือด ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้อยู่ภายในใจ...เขาไม่รู้ว่าตนเองทำได้อย่างไร เขาเพิ่งถีบกำแพงแล้วกระโดดขึ้นไปในอากาศและฆ่าคนไปหลายคนซึ่งเขาไม่เคยทำมาก่อน มันเป็นสัญชาตญาณล้วนๆ เวลานั้นในหัวเขาไม่มีอะไรเลย

มันเหมือนกับว่า...เขาเกิดมาก็รู้จักวิธีฆ่าคนแล้ว

เฉินหลิงฆ่าทหารไปสี่นาย แล้วเฝ้าดูศพแต่ละศพค่อยๆ กลายเป็นพลังงานสีดำไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ความปรารถนาที่ยากจะอธิบายพลันปรากฏขึ้นในใจของเขา

มันยากที่จะอธิบายความรู้สึกนี้ มันเหมือนกับการดูหนังมาเฟียแล้วเดินออกจากโรงหนังแล้วแผ่นหลังยืดตรงและแววตาก็เย่อหยิ่งโดยไม่รู้ตัว สายตากวาดมองผู้คนด้วยความมั่นใจอย่างกับตัวเองเป็นยากูซ่า

ภายใต้การครอบงำของออร่าจิตสังหาร จิตวิญญาณของเขาโหยหาการต่อสู้ที่ดุเดือดมากยิ่งขึ้น กระหายเลือดมากขึ้น

ดวงตาของเฉินหลิงฉายแววดุร้าย เขาลงมืออีกครั้งและไม่ลังเลที่ฆ่าทหารที่เหลืออีกหกนาย!

เสื้อคลุมสีแดงกระพือท่ามกลางฝูงชน ด้วยการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของเฉินหลิง อาวุธยาวจึงสูญเสียความได้เปรียบไป ทหารทั้งหกนายต่อสู้และถอยกลับเข้าไปในหุบเหวโดยไม่สามารถต้านทานการโจมตีของกริชได้

ท้ายที่สุดภายใต้การรุกอันหนักหน่วงของเฉินหลิง ความร่วมมือของพวกเขาพลันเผยให้เห็นช่องโหว่ เมื่อคนแรกถูกฆ่า คนที่เหลือก็ทยอยล้มลง

เลือดเปียกโชกพื้นดิน ทั่วหุบเหวแห่งนี้เต็มไปด้วยรังสีการเข่นฆ่าอันเข้มข้น หลังจากนั้นทหารคนที่เหลือก็ถูกร่างที่สวมชุดแดงดูดเข้าไปในร่างกายทั้งหมด

"สุนัขของ...จะไม่ตายดี…"

กริชของเฉินหลิงแทงไปที่หน้าอกของทหารคนสุดท้าย ดวงตาสีแดงเลือดของฝ่ายหลังจ้องมองมาที่เขา เลือดไหลออกมาจากลำคอและเมื่อเขาพูดจบก็ล้มลงบนแอ่งเลือด

ออร่าจิตสังหารอันสุดท้ายไหลเข้าสู่ร่างกายของเฉินหลิง เขามองลงไปยังศพบนพื้นขณะพูดเขาก็ครุ่นคิดไปด้วย

"สุนัขของกองทัพฉิน...ไม่รู้ว่านี่เป็นภาพฉายสงครามช่วงไหน?"

เฉินหลิงไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะรู้ด้วย สำหรับเขาตอนนี้การขโมยรากฐานของเส้นทางเทพเจ้าวิถีทหารมาโดยเร็วที่สุดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

ขณะที่เขากำลังจะออกจากหุบเหว ทันใดนั้นพื้นดินใต้ฝ่าเท้าพลันสั่นสะเทือน!

บนท้องฟ้าเหนือคลังโบราณ ชั้นเมฆกำลังเคลื่อนตัว ดาบสีดำขนาดมหึมาที่แทงทะลุท้องฟ้าลงสู่พื้นโลก ค่อยๆ เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันทีละน้อย บนท้องฟ้าอันห่างไกลเกิดประกายแสงเล็กๆ ส่องลงมาจากอัญมณีสีแดงเข้มดูเหมือนดวงดาวซึ่งประดับที่ปลายด้ามของดาบ

เวลานี้เฉินหลิงรู้สึกว่าจิตสังหารในร่างกายตนเองเริ่มเดือดพล่าน และดูเหมือนมีบางอย่างติดอยู่บนตัวเขา

เดี๋ยวก่อน...

ทำไมมันถึงรู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้?

ขณะที่เฉินหลิงกำลังมึนงง ริบบิ้นสีดำก็ยื่นออกมาจากอัญมณีบนด้ามดาบ ทะลุผ่านชั้นเมฆราวกับอสรพิษ ลอยมาตรงหน้าเขา!

.

.............

.

เวลาเดียวกันในพื้นที่อื่นๆ ของคลังโบราณ

.

"ไร้ประโยชน์! คนตั้งเยอะแยะทำไมถึงรับมือกับอีแค่ภาพฉายไม่ได้!"

ในหุบเขาเล็กๆ ผู้คุมกฎเจ็ดคนถือดาบในมืออย่างเก้ๆ กังๆ เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีของทหารหุ้มเกราะทั้งสาม พวกเขาล่าถอยอย่างต่อเนื่อง

เหยียนซีไฉและผูเหวินยืนอยู่นอกหุบเหว มองดูการต่อสู้อันทุลักทุเลนี้ และอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง

"เจ็ดต่อสามพวกนายยังเอาชนะไม่ได้ แล้วปีที่ผ่านมาพวกนายใช้ชีวิตกันยังไง?"

ผู้คุมกฎทั้งเจ็ดในหุบเขาต่างร้องไห้แต่ไร้น้ำตา

พวกเขาเป็นผู้คุมกฎในเมืองออโรร่ามาสามปี แต่ตอนนี้มันยุคไหนแล้ว ผู้คุมกฎล้วนแต่ใช้ปืนกันทั้งนั้น การฝึกฝนยิงให้แม่นมีประโยชน์มากกว่าการฝึกการต่อสู้ระยะประชิดตั้งหลายเท่า จะมีกี่คนกันที่ยังคงฝึกฝนอาวุธอย่างดาบในการต่อสู้ระยะประชิด?

แต่ว่า...ปืนทั้งหมดของพวกเขาถูกพวกผู้ช่วงชิงเปลวไฟขโมยไปนะสิ

ถ้าไม่มีปืน พวกเขาจึงต้องต่อสู้ด้วยดาบหรือกระบี่ที่อยู่รอบตัวพวกเขาเท่านั้น ในแง่ของการต่อสู้ระยะประชิด พวกเขาที่ไม่เคยแม้แต่จะถือดาบเลย จะต่อสู้กับทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ได้อย่างไร

ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะพบหุบเหวที่มีการฉายภาพการเข่นฆ่านายทหารสามคน ภายใต้วงล้อมของตนเองพวกเขายังคงถูกทุบตี...ส่งผลให้เหยียนซีไฉที่อยู่ด้านข้างกระโดดเหยงๆ อย่างโมโห

"น้องผู รีบลงมือเร็วเถอะ...ถ้าคอยดูแบบนี้ต่อไป ฉันกลัวว่าฉันอดใจฆ่าพวกคนโง่พวกนี้ไม่ได้" เหยียนซีไฉระงับความโกรธและพูดกับผูเหวินที่อยู่ข้างๆ

ผูเหวินพยักหน้า แล้วล้วงมือหยิบบางอย่างในแขนเสื้อ กระดาษซวนจื่อแผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาอีกครั้ง

"นิ่ง" เขากระซิบกับทหารทั้งสาม

เมื่อคำว่า "นิ่ง" บนกระดาษซวนจื่อหายไป ทหารหุ้มเกราะทั้งสามก็ตัวแข็งทื่อยืนนิ่งอยู่กับที่โดยพร้อมเพรียงกัน ผู้คุมกฎที่เหลือถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ฟันดาบใส่พวกทหารหุ้มเกราะ

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด