ตอนที่ 67 : หน่วยความทรงจำ
เฉินหลิงดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับคลังโบราณวิถีทหารแล้ว
.
บนเรือผู้พิทักษ์เคยพูดไว้ว่าคลังโบราณวิถีทหาร สอดคล้องกับของ 'ลักษณะอันศักดิ์สิทธิ์' ของเส้นทางเทพเจ้าในโลกมนุษย์ ประกอบด้วยเรื่องราวนับหมื่นปีที่ผ่านมา เป็นการสะสมประสบการณ์ของมนุษย์บนเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง...
ในตอนแรก เฉินหลิงไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ฉากที่ปรากฏในขณะนี้ทำให้เขานึกถึงคำพูดหนึ่งจากยุคก่อนทันที
หน่วยความทรงจำ
คลังโบราณวิถีทหารแห่งนี้เป็นเหมือนหน่วยความทรงจำของ ประวัติศาสตร์ 'สงคราม' และ 'การเข่นฆ่า' ทั้งหมดของมนุษยชาติซึ่งถูกเก็บรวบรวมไว้ที่นี่ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้มันปรากฏอีกครั้ง และบริเวณนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของทดสอบของหน่วยความทรงจำ
คนสิบคนในหุบเหวตรงหน้า ดูเหมือนจะเป็นหน่วยความทรงจำในประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้พิทักษ์บอกว่าให้ทำเท่าที่ทำได้ ตราบใดที่ผู้คุมกฎไม่ฆ่าตัวตายด้วยการลองดี แต่รีบวิ่งหนีทันทีที่รู้สึกว่าเอาชนะไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้ก็สามารถมั่นใจในความปลอดภัยของตนเองได้อย่างแน่นอน นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับมือใหม่พวกนี้
เฉินหลิงก้าวเข้าไปในหุบเหวอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ถอยกลับแต่เดินตรงไปหาคนทั้งสิบแทน เมื่อมีคนเข้าไปในพื้นที่มันจึงถูกกระตุ้น ขอแค่ถอยกลับไปนอกพื้นที่มันจะถูกรีเซตอัตโนมัติ
"นั่นสุนัขของกองทัพฉิน! ฆ่า!!"
ทหารหุ้มเกราะสิบนายตะโกนขณะพุ่งเข้าหาเฉินหลิงพร้อมหอกในมือ ในภูมิประเทศแคบ ๆ แบบนี้ นอกจากเผชิญหน้ากับศัตรูซึ่งๆ หน้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
ปลายหอกลายพร้อยเลือดสีเข้มตัดผ่านอากาศ แต่ไม่สามารถสัมผัสร่างกายของเฉินหลิงได้ เขาหลีกเลี่ยงวิถีของดาบซึ่งเคลือบด้วยจุดสีแดงมากมาย ในพริบตาเขาก็ก้าวไปหลายก้าว กริชเปล่งประกายแสงเย็นเฉียบเฉือนคอทหารคนแรก
หลังจากนั้น หอกสามเล่มพุ่งพรวดเข้ามาอย่างดุดัน!
ทหารเหล่านี้แตกต่างจากพวกเลวทรามบนถนนปิงฉวน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ไม่ต้องพูดอะไรมากแค่มองตาก็เข้าใจกันว่าจะโจมตีมุมไหน
เฉินหลิงถือกริชก้าวถอยหลังเข้าไปในหุบเหวลึกขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหอกที่แทงมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันเขาก็ใช้เท้าถีบกำแพงอย่างแรง!
ตัวเขากระโดดลอยตัวขึ้นในอากาศข้ามกำแพงหอกไป และตกลงไปท่ามกลางฝูงชนราวกับผี
ชายเสื้อคลุมงิ้วม้วนโค้ง และแสงเย็นเยียบสีขาวราวหิมะได้คร่าชีวิตคนไปสามชีวิตในคราวเดียวกัน ในระยะประชิดแบบนี้กริชมีความคล่องตัวมากกว่าหอก ทหารหลายคนไม่สามารถโต้ตอบได้ สุดท้ายก็ล้มลงทีละคน
ในการเผชิญหน้าเพียงช่วงสั้นๆ เฉินหลิงฆ่าคนไปสี่คนแล้ว
เขามองย้อนกลับไปยังศพที่นอนจมกองเลือด ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้อยู่ภายในใจ...เขาไม่รู้ว่าตนเองทำได้อย่างไร เขาเพิ่งถีบกำแพงแล้วกระโดดขึ้นไปในอากาศและฆ่าคนไปหลายคนซึ่งเขาไม่เคยทำมาก่อน มันเป็นสัญชาตญาณล้วนๆ เวลานั้นในหัวเขาไม่มีอะไรเลย
มันเหมือนกับว่า...เขาเกิดมาก็รู้จักวิธีฆ่าคนแล้ว
เฉินหลิงฆ่าทหารไปสี่นาย แล้วเฝ้าดูศพแต่ละศพค่อยๆ กลายเป็นพลังงานสีดำไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ความปรารถนาที่ยากจะอธิบายพลันปรากฏขึ้นในใจของเขา
มันยากที่จะอธิบายความรู้สึกนี้ มันเหมือนกับการดูหนังมาเฟียแล้วเดินออกจากโรงหนังแล้วแผ่นหลังยืดตรงและแววตาก็เย่อหยิ่งโดยไม่รู้ตัว สายตากวาดมองผู้คนด้วยความมั่นใจอย่างกับตัวเองเป็นยากูซ่า
ภายใต้การครอบงำของออร่าจิตสังหาร จิตวิญญาณของเขาโหยหาการต่อสู้ที่ดุเดือดมากยิ่งขึ้น กระหายเลือดมากขึ้น
ดวงตาของเฉินหลิงฉายแววดุร้าย เขาลงมืออีกครั้งและไม่ลังเลที่ฆ่าทหารที่เหลืออีกหกนาย!
เสื้อคลุมสีแดงกระพือท่ามกลางฝูงชน ด้วยการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของเฉินหลิง อาวุธยาวจึงสูญเสียความได้เปรียบไป ทหารทั้งหกนายต่อสู้และถอยกลับเข้าไปในหุบเหวโดยไม่สามารถต้านทานการโจมตีของกริชได้
ท้ายที่สุดภายใต้การรุกอันหนักหน่วงของเฉินหลิง ความร่วมมือของพวกเขาพลันเผยให้เห็นช่องโหว่ เมื่อคนแรกถูกฆ่า คนที่เหลือก็ทยอยล้มลง
เลือดเปียกโชกพื้นดิน ทั่วหุบเหวแห่งนี้เต็มไปด้วยรังสีการเข่นฆ่าอันเข้มข้น หลังจากนั้นทหารคนที่เหลือก็ถูกร่างที่สวมชุดแดงดูดเข้าไปในร่างกายทั้งหมด
"สุนัขของ...จะไม่ตายดี…"
กริชของเฉินหลิงแทงไปที่หน้าอกของทหารคนสุดท้าย ดวงตาสีแดงเลือดของฝ่ายหลังจ้องมองมาที่เขา เลือดไหลออกมาจากลำคอและเมื่อเขาพูดจบก็ล้มลงบนแอ่งเลือด
ออร่าจิตสังหารอันสุดท้ายไหลเข้าสู่ร่างกายของเฉินหลิง เขามองลงไปยังศพบนพื้นขณะพูดเขาก็ครุ่นคิดไปด้วย
"สุนัขของกองทัพฉิน...ไม่รู้ว่านี่เป็นภาพฉายสงครามช่วงไหน?"
เฉินหลิงไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะรู้ด้วย สำหรับเขาตอนนี้การขโมยรากฐานของเส้นทางเทพเจ้าวิถีทหารมาโดยเร็วที่สุดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ขณะที่เขากำลังจะออกจากหุบเหว ทันใดนั้นพื้นดินใต้ฝ่าเท้าพลันสั่นสะเทือน!
บนท้องฟ้าเหนือคลังโบราณ ชั้นเมฆกำลังเคลื่อนตัว ดาบสีดำขนาดมหึมาที่แทงทะลุท้องฟ้าลงสู่พื้นโลก ค่อยๆ เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันทีละน้อย บนท้องฟ้าอันห่างไกลเกิดประกายแสงเล็กๆ ส่องลงมาจากอัญมณีสีแดงเข้มดูเหมือนดวงดาวซึ่งประดับที่ปลายด้ามของดาบ
เวลานี้เฉินหลิงรู้สึกว่าจิตสังหารในร่างกายตนเองเริ่มเดือดพล่าน และดูเหมือนมีบางอย่างติดอยู่บนตัวเขา
เดี๋ยวก่อน...
ทำไมมันถึงรู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้?
ขณะที่เฉินหลิงกำลังมึนงง ริบบิ้นสีดำก็ยื่นออกมาจากอัญมณีบนด้ามดาบ ทะลุผ่านชั้นเมฆราวกับอสรพิษ ลอยมาตรงหน้าเขา!
.
.............
.
เวลาเดียวกันในพื้นที่อื่นๆ ของคลังโบราณ
.
"ไร้ประโยชน์! คนตั้งเยอะแยะทำไมถึงรับมือกับอีแค่ภาพฉายไม่ได้!"
ในหุบเขาเล็กๆ ผู้คุมกฎเจ็ดคนถือดาบในมืออย่างเก้ๆ กังๆ เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีของทหารหุ้มเกราะทั้งสาม พวกเขาล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
เหยียนซีไฉและผูเหวินยืนอยู่นอกหุบเหว มองดูการต่อสู้อันทุลักทุเลนี้ และอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง
"เจ็ดต่อสามพวกนายยังเอาชนะไม่ได้ แล้วปีที่ผ่านมาพวกนายใช้ชีวิตกันยังไง?"
ผู้คุมกฎทั้งเจ็ดในหุบเขาต่างร้องไห้แต่ไร้น้ำตา
พวกเขาเป็นผู้คุมกฎในเมืองออโรร่ามาสามปี แต่ตอนนี้มันยุคไหนแล้ว ผู้คุมกฎล้วนแต่ใช้ปืนกันทั้งนั้น การฝึกฝนยิงให้แม่นมีประโยชน์มากกว่าการฝึกการต่อสู้ระยะประชิดตั้งหลายเท่า จะมีกี่คนกันที่ยังคงฝึกฝนอาวุธอย่างดาบในการต่อสู้ระยะประชิด?
แต่ว่า...ปืนทั้งหมดของพวกเขาถูกพวกผู้ช่วงชิงเปลวไฟขโมยไปนะสิ
ถ้าไม่มีปืน พวกเขาจึงต้องต่อสู้ด้วยดาบหรือกระบี่ที่อยู่รอบตัวพวกเขาเท่านั้น ในแง่ของการต่อสู้ระยะประชิด พวกเขาที่ไม่เคยแม้แต่จะถือดาบเลย จะต่อสู้กับทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ได้อย่างไร
ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะพบหุบเหวที่มีการฉายภาพการเข่นฆ่านายทหารสามคน ภายใต้วงล้อมของตนเองพวกเขายังคงถูกทุบตี...ส่งผลให้เหยียนซีไฉที่อยู่ด้านข้างกระโดดเหยงๆ อย่างโมโห
"น้องผู รีบลงมือเร็วเถอะ...ถ้าคอยดูแบบนี้ต่อไป ฉันกลัวว่าฉันอดใจฆ่าพวกคนโง่พวกนี้ไม่ได้" เหยียนซีไฉระงับความโกรธและพูดกับผูเหวินที่อยู่ข้างๆ
ผูเหวินพยักหน้า แล้วล้วงมือหยิบบางอย่างในแขนเสื้อ กระดาษซวนจื่อแผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาอีกครั้ง
"นิ่ง" เขากระซิบกับทหารทั้งสาม
เมื่อคำว่า "นิ่ง" บนกระดาษซวนจื่อหายไป ทหารหุ้มเกราะทั้งสามก็ตัวแข็งทื่อยืนนิ่งอยู่กับที่โดยพร้อมเพรียงกัน ผู้คุมกฎที่เหลือถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ฟันดาบใส่พวกทหารหุ้มเกราะ
.
.
.