ตอนที่แล้วบทที่ 920 ยันต์ล่องหนแห่งความโกลาหล 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 922 หุ่นเชิดทองคำม่วง 

บทที่ 921 อู๋เมิ่งมาถึง 


1,210 ผลึกวิญญาณเพื่อแลกกับยันต์หนึ่งแผ่น...นี่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนทั่วไปไม่กล้าฝันถึงเลยด้วยซ้ำ

เมื่อยันต์ล่องหนแห่งความโกลาหลถูกส่งมาถึงมือของโอวหยางตงชิงเพียงแค่เขามองครั้งแรกก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันคุ้มค่า

ทั้งกระดาษยันต์ที่ใช้รองรับอักขระและอักขระที่วาดบนยันต์ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนสิ่งเหล่านี้เหมือนเปิดประตูบานใหม่สู่โลกของยันต์ระดับสูง

หลังได้ยันต์นี้มาโอวหยางตงชิงก็แทบไม่สนใจการประมูลอีกต่อไป แม้ร่างเขายังนั่งอยู่ในห้องหมายเลขห้า แต่จิตใจกลับมุ่งความสนใจไปที่ยันต์ล่องหนแห่งความโกลาหล

เฉินโม่พยายามเรียกสติอีกฝ่ายสองครั้ง แต่เมื่อพบว่าไม่ได้รับการตอบสนองก็เข้าใจได้ทันทีว่าโอวหยางตงชิงได้เข้าสู่ภาวะสมาธิขั้นลึกอีกครั้ง เว้นแต่ว่าภัยคุกคามจากภายนอกจะกระทบเขา ไม่อย่างนั้นย่อมไม่มีทางฟื้นคืนสติ

ในขณะเดียวกันฟงชิงที่ดูเหมือนจะสงบนิ่งแต่ในใจกลับเริ่มร้อนรน

การประมูลใกล้จะถึงครึ่งทางแล้ว แต่อู๋เมิ่งก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาถึง หากปล่อยให้การประมูลสิ้นสุดโดยที่เขาไม่มา ผลปัญญาเซียนอาจตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น

แม้ว่าฟ่านจู่ปู้จะไม่ได้กล่าวโทษโดยตรง แต่สถานการณ์ของจงโจวอาจเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล

ฟงชิงร้อนรน แต่ในฝั่งของอู๋เมิ่งกลับเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

ตอนนี้เขาได้ใช้ค่ายกลส่งตัวมาถึงไห่ผิงโจวแล้วและกำลังเร่งเดินทางไปยังเกาะ

แม้เขาจะเป็นผู้ฝึกตนขั้นหลอมรวมซึ่งสามารถเดินทางผ่านรอยแยกในมิติได้อย่างง่ายดาย แต่ในทะเลเขาก็ยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

สัตว์อสูรทะเลที่โผล่มาเป็นครั้งคราวยังสามารถสร้างปัญหาให้กับเขาได้จนทำให้การเดินทางล่าช้า

“บัดซบ! เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ!”

อู๋เมิ่งขบกรามแน่นความไม่พอใจในตัวฟงชิงเพิ่มขึ้น

การที่ค่ายกลส่งตัวถูกทำลายทำให้แผนการทั้งหมดเกือบพังทลาย โชคดีที่เขามาแก้ไขทัน ไม่อย่างนั้นหากล่าช้าไปอีกหนึ่งหรือสองชั่วยามทุกอย่างคงล้มเหลว!

...

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ฟงชิงยังคงดึงตัวเองกลับมาและหยิบของประมูลชิ้นที่หกออกมาตามกำหนด

สิ่งนั้นคือหยกอวี้เจี้ยนซึ่งดูเหมือนธรรมดาไม่มีความพิเศษใดๆ และคล้ายกับหยกที่ใช้บันทึกเคล็ดวิชาหรือค่ายกลที่ผู้ฝึกตนใช้กันทั่วไป

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า

“หยกนี้บันทึก ค่ายกลดวงดาวล้อมเซียน ซึ่งเป็นค่ายกลระดับเจ็ด”

ทันทีที่สิ้นเสียงของฟงชิง เฉินโม่ก็สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวในห้องประมูลใกล้เคียง

ค่ายกลระดับเจ็ด?!

นี่หมายถึงอะไร?

ระดับเจ็ดเทียบเท่ากับระดับรวมเต๋า และหากตั้งค่ายกลสำเร็จก็สามารถกำจัดผู้ฝึกตนขั้นหลอมรวมได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่าผู้ที่เข้าใจศาสตร์ค่ายกลจะรู้ดีว่ายิ่งค่ายกลทรงพลังมากเท่าไร วัสดุในการจัดตั้งก็ยิ่งหาได้ยากขึ้นเท่านั้น

และค่ายกลระดับเจ็ดนี้เพียงแค่รวบรวมวัสดุพื้นฐานก็นับว่าเป็นเรื่องยากแล้ว!

ฟงชิงกล่าวอธิบายเพิ่มเติม

“การจัดตั้งค่ายกลดวงดาวล้อมเซียนต้องใช้หินดาราจำนวน 108 ก้อน วางเรียงในตำแหน่งเฉพาะเพื่อสร้างรากฐานของค่ายกล บริเวณรอบๆหินดาราต้องโรยด้วยผลึกวิญญาณจำนวนมาก เพื่อเป็นแหล่งพลังงานของค่ายกล”

“เมื่อเปิดใช้งาน หินดาราทั้ง 108 ก้อน จะเชื่อมโยงกันด้วยเส้นพลังวิญญาณ เกิดเป็นอักขระลึกลับนับไม่ถ้วนพร้อมทั้งสร้างลวดลายดวงดาวขนาดมหึมา...”

ฟงชิงกล่าวต่อด้วยความมั่นใจ

อย่างไรก็ตามผู้ฝึกตนที่อยู่ในงานประมูลส่วนใหญ่ยกเว้นคนจากสำนักเทียนกง ดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งนี้อีกต่อไป

หินดาราคืออะไร?

มันคือวัสดุที่มาจากนอกโลก!

หินดาราเป็นวัสดุที่ได้มาจากการบินออกนอกทวีปฝึกตนสู่ดินแดนแห่งดวงดาวไร้สิ้นสุด และมีเพียงผู้ฝึกตนระดับ มหาเซียน เท่านั้นที่สามารถหลุดพ้นข้อจำกัดของทวีปฝึกตนเพื่อไปเก็บหินเหล่านี้ได้

แต่อย่าลืมว่าแคว้นอู๋ฉือไม่เคยมีผู้ฝึกตนระดับมหาเซียน ปรากฏตัวเลยในช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมา

และถึงแม้จะมีคนระดับนั้น ซึ่งมีพลังมากพอจะเด็ดดวงดาวด้วยมือเปล่า เหตุใดพวกเขาต้องสร้างค่ายกลที่สามารถจัดการได้เพียงผู้ฝึกตนระดับรวมเต๋าด้วย?

ดังนั้นค่ายกลดวงดาวล้อมเซียนนี้จึงอาจเหมาะเพียงแค่ใช้ศึกษาในเชิงวิจัยเท่านั้น การตั้งค่ายกลจริงแทบจะเป็นไปไม่ได้

แม้แต่เฉินโม่เองก็ไม่สนใจจะซื้อค่ายกลนี้ เพราะหากนำค่ายกลล้อมเซียนไปใช้สนับสนุนการเพาะปลูกพืชวิญญาณ ผลตอบแทนย่อมไม่คุ้มกับต้นทุน

ฟงชิงพยายามควบคุมบรรยากาศการประมูลให้อยู่ในความสนใจของผู้คนราวหนึ่งธูปก่อนจะประกาศราคาเริ่มต้นของค่ายกลดวงดาวล้อมเซียน

“ราคาเริ่มต้น 1,500 ผลึกวิญญาณระดับสูง”

สำหรับค่ายกลระดับเจ็ด การตั้งราคาเพียงเท่านี้ก็เหมือนแจกฟรีแล้ว

แต่กระนั้นก็ยังมีเพียงสำนักเทียนกงที่ยื่นประมูลโดยไม่มีการเพิ่มราคาเลย

สุดท้ายค่ายกลดวงดาวล้อมเซียนถูกปิดประมูลในราคา 1,500 ผลึกวิญญาณ

หลังสิ้นสุดการประมูลชิ้นที่หก ฟงชิงยิ้มอย่างอารมณ์ดีและประกาศพักการประมูลสองชั่วยาม แม้ว่าหลายคนจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ในเมื่อที่นี่คือพื้นที่ของหน่วยเทียนหลง พวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามกฎที่กำหนด

ระหว่างช่วงพัก ฟงชิงไปพบกับจูหย่งอัน ผู้อาวุโสจากสำนักเทียนกง

“ผู้อาวุโสจู ข้าถึงกับนำค่ายกลดวงดาวล้อมเซียนมาประมูลในช่วงแรกเพื่อแสดงความจริงใจ”

จูหย่งอันพยักหน้าและตอบเพียงว่า

“ขอบคุณ!”

ฟงชิงยิ้มและกล่าวต่อ

“ในเมื่อเราจริงใจเช่นนี้ ท่านช่วยซ่อมค่ายกลส่งตัวให้เราได้หรือไม่?”

จูหย่งอันถอนหายใจอย่างอ่อนล้าและตอบว่า

“ข้าปฏิเสธช่วยเหลือพวกเจ้าได้หรือ? แต่ข้าก็ถูกขู่ไว้แล้ว หากเจ้าอยากให้ข้าซ่อมค่ายกลส่งตัวจงไปจัดการกับสองผู้ฝึกตนระดับเปลี่ยนจิตที่เฝ้าอยู่เสียก่อน!”

ฟงชิงยิ้มบางๆและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ผู้อาวุโสวางใจได้ หน่วยเทียนหลงจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ”

แม้ว่าจูหย่งอันจะดูพอใจ แต่ในใจเขากลับคิดว่าผู้นำหน่วยเทียนหลงนี่ช่างโง่เขลาเสียจริง คิดว่าปัญหาอยู่ที่เขาไม่อยากซ่อมค่ายกล? หากพวกเขาไม่จัดการฝ่ายคัดค้านให้เรียบร้อยเขาย่อมไม่กล้าเคลื่อนไหวอยู่ดี

...

เวลาสองชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อฟงชิงเรียกประชุมผู้เข้าร่วมประมูลอีกครั้ง พลังงานที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นจากที่ไกลโพ้น

ในตอนนั้นหัวใจที่หนักอึ้งของฟงชิงก็เบาขึ้นในทันที

อู๋เมิ่งมาถึงแล้ว!

ผู้ฝึกตนขั้นหลอมรวมกลับมาที่เกาะอีกครั้ง แผนการทุกอย่างย่อมดำเนินไปตามที่วางไว้

ในช่วงสุดท้ายของการประมูล อู๋เมิ่งจะลงมือจัดการผู้ฝึกตนทั้งหมดบนเกาะ จากนั้นโยนความผิดให้กับสัตว์อสูรทะเลทรงพลัง

หลังจากนั้นเขาจะ“ช่วย”กลุ่มอำนาจต่างๆ เช่นหอสมบัติมังกรฟ้า หรือคนจากหุบเขาลึกลับที่ยังไม่มีท่าทีชัดเจนและใช้โอกาสนี้รวมพลังอำนาจเพื่อสนับสนุนฟ่านเทียนหมิงให้ขึ้นครองตำแหน่งกษัตริย์

แม้ระหว่างทางจะมีอุปสรรค แต่เมื่ออู๋เมิ่งมาทันช่วงสุดท้าย แผนการนี้ย่อมไร้ปัญหา

ฟงชิงเผยรอยยิ้มมั่นใจมาก ขึ้นก่อนจะหยิบของประมูลชิ้นที่เจ็ดออกมาและประกาศว่า

“ของประมูลชิ้นที่เจ็ดนี้เป็นของประมูลระดับปฐพี นั่นคือ ตะเกียงพลังวิญญาณ”

เฉินโม่มองตามเสียงและพบว่ามันคือตะเกียงน้ำมันโบราณที่สร้างจากวัสดุวิเศษ

ฟงชิงอธิบายต่อ

“ตะเกียงพลังวิญญาณนี้สร้างจากหยกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เนื้อหยกเรียบเนียนงดงามบนตะเกียงมีอักขระและลวดลายที่วิจิตรบรรจงซึ่งเรืองแสงอ่อนๆอยู่ตลอดเวลา...”

(จบบท)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด