ตอนที่แล้วบทที่ 49 มีวาสนาพานพบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 50 วิชายุทธ์


“เมื่อพบกันด้วยวาสนา การแยกจากก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามวาสนาเถิด” เซี่ยอวี่หลิงกล่าวด้วยความระมัดระวัง สายตาจับจ้องชายหนุ่มในชุดสีฟ้า

เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าชายผู้นี้มีจุดประสงค์ใด หากเป็นคนของสำนักสวรรค์ซ่างหลิน เหตุใดถึงช่วยพวกเขาเมื่อคืน? แต่ถ้าเป็นเพียงคนธรรมดา เหตุใดจึงดูแปลกประหลาดในทุกกระเบียดนิ้ว

“เราต่างคนต่างไปตามทางของตน ดีหรือไม่?” เซี่ยอวี่หลิงเอ่ยเสียงเรียบ

ชายหนุ่มในชุดสีฟ้ายิ้มอย่างอ่อนโยน “ข้าผู้เดินทางด้วยเท้า แม้จะได้ชมทิวทัศน์งดงามระหว่างทาง แต่ย่อมเหนื่อยล้าบ้าง พวกท่านมีรถม้า ข้าขอติดตามไปด้วยได้หรือไม่?”

“เกรงว่าเส้นทางคงไม่ตรงกัน” เซี่ยอวี่หลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“พวกท่านจะไปที่ใด?” ชายหนุ่มถามด้วยความสุภาพ

“เราจะไปต้าเจ๋อ” เฟิงจั่วจวินตอบก่อนที่เซี่ยอวี่หลิงจะพูด

“ประจวบเหมาะนัก ข้าก็จะไปต้าเจ๋อ” ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย

เซี่ยอวี่หลิงตกตะลึงเล็กน้อย พลางเอี้ยวตัว มือซ้ายแตะที่กระบี่ “ท่านดูเหมือนตั้งใจจะร่วมทางกับพวกเราจริงๆ”

“ข้าตั้งใจออกมาเพื่อชมความงดงามของโลก ตามสายลมที่พัดพา และยินดีรับสิ่งที่พบเจอ หากมีรถไปจี๋โม่ ข้าก็จะไปจี๋โม่ หากมีเรือล่องลงเจียงหนาน ข้าก็จะลงเรือ ดังนั้น เมื่อพวกท่านจะไป ต้าเจ๋อ ข้าก็จะไปด้วย อวิ๋นเหมิงต้าเจ๋อ คือสถานที่ที่ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงชัดเจนและสมเหตุสมผล

“พวกเรามีธุระสำคัญ เกรงว่าจะไม่สะดวกพาท่านไปด้วย” เซี่ยอวี่หลิงกล่าวอย่างหนักแน่น

“หากข้ายืนกรานจะร่วมทางไปด้วยเล่า?” ชายหนุ่มจ้องมองเซี่ยอวี่หลิง “หรือท่านจะลงกระบี่กับข้า?”

“ท่านเป็นใครกันแน่!” เซี่ยอวี่หลิงตะโกนเสียงต่ำ

“ถ้าเช่นนั้นก็ลงกระบี่เถิด” ชายหนุ่มยังคงยิ้มอย่างสงบ

ทันใดนั้น จิตสังหารพลุ่งพล่านในหัวใจของเซี่ยอวี่หลิง ทั้งที่เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อชายหนุ่มผู้นี้ เขาเพียงระแวงในความไม่ชัดเจนของที่มาที่ไป มือที่แตะกระบี่ไว้เพื่อระวังภัย แต่กลับมีเสียงในหัวตะโกนซ้ำๆ ว่า ฆ่าเขา! ฆ่าเขา!

“ลงกระบี่กับข้า!” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น

“อ๊า!” เซี่ยอวี่หลิงตะโกนลั่นชักกระบี่ออกจากเอว พุ่งแทงตรงไปยังชายหนุ่ม

“เพลงกระบี่บุปผาโปรยของสกุลเซี่ยแห่งเจียงหนาน มาดี!” ชายหนุ่มใช้มือขวาดึงขลุ่ยหยกจากเอว ยกขึ้นโบกเบาๆ ปัดกระบี่ของเซี่ยอวี่หลิงอย่างง่ายดาย เขาแค่สะบัดข้อมือ ก็สามารถทำให้เซี่ยอวี่หลิงถอยหลังไปสามก้าว

ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ “ศักดิ์ศรีแห่งวีรชน เจ็ดชั่วโคตรย่อมถูกตัดขาด…ครั้งหนึ่งเพลงกระบี่บุปผาโปรย คือศิลปะที่งดงามและเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา แต่บัดนี้ กลับดูเชื่องช้าและเก่าแก่ ไม่สมชื่อนัก ไม่น่าแปลกใจที่เซี่ยคั่นฮวาเลือกที่จะไม่ฝึกมันต่อ”

“เจ้าคือใครกันแน่!” เซี่ยอวี่หลิงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว พลางแทงกระบี่ออกไปอีกครั้ง กระบี่นี้คือหนึ่งในกระบวนท่าที่ร้ายกาจที่สุดของเพลงกระบี่บุปผาโปรยในสิบสามท่า ท่านี้มีนามว่า บุปผาโปรยสลายธุลี

มันเป็นกระบวนท่าที่ทั้งอันตรายและยากที่สุดที่จะฝึกฝน แม้เขาเคยเป็นหนึ่งในยอดฝีมือวัยเยาว์ของสกุลเซี่ย แต่ก็ยังไม่เคยเข้าใจท่านี้อย่างสมบูรณ์

ทว่าในยามนี้ กระบี่ที่แทงออกไปกลับสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ เซี่ยอวี่หลิงรู้สึกได้ว่านี่คือกระบี่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตของเขาเลยทีเดียว

กระนั้น กลับมีเพียงความสงสัยในใจ เพราะร่างกายของเขาไม่ควรจะอยู่ในสภาพที่ใช้ท่านี้ได้เลย

“บุปผาโปรยปราย สลายหมอกธุลีปลิว…น่าเสียดาย” ชายหนุ่มเสียบขลุ่ยหยกกลับที่เดิม ก้าวเท้าเพียงก้าวเดียวก็เข้ามาอยู่ตรงหน้าเซี่ยอวี่หลิงในพริบตา

เร็ว…เร็วเกินไป! เซี่ยอวี่หลิงตะลึงงันในใจ

ชายหนุ่มคว้ามือของเซี่ยอวี่หลิงไว้อย่างง่ายดาย ก่อนจะดึงกระบี่ออกจากมือของเขา ด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว กระบี่พลิกวนเป็นรูปดอกไม้ จากนั้นชายหนุ่มกระโดดลอยตัวอย่างงดงาม ร่อนลงสู่ผืนน้ำที่นิ่งสงบ เขายืนบนผิวน้ำราวกับเดินบนพื้นธรรมดา สร้างระลอกคลื่นอ่อนๆ

“เพลงกระบี่บุปผาโปรยของสกุลเซี่ยแห่งเจียงหนาน ควรจะเป็นเช่นนี้” ชายหนุ่มกล่าวขณะยืนบนผิวน้ำ มือแตะกระบี่เบาๆ หลับตาครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะกวัดแกว่งกระบี่ในมือ

บนผิวน้ำ เกิดกระแสปราณกระบี่กวาดผ่านออกมา

ชายหนุ่มในชุดสีฟ้ากระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ก่อนเริ่มร่ายรำกระบี่

“เพลงกระบี่บุปผาโปรย!” เซี่ยอวี่หลิงตกตะลึง เพราะกระบี่ที่ชายหนุ่มร่ายรำอยู่นั้น เป็นกระบวนท่าของเพลงกระบี่บุปผาโปรยของสกุลเซี่ยแห่งเจียงหนาน แต่กลับเรียบง่ายและลื่นไหลกว่าที่เขาเคยเรียนรู้มากนัก ที่สำคัญกว่านั้นคือ ขณะชายหนุ่มร่ายรำกระบี่ มีความอิสระและสง่างามดุจสายลม

“มองทันหรือไม่?” ชายหนุ่มตะโกนถามเสียงดัง

แต่เซี่ยอวี่หลิงที่กำลังจดจ่อกับกระบวนท่ากระบี่อันเปี่ยมเสน่ห์นั้น ไม่อาจตอบคำถามได้

“สกุลเซี่ยอาจล่มสลายไปแล้ว แต่ยังดีที่ชนรุ่นหลังยังพอมีหวัง” ชายหนุ่มยกกระบี่ขึ้นชี้ฟ้า “บุปผาร่วงโรย เถ้าบุปผาปลิดปลิว”

ปลายกระบี่ตกลง เสียงลมเย็นสะท้านพัดผ่าน

ดอกไม้จากต้นสองฟากฝั่งริมทะเลสาบถูกกระแสลมกระบี่พัดร่วงโรย ดอกไม้ปลิวไสวปกคลุมผืนน้ำ ชายหนุ่มเก็บกระบี่หันมามองเซี่ยอวี่หลิง

ผ่านไปเนิ่นนาน เซี่ยอวี่หลิงถึงค่อยคืนสติจากกระบวนท่านั้น “เจ้าเป็นใครกันแน่? ไยรู้เพลงกระบี่บุปผาโปรยของตระกูลข้า?”

“วิชายุทธ์ในใต้หล้า มีต้นกำเนิดเดียวกัน วิชากระบี่ก็เพียงแค่วิชากระบี่ มองดูหนึ่งก็เข้าใจสอง พอเข้าใจสองก็เห็นทั้งภาพ” ชายหนุ่มกระโดดลงมายืนตรงหน้าเซี่ยอวี่หลิง ก่อนปักกระบี่ลงบนพื้น จากนั้นจึงหันมามองเฟิงจั่วจวินที่ถือดาบอยู่ มือของเขาสั่นเล็กน้อย “เจ้าลองลงดาบสิ”

แม้เฟิงจั่วจวินจะกล้าหาญเป็นอันดับสองในสำนักศึกษา และแทบไม่มีใครกล้าท้าทายเขา แต่ความกล้านี้มิได้หมายความว่าเขาไม่เกรงกลัวสิ่งใด หลังจากเห็นกระบวนท่ากระบี่ของชายหนุ่มเมื่อครู่ เขาแทบไม่กล้ายกดาบขึ้นมา

แต่สุดท้าย เขาก็ยังยกดาบขึ้นและฟาดลง

ลมพัดกระโชก เมฆลอยพลิ้วไปตามกระแส

“เจ้าลงดาบได้ดีทีเดียว เพลงดาบของเจ้าเผยให้เห็นเงาของบิดาเจ้า” ชายหนุ่มลูบดาบในมือ “แต่ผู้ฝึกดาบ ไหนเลยจะคู่ควรมีเงาของผู้อื่น?”

คำพูดนั้นทำให้เฟิงจั่วจวินตกใจจนผ้าพันแผลหลุด แม้เลือดจะไหลซึมออกมาจากบาดแผลที่ต้นขา เขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย เขาเองยังไม่เข้าใจว่าเขาใช้เพลงดาบมหาวาโยได้อย่างสมบูรณ์แบบได้อย่างไร หรือว่าดาบของเขาถูกชายหนุ่มผู้นี้ช่วงชิงไปได้อย่างไร

“มหาวาโยต้องอาศัยความองอาจหาญกล้า เจ้าดูเหมือนจะมีความกล้าหาญอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงการเลียนแบบแบบผิดๆ เข้าใจแต่รูปลักษณ์ หาได้เข้าถึงจิตวิญญาณไม่ การทำให้เสียงดังหรือท่าทางองอาจไม่ได้หมายถึงความองอาจที่แท้จริง ยังห่างไกลมากนัก” ชายหนุ่มดีดดาบในมือเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ผู้ฝึกดาบ หากเข้าถึงจิตวิญญาณแห่งดาบได้จริงๆ ย่อมมีความองอาจที่สามารถมองข้ามทั้งใต้หล้า”

ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลิกตัวอย่างรวดเร็ว ฟันดาบลงไปที่ผืนน้ำ

ปัง!

เสียงดังสนั่นสะท้าน ทั่วทั้งทะเลสาบเกิดคลื่นน้ำพวยพุ่งขึ้นสูง

ดาบในมือของเขาแตกละเอียด เหลือเพียงด้ามเปล่า ชายหนุ่มส่ายหัวเล็กน้อยก่อนโยนด้ามดาบลงบนพื้น

น้ำที่ถูกสะบัดขึ้นสูงตกลงมาราวกับสายฝนโปรยปราย ชายหนุ่มหยิบขลุ่ยหยกจากเอวขึ้นมาสะบัดเบาๆ น้ำทั้งหมดหยุดลงตรงหน้าเขาห่างเพียงหนึ่งช่วงศอก ขณะที่เฟิงจั่วจวินและเซี่ยอวี่หลิงถูกชโลมจนเปียกโชก

แต่ทั้งสองไม่รู้สึกถึงความเปียกชื้นหรือหนาวเหน็บ เพราะพวกเขายังคงจมอยู่ในจิตวิญญาณแห่งดาบที่ยังไม่จางหาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด