บทที่ 426: ไม่ใช่แค่สัตว์อสูรของนายหรอกนะที่ใช้...
ในสนามแข่งขัน
“อึก~”
ซุนเป่าสำรวจสภาพภายในร่างของตัวเองสักพัก
อืม...เหมือนจะยังไม่มีวี่แววของการวิวัฒนาการแฮะ ดูท่าคงต้องพยายามต่อไปอีก...
“ซุน...”
ซุนเป่าจ้องไปที่คู่ต่อสู้ตรงหน้า ดวงตาฉายแววจริงจัง
คู่ต่อสู้ของมันคือจิ้งจอกหิมะวิบากสัตว์อสูรประเภทน้ำแข็งระดับกลางจากภูมิภาคกู่หวู่ ลักษณะเด่นคือมันอดหลับอดนอนเก่งมาก ตอนกลางคืนมักจะมีสภาพดีกว่าตอนเช้า...
เฉียวซางจ้องมองสัตว์อสูรตัวนี้ที่มีขนขาวทั้งตัว แต่รอบดวงตากลับมีวงสีดำสนิท ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมันแล่นผ่านในหัว
ในห้องพักผู้เข้าแข่งขัน
ผู้คนมองดูอสูรล่าสมบัติที่ยังไม่ได้ออกจากสนาม และอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกัน
“เฉียวซางยังใช้อสูรล่าสมบัติอยู่อีกเหรอ?”
“อสูรล่าสมบัติไม่ใช่สายอึดที่ถนัดการต่อสู้ยืดเยื้อ คงคิดจะจัดการให้จบเร็วๆล่ะมั้ง คงคิดว่าพลังที่เสียไปในรอบแรกไม่ได้มากมายสินะ”
“ส่งสุนัขเพลิงพร่างพรายหรือพรายพิชิตเหมันต์ออกมาโดยตรงไม่ดีกว่าเหรอ ต้องมาเล่นอะไรให้ลุ้นอีก”
“สมองอัจฉริยะมันก็แบบนี้แหละ คนธรรมดาอย่างเราคงเข้าใจไม่ได้”
“…”
ทุกคนที่มาถึงการแข่งขันรอบแบ่งเขตภูมิมภาคนี้ ต่างก็เป็นอัจฉริยะจากแต่ละภูมิภาค แต่พอเทียบกับเฉียวซางแล้ว ทุกคนกลับดูธรรมดาไปหมด
ประโยคนี้ราวกับเป็นมีดแทงเข้าไปในใจของพวกเขา
เจ็บ...เจ็บเกินไปแล้ว!
ที่เจ็บที่สุดคือ ไม่มีใครสักคนปฏิเสธออกมาในทันที นี่แสดงว่าในจิตใต้สำนึก ไม่มีใครคิดว่าประโยคนี้มันผิดเลยแม้แต่น้อย
.......
ซุนเป่าทำท่าจะหายตัวทันทีตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อคิดได้ว่าตัวเองยังสะอึกอยู่ มันก็กลั้นใจไม่ทำ
“ซุน... ฮึก~”
ซุนเป่าถอนหายใจแบบคนแก่ก่อนวัย สะอึกนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ...
“อ่าว!”
ซุนเป่าชะงักไปเล็กน้อยเพราะสะอึก แต่จิ้งจอกหิมะวิบาก กลับไม่ลังเลเลย มันอ้าปากพ่นหมอกสีขาวเย็นเยือกออกมาทันที
หมอกหนาเย็นยะเยือกแผ่กระจายครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสนามอย่างรวดเร็ว มองด้วยตาเปล่าก็เห็นว่าหมอกนี้เย็นจนแทบจะจับตัวเป็นน้ำแข็ง
เฉินเยี่ยสูดลมหายใจเข้าเงียบๆพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้สงบที่สุด ตอนนี้เขาไม่มีความคิดอื่นนอกจาก เอาชนะอสูรล่าสมบัติให้ได้ เพื่อบีบให้เฉียวซางส่งพรายพิชิตเหมันต์ลงมาแข่งในรอบต่อไป
แม้จะรู้ว่าเมื่อพรายพิชิตเหมันต์ลงมาแล้วจะเอาชนะจิ้งจอกหิมะวิบากได้ในพริบตา เขาก็ยอม!
ในสนาม หมอกขาวหนาทึบปกคลุมร่างของจิ้งจอกหิมะวิบากไว้จนไม่เห็นตัว
หมอกน้ำแข็ง—ทักษะประเภทน้ำแข็งระดับกลาง มีความแตกต่างจากหมอกไอน้ำตรงที่อุณหภูมิต่ำกว่ามาก เมื่อทักษะนี้ชำนาญขึ้น จะสามารถสร้างน้ำเย็นจัดและผลึกน้ำแข็งเล็กๆภายในหมอกได้
เฉียวซางสั่งเสียงเรียบ “หายตัว”
แม้ว่าซุนเป่าจะอยู่ในสภาพสะอึก แต่ในหมอกที่มองไม่เห็นศัตรู การหายตัวไปย่อมดีกว่าการยืนสะอึกอยู่เฉยๆให้ศัตรูโจมตีเล่น
อย่างน้อยการสะอึกก็ไม่ได้ต่อเนื่องตลอดเวลา ระหว่างช่วงเงียบๆ คู่ต่อสู้ยังต้องเสียเวลาคิดหาตำแหน่งของซุนเป่าอีก
“ฮึก~”
ซุนเป่าทำตามคำสั่ง หายตัวไปในหมอกทันที
ทันใดนั้น เส้นน้ำแข็งสีขาวเส้นหนึ่งก็พุ่งตรงมาที่ตำแหน่งของซุนเป่าหลังจากมันหายตัวไปป
เฉินเยี่ยขมวดคิ้วเมื่อไม่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด “ไม่โดนเหรอ…”
แต่เขาก็ปลอบใจตัวเองทันที ไม่เป็นไรๆ พลาดครั้งแรกไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้านั่นสะอึกบ่อยขนาดนี้ ตำแหน่งมันก็เหมือนถูกเปิดเผยเป็นช่วงๆ แค่รอจังหวะสะอึกครั้งหน้าก็จัดการได้แล้ว
“ฮึก~”
เสียงสะอึกดังขึ้นอีกครั้งในหมอกน้ำแข็งสีขาว…
“ลำแสงเยือกแข็ง!” เฉินเยี่ยยิ้มออกมาด้วยความดีใจพลางตะโกนสั่งเสียงดัง
จิ้งจอกหิมะวิบาก ยิงลำแสงเยือกแข็งพุ่งไปยังตำแหน่งที่เสียงสะอึกเพิ่งดังขึ้นเมื่อครู่
เส้นลำแสงสีขาวทะลุผ่านหมอกน้ำแข็งไปโดยไม่โดนอะไรเลย
เป็นไปได้ยังไง... เฉินเยี่ยรู้สึกใจหล่นวูบ
หรือว่าอสูรล่าสมบัติจะมองเห็นในหมอกน้ำแข็งได้? หรือมันจะใช้ทักษะเทเลพอร์ตเพื่อเปลี่ยนที่ทุกครั้งที่สะอึก?
ความลับที่ว่าอสูรล่าสมบัติของเฉียวซางมีพลังจิตนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เฉินเยี่ยเองก็เคยเอาชนะสัตว์อสูรประเภทพลังจิตมาก่อน
สัตว์อสูรที่มีพลังจิตนั้นจัดการยากก็จริง แต่ส่วนใหญ่เพียงแค่โจมตีโดนมันครั้งเดียว ความเร็วในการเทเลพอร์ตของพวกมันก็จะลดลง
สัตว์อสูรประเภทนี้พึ่งพาพลังงานภายในร่างเป็นหลัก แม้แต่การเคลื่อนที่ก็ต้องใช้พลังงาน
ดังนั้นหากมันได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หรือถูกลากเข้าสู่การต่อสู้ระยะยาวจนพลังงานลดลงมาก ช่วงเวลานี้แหละที่การโจมตีอย่างต่อเนื่องหรือการโจมตีแบบรวดเร็วและรุนแรง จะช่วยปิดฉากได้ง่ายขึ้น
หมอกน้ำแข็งที่หนาทึบสามารถช่วยดึงการต่อสู้ให้ยืดเยื้อไปจนถึงช่วงที่พลังงานของมันลดลงได้ แต่ทุกครั้งที่โจมตี หมายถึงการเปิดเผยตำแหน่งของตัวเอง เฉินเยี่ยนึกได้ทันทีและตะโกนว่า
“เคลื่...”
“ฮึก~”
แต่ยังไม่ทันพูดจบ เสียงสะอึกก็ดังขึ้นอีกครั้ง
จิ้งจอกหิมะวิบากพ่นลำแสงเยือกแข็งไปยังตำแหน่งต้นเสียงทันที
ผลลัพธ์เหมือนเดิม—ไม่มีอะไรโดนอีกครั้ง
“ฮึก~”
ขณะที่เฉินเยี่ยกำลังจะสั่งให้จิ้งจอกหิมะวิบากเคลื่อนที่ เสียงสะอึกก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ฮึก~”
และแล้วเสียงสะอึกที่สองก็ดังขึ้นต่อเนื่อง
เฉินเยี่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ความคิดบางอย่างจะแล่นเข้ามาในหัว ร่างของเขาชะงักนิ่ง
เสียงสะอึกนี่มันแปลกเกินไป!
ไม่เพียงแต่ความถี่ของเสียงสะอึกจะเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ แต่ตำแหน่งที่เสียงสะอึกดังขึ้นก็ดูไม่สมเหตุสมผล!
เสียงสะอึกดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับยืนยันข้อสันนิษฐานของเฉินเยี่ย
คราวนี้เสียงมาจากระยะประมาณสิบกว่าเมตร!
“รีบเคลื่อนที่ออกจากจุดเดิมเดี๋ยวนี้!” เฉินเยี่ยหน้าถอดสี ตะโกนสั่งเสียงดัง
จะให้แพ้ไม่ได้! ถ้าแพ้ครั้งนี้ ฉันจะไปหาโอกาสสู้กับพรายพิชิตเหมันต์อีกได้ยังไง! เฉินเยี่ยคำรามในใจ
แต่ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว จิ้งจอกหิมะวิบากพ่นลำแสงเยือกแข็งไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียง แต่ไม่ได้สังเกตว่ามีเงาสีดำหลายสายพุ่งเข้ามาจากด้านซ้ายของมัน
“อ่าว!”
จิ้งจอกหิมะวิบากพยายามดิ้นรน ก่อนที่มันจะเห็นดวงตาสีม่วงคู่หนึ่ง
ไม่นานหมอกน้ำแข็งก็สลายไป เผยให้เห็นภาพบนสนาม
มีซุนเป่าสองตัวกับร่างของจิ้งจอกหิมะวิบากที่หลับตานอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
ชั่วพริบตาซุนเป่าตัวหนึ่งที่อยู่ไกลจากจิ้งจอกหิมะวิบากก็หายตัวไป
“ชวี!”
สัตว์อสูรประเภทจักรกลที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการลอยเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ ก่อนจะเป่านกหวีดเพื่อประกาศสิ้นสุดการแข่งขัน
เฉียวซางหันไปมองเฉินเยี่ยที่ยืนอึ้งอยู่ พลางพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ใช่แค่สัตว์อสูรของนายหรอกนะที่ใช้ตัวตายตัวแทนได้”
แม้ระดับความชำนาญจะไม่ได้ถึงขั้นให้มันเคลื่อนไหวไปรอบๆได้ แต่แค่ให้ส่งเสียงสะอึกเบี่ยงเบนความสนใจได้ก็เพียงพอแล้ว
“ซุน~”
ซุนเป่าพยักหน้าด้วยท่าทางภูมิใจ
ฉันแค่อยากเจอพรายพิชิตเหมันต์ในสนามเดียวกัน ทำไมมันถึงยากขนาดนี้…
เฉินเยี่ยฟังคำพูดของเฉียวซาง น้ำตาก็ไหลพรากออกมา
เอ๊ะ ทำไมจู่ๆหมอนี่ถึงร้องไห้กันเนี่ย? เฉียวซางงุนงง
ตั้งแต่เธอแข่งขันมา เธอยังไม่เคยเจอคู่แข่งที่ร้องไห้หลังแพ้มาก่อนเลย...
ในขณะที่เฉินเยี่ยยืนร้องไห้ คนดูบนอัฒจรรย์ก็เริ่มพูดคุยกัน
“อะไรเนี่ย? จบแล้วเหรอ? ฉันไม่ได้เห็นอะไรเลย!”
“ฉันเกลียดอะไรที่เป็นหมอกๆควันๆแบบนี้ที่สุด ดูไม่ออกว่าในนั้นทำอะไรกัน”
“ตอนหมอกน้ำแข็งสลายน่ะ ฉันเห็นสัตว์อสูรประเภทผีสองตัว แต่ไม่รู้ว่าพวกมันทำอะไรกันแน่”
“มันคือทักษะตัวตายตัวแทน อสูรล่าสมบัติใช้ตัวแทนทำเสียงสะอึกเพื่อหลอกล่อคู่ต่อสู้ให้สับสนเรื่องตำแหน่งตัวจริง แล้วตัวจริงก็หาทางโจมตีจากมุมที่ไม่ทันตั้งตัว”
เหล่าผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับสูงที่อยู่บนอัฒจรรย์สามารถมองเห็นและเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว สำหรับพวกเขาเรื่องพวกนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก
ท่ามกลางเสียงพูดคุยของผู้ชม เฉียวซางก็เดินออกจากสนามด้วยท่าทางสบาย ๆ