บทที่ 299 นายท่านของมันนี่ช่างยากจนจริงๆ!
ในตอนนั้นเอง ฉินหวันหวันก็ก้าวเท้าสวยๆเดินเข้ามาอย่างสง่างาม นางโค้งตัวเล็กน้อยให้กับกงเจวี๋ยเหมยอินด้วยท่าทางอ่อนหวานและสุภาพอย่างยิ่ง
“ท่านกงเจวี๋ย ข้าคงต้องกลับแล้ว ขอบคุณท่านที่ดูแลข้าเป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา”
แม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความโล่งอก โชคดีที่ก่อนหน้านี้นางไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ เช่นเดินเข้าไปยุยงปลุกปั่นสถานการณ์ เพราะเซียนสวรรค์ระดับสูงสองคนยังถูกจินเป่าเอ๋อฆ่าตายได้ นางที่เป็นเพียงระดับต้นจะเอาตัวรอดได้อย่างไร
เมื่อไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่ในอาณาเขตของตระกูลกงเจวี๋ยต่อไป นางคิดว่าควรกลับไปรายงานเหตุการณ์วันนี้ให้พ่อแม่ทราบโดยเร็วที่สุด…
จินเป่าเอ๋อจะเป็นศัตรูที่ใหญ่ที่สุดในอนาคตของนางแน่นอน!
กงเจวี๋ยเหมยอินมองนางแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆอย่างไม่ใส่ใจ “เข้าใจแล้ว! ถ้าอย่างนั้น ไว้พบกันใหม่”
พูดจบเขาก็เดินจากไปทันที โดยไม่สนใจท่าทีพยายามเข้าหาอย่างเป็นมิตรของฉินหวันหวันเลย แม้ว่าเขาจะยิ้มให้นาง แต่รอยยิ้มนั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ
นี่แหละคือลักษณะของกงเจวี๋ยเหมยอิน เขาปฏิบัติกับทุกคนด้วยท่าทีและสีหน้าเดียวกันเสมอ ใช้ท่าทีที่ดูอบอุ่นที่สุดพูดคำที่เย็นชาที่สุดออกมา
ฉินหวันหวันตัวแข็งไปชั่วครู่ ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้น แต่สีหน้านางยังคงเรียบเฉย นางหันไปพูดกับสาวใช้ระดับเซียนสวรรค์สองคนด้านหลังด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“กลับกันได้แล้ว!”
คำพูดที่ไร้ความอ่อนโยนนี้ต่างจากท่าทีอ่อนหวานที่นางเคยใช้กับพวกนางก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ฉินซูคิดว่านางกำลังอารมณ์เสียเพราะถูกกงเจวี๋ยเหมยอินปฏิเสธหน้า จึงไม่ได้พูดอะไร ส่วนฉินฮว่ากลับมีแววตาที่แฝงความซับซ้อน และมองไปยังทิศทางที่จินเป่าเอ๋อหายตัวไปโดยไม่พูดอะไร
ทั้งสามคนต่างคนต่างความคิด ค่อยๆเดินห่างออกไปทีละน้อย
ทางด้านจินเป่าเอ๋อ นางเลือกที่จะไม่ใช้ เรือเหาะวิญญาณและเร่งเดินทางด้วยการใช้พลังวิญญาณของตัวเองเต็มที่
นางเคยลองมาก่อนและพบว่ายิ่งนางใช้พลังจนถึงขีดจำกัดในการเดินทาง ยิ่งช่วยกระตุ้นศักยภาพของนางได้ดีขึ้น
เมื่อลงนั่งพักและฟื้นฟูพลังในภายหลัง ระดับพลังที่เต็มเปี่ยมกลับฟื้นตัวได้มากขึ้น
ดาบมู่หลิงถูกนางเก็บไว้ในคลังสมบัติในมิติของนาง
เมื่อไม่มีเจ้าของดาบไม้เล่มนี้ก็กลายเป็นเพียงศาสตราเซียนธาตุไม้ ที่พลังโจมตีไม่เพียงพอ และยังไม่มีดวงจิตแห่งดาบอีกด้วย ซึ่งสำหรับนางแล้ว แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย
แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นศาสตราเซียนอยู่ดี ถือว่าเก็บไว้ก็ยังไม่เสียหาย!
แต่มีบางเรื่องที่ทำให้จินเป่าเอ๋อเริ่มมีความคิดเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง…
เดิมทีนางคิดว่า ซูจื่ออังแค่พูดโกหกเพื่อถ่วงเวลาและหาทางหนี แต่ท่าทางเด็ดเดี่ยวและการยอมตายของเขาในตอนสุดท้ายกลับทำให้นางรู้สึกสะกิดใจเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้พูดโกหก!
ถ้าเป็นเช่นนั้น…นางคงไม่ใช่เด็กกำพร้าอย่างที่คิดมาตลอดหรือ
ในความทรงจำของนาง นางไม่เคยออกจากโลกบำเพ็ญมาก่อนเลย และก่อนอายุสิบปี นางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง จนกระทั่งวันหนึ่งมีศิษย์ของสำนักเพียวเมี่ยวผ่านมารับศิษย์ใหม่ พวกเขาประกาศว่าจะมีอาหารเลี้ยง นางจึงเดินไปลองทดสอบด้วยตัวเอง…
จากนั้นนางก็ถูกพวกเขาพาตัวไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และหลังจากผ่านการทดสอบแรกเข้า นางก็ได้เข้าร่วมสำนักเพียวเมี่ยว!
เรียกได้ว่าชีวิตของนางเคยธรรมดามาโดยตลอด จนกระทั่งนางได้พบกับซูเซียนจือ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มแย่ลง นางกลายเป็นคนหงุดหงิดและโง่เขลามากขึ้น จนชีวิตต้องพบกับจุดจบที่เลวร้าย
เมื่อลองคิดดู… ถ้าไม่มีซูเซียนจือ ชีวิตของนางอาจจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น อย่างน้อยที่สุดก็คงไม่ต้องจบชีวิตแบบน่าเศร้า!
เมื่อคิดต่อไป นางเริ่มสงสัยว่า เสน่ห์ลึกลับของซูเซียนจือ อาจจะมาจากวิชาต้องห้ามบางอย่างที่สามารถดูดซับโชคชะตาของคนรอบข้างเพื่อสร้างโชคชะตายิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง!
และเมื่อคิดถึงพิธีบูชายัญโลหิตของซูจื่ออังเมื่อก่อนหน้านี้ เสน่ห์ประหลาดของซูเซียนจือก็คงมาจากวิชานั้นเช่นกัน
ถ้าอย่างนั้น นางเป็นใครกันแน่ เจ้าของร้านหลินหลางเก๋อล่ะ รู้เรื่องอะไรบ้าง
ขณะที่นางบินด้วยความคิดฟุ้งซ่านหนึ่งวันหนึ่งคืนก็ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว…
เมื่อมาถึงสนามประลองทดสอบอีกครั้ง นางกลับถูกขวางด้วยม่านพลังโปร่งแสงที่กั้นทางเข้าไว้!
จินเป่าเอ๋อไม่ได้แปลกใจ เพราะสนามประลองทดลองแห่งนี้ แม้จะอนุญาตให้ผู้ที่อายุต่ำกว่าร้อยปีเข้าได้ แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าได้ตลอดเวลา จำเป็นต้องมีช่วงพักระหว่างรอบ
แต่นางก็ไม่รีบร้อน…
“เจ้าเปลือกหอย! ถึงตาเจ้าแล้ว!”
เมื่อถูกเรียก เจ้าหอยยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้น มันจำที่นี่ได้ดี! ที่นี่มีของกินมากมาย และโดยเฉพาะ… กระต่ายขาวตัวใหญ่ที่ครั้งก่อนมันยังไม่ได้กิน!
มันคิดถึงสิ่งนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เพราะมันจำสายตาที่จินเป่าเอ๋อคยมองมันเมื่อครั้งก่อน สายตานั้นเหมือนกำลังถามว่า“ทำไมเจ้าถึงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องกินอย่างนี้”
ดังนั้นคราวนี้มันเลยทำตัวเรียบร้อยขึ้นมาก “นายท่าน ท่านเรียกข้าหรือ”
จินเป่าเอ๋อในฐานะนายของมันที่ผูกพันธะวิญญาณร่วมกัน แม้จะไม่รู้ความคิดของมันทั้งหมด แต่นางก็รับรู้ได้ถึงความอยากกินอาหารของมันอย่างชัดเจน
นางได้แต่ถอนหายใจด้วยความจนใจกับเรื่องนี้…
"ยังจำพวกสัตว์อสูรเล็กๆครั้งที่แล้วได้ใช่ไหม เจ้า…"
ยังพูดไม่ทันจบเจ้าเปลือกหอยก็ตื่นเต้นสุดๆ มันคิดไปว่านางอนุญาตให้มันเข้าไปกินแล้ว! มันดีใจจนเปลือกหอยสั่นระริก รีบพูดแทรกขึ้นมาอย่างลิงโลด
"จำได้สิ! ทุกตัวข้าจำได้อย่างแม่นยำ! นายท่าน! โอ้โฮ! ท่านช่างใจดีต่อข้าจริงๆ! ข้าคิดถึงพวกมันมากเลย!!" …ที่จริงมันอยาก "กิน" พวกมันจนแทบตาย!
จินเป่าเอ๋อ: "…"
นางจะไม่รู้เลยหรือว่าเจ้าหอยนี่คิดอะไรอยู่ น้ำลายมันแทบจะหยดออกมาแล้ว!
แม้ในใจจะปลงตก นางก็ยังคงแสดงสีหน้าจริงจัง ก่อนพูดต่อ
"คราวนี้ เจ้าเข้าไปช่วยบอกกระต่ายตัวนั้นให้ไปตามหัวหน้าผู้คุมการทดสอบออกมาพบข้า เท่านั้นพอ อย่าไปทำให้พวกสัตว์อสูรตกใจกลัวล่ะ"
พูดจบ นางยังเตือนอีกครั้งอย่างระแวง กลัวว่าจะอดใจไม่ไหวกินกระต่ายตัวนั้นเข้าไป!
เจ้าเปลือกหอยดูผิดหวังเล็กน้อย เพราะคำสั่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเนื้อชิ้นโตมาวางไว้ตรงหน้ามัน แต่บอกว่าห้ามกิน!
จินเป่าเอ๋อสัมผัสได้ถึงความเศร้าของมัน นางอดหัวเราะไม่ได้ แต่ก็รู้สึกปวดหัวไปพร้อมกัน
นางจึงหยิบสมุนไพรที่มีพลังวิญญาณออกมาจากคฤหาสน์เซียน พร้อมกับผลึกแกนสัตว์อสูรชั้นสูงจำนวนหนึ่ง
"ลองกินนี่ดูไหม ข้างในเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ อาจจะถูกปากเจ้าก็ได้"
นางพอจะเดาออกว่วมันชอบกินพลัง มากกว่าสิ่งที่เป็นร่างกายจริงๆ มันกินเผ่ามารเพราะพลังมาร กินสัตว์อสูรเพราะพลังวิญญาณ ดังนั้นผลึกแกนสัตว์อสูรที่อัดแน่นไปด้วยพลังธาตุ ก็น่าจะตอบโจทย์มันได้บ้าง…
มันมองสิ่งของในมือของจินเป่าเอ๋อด้วยความลังเล ก่อนจะค่อยๆยื่นลิ้นยาวของมันออกมาแตะเบาๆเพื่อชิมดู แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบมากนัก
ที่สำคัญคือปริมาณนี้ดูไม่มากเท่ากับเนื้อกระต่ายตัวเดียว แถมยังมีสมุนไพร… ถึงจะมีพลังวิญญาณ แต่ดูแล้วไม่น่ากินเท่าไหร่เลย
"เฮ้อ…นายท่านของข้าช่างยากจนจริงๆ!"
แต่ไม่มีทางเลือก มันจึงได้แต่ฝืนใจรับไปก่อน…
จินเป่าเอ๋อรับรู้ถึงความผิดหวังในอารมณ์ของมัน และยังไม่ทันได้คิดต่อ ก็เห็นลิ้นยาวของมันพุ่งออกมาคว้าสมุนไพรและแกนสัตว์อสูรเข้าปากในทันที
มันยังแสร้งทำท่าทางเคี้ยวอย่างโอ้อวด ก่อนจะพยายามแสดงสีหน้าเหมือนว่า "ก็ไม่เลว"
แต่แล้ว…
ร่างของมันก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างแรง พลังวิญญาณจากแกนสัตว์อสูรธาตุไม้ระเบิดออกมาในปากของมันในทันที
ผ่านไปเพียงสามวินาที…
"อร่อย! อร่อย! อร่อยมาก! หวาน! หวานมาก! อร่อยที่สุดเลย!"
เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความพอใจและตื่นเต้นของมัน จินเป่าเอ๋อก็วางใจในที่สุด คิดว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะถูกใจ
นางมีแกนสัตว์อสูรและแกนพลังงานอีกมากในมิติของนาง คงเลี้ยงมันได้โดยไม่ลำบากเกินไป
เจ้าเปลือกหอยที่ได้ประโยชน์เต็มที่ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป รีบพุ่งตัวเข้าไปในสนามประลองทดลองทันที มันใช้สัมผัสของมันตามหากระต่ายขาวตัวใหญ่ที่มันจำกลิ่นได้อย่างแม่นยำ
ไม่เสียเวลาคิดเลย! ท้ายที่สุดก็เป็นกระต่ายที่มันหมายตาไว้ตั้งแต่ครั้งก่อน ใครจะลืมได้ล่ะ
กระต่ายที่ถูกหมายตา "ฮึ! ขอบคุณที่ยังจำข้าได้นะ!"
จินเป่าเอ๋อยืนรออยู่ด้านนอกอย่างสงบ นางหยิบหยกบันทึกขึ้นมาเริ่มเขียนบันทึกความรู้เกี่ยวกับยันต์ต่ออย่างไม่เร่งรีบ
ในใจนางรู้สึกปลงเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะนางเอ็นดู "เจ้าหัวไชเท้า" นางคงไม่เสียเวลาไปทำเรื่องที่ทั้งเหนื่อยและไม่คุ้มค่าแบบนี้แน่นอน…