บทที่ 287 เจ้าหนูจอมงก
เด็กชายตัวเล็กพินิจมองจินเป่าเอ๋ออย่างละเอียดอีกครั้ง เขาเห็นว่าบนศีรษะของนางมีเพียงปิ่นหยกที่ดูเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ส่วนเสื้อผ้าดูไม่ชัดว่าเป็นวัสดุอะไร แต่แผ่กลิ่นอายของพลังที่บ่งบอกว่าเป็นเสื้อผ้าระดับสูง ข้อมือของนางไม่มีเครื่องประดับ ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความลึกลับ
สรุปในใจ: 'ผู้บำเพ็ญเพียรที่มีเงินไม่น้อย!'
เด็กชายตัวเล็กดีใจจนเผลอยิ้มออกมา เพราะสำนักของเขาไม่ได้รับงานมานานมากแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงต้องออกไปขอทานเลี้ยงชีพ!
“เชิญท่านเซียนด้านใน ข้าจะรีบไปแจ้งอาจารย์ของข้า!”
พูดจบ เด็กชายก็วางไม้กวาดพาดบ่า เปิดประตูต้อนรับจินเป่าเอ๋อเข้ามาในสำนัก จากนั้นก็รีบวิ่งหายไปเพื่อตามตัวอาจารย์
จินเป่าเอ๋อไม่พูดอะไร นางกวาดตามองรอบๆเห็นน้ำชาคุณภาพธรรมดาที่วางอยู่บนโต๊ะไม้หอมชั้นดี นางเก็บสายตากลับพร้อมความคิดในใจ
“สำนักนี้จนมาก…”
แม้จะมีเครื่องใช้ชั้นดี แต่สภาพโดยรวมของสำนักกลับดูทรุดโทรม พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง แต่ทั้งสำนักมีคนอาศัยอยู่ไม่เกินสามคน
หากไม่ได้จ่ายเงินให้หลินหลางเก๋อเพื่อซื้อข้อมูล นางคงคิดว่าตัวเองโดนหลอกแล้วแน่ๆ
ไม่นาน เด็กชายตัวเล็กก็มาพร้อมกับชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ของเขา ทั้งสองโผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง เด็กชายทำหน้าเคร่งเครียดและจ้องมองอาจารย์ของเขาด้วยท่าทีจริงจังราวกับออกคำสั่ง (หรือข่มขู่)
“จำคำที่ข้าพูดเมื่อกี้ได้ไหม นี่เป็นงานแรกในรอบสองเดือน หากท่านทำพังอีก เดือนหน้าก็เตรียมตัวดื่มน้ำลมหนาวแทนข้าวเถอะ!”
ชายวัยกลางคนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ พลางพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“เข้าใจแล้ว! เข้าใจแล้ว!”
จากนั้นก็พึมพำเบาๆด้วยความไม่พอใจ “ตกลงข้าเป็นอาจารย์หรือเจ้าเป็นอาจารย์กันแน่”
เมื่อเด็กชายตัวเล็กได้ยินคำบ่นนั้น ใบหน้าก็พลันมืดลงทันที เขามองอาจารย์ของตัวเองด้วยสายตาอัดแน่นไปด้วยความผิดหวัง
“สองเดือนก่อนท่านทำลูกค้าหนีไป ข้าขาดทุนไปสิบผลึกวิญญาณ! สามเดือนก่อนท่านด่าลูกค้าอีกสองคนจนพวกเขาหนีไป ข้าขาดทุนไปสิบห้าผลึกวิญญาณระดับกลาง! ครึ่งปีที่ผ่านมา ท่านรับงานได้แค่สองงาน รวมแล้วได้เงินไม่ถึงห้าผลึกวิญญาณระดับกลาง! ถ้าวันนี้ท่านทำพังอีก ข้าจะขายไม้แกะสลักทั้งหมดของท่านแน่!”
ชายวัยกลางคนได้ยินดังนั้น ถึงกับรีบส่ายหัวด้วยความหวาดกลัว สุดท้ายก็พยักหน้ารับอย่างจำใจ พร้อมกับใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้
จินเป่าเอ๋อใช้พลังจิตสัมผัสจับความเคลื่อนไหวทั้งหมดในสำนัก เห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่างชัดเจน
นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า 'นี่มันสำนักที่ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย แล้วคนแบบนี้จะหลอมดาบจั่นหุนของข้าให้กลายเป็นอาวุธระดับเซียนได้จริงหรือ'
ความลังเลแทรกเข้ามาในใจของนาง
ไม่นาน ชายวัยกลางคนที่ดูมีท่าทีสงบนิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
เด็กชายตัวเล็กเดินตามหลังเขาด้วยท่าทีเรียบร้อยนอบน้อมจนผิดหูผิดตา ต่างจากท่าทีเอาเรื่องเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
“เจ้าคือ...แค่กๆ!”
ชายวัยกลางคนเพิ่งเริ่มพูดได้เพียงไม่กี่คำ เด็กชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ไอหนักๆพร้อมกับใช้มือเล็กๆบีบต้นขาของเขาอย่างแรง
แม้มือจะเล็กแต่แรงที่ใช้กลับมหาศาลจนทำให้ชายวัยกลางคนหน้าบิดเบี้ยวไปทันที ใครที่ไม่รู้คงคิดว่าเขาป่วยหนัก!
จินเป่าเอ๋อ: “…”
'นี่ข้าคิดถูกแล้วหรือ ที่จะให้คนพวกนี้หลอมดาบจั่นหุนของข้า' นางคิดในใจด้วยความสงสัย
เด็กชายตัวเล็กเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ปกติ ก็รีบปล่อยมือ แล้วหันมายิ้มใสซื่อให้จินเป่าเอ๋อ
“ท่านเซียนต้องอภัยด้วย อาจารย์ของข้าช่วงนี้ยุ่งมาก ทำให้สมาธิเขาไม่ค่อยดีนัก! ขอประทานทราบชื่อของท่านเซียนได้หรือไม่”
ประโยคนี้พูดออกมาอย่างเป็นงานเป็นการ จนแม้แต่จินเป่าเอ๋อยังต้องยอมรับว่าฟังดูดีมาก แต่นางเองก็ไม่ได้หลงเชื่อ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่นางใช้พลังจิตสัมผัส นางเห็นชายวัยกลางคนคนนี้กอดท่อนไม้หลับสบายอยู่!
แม้จะรู้อย่างนั้น แต่เมื่อมาถึงแล้ว นางก็คิดว่าควรลองดู เผื่อชายคนนี้จะมีความสามารถที่ซ่อนอยู่จริงๆ
“ข้าชื่อจินเป่าเอ๋อ ต้องการมาคุยกับท่านฉู่เทียนหลิน ไม่ทราบว่า…”
เด็กชายตัวเล็กตาวาวขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำตอบจากนาง สายตาที่เขามองนางนั้นราวกับเห็นเงินก้อนโต! เขารีบผลักอาจารย์ของตัวเองไปข้างหน้า
ชายวัยกลางคนที่ตั้งท่าจะปฏิเสธตั้งแต่แรกจำต้องยอมพูดออกมาด้วยความไม่เต็มใจ เพราะโดนลูกศิษย์บีบคั้น
“อย่างนั้นหรือ… ถ้าให้ข้าลงมือเอง ค่าจ้างคงไม่ถูก อย่างน้อยที่สุดก็ต้องจำนวนนี้!”
พูดจบ เขายกมือขึ้นชูห้านิ้วอย่างภาคภูมิ ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทีที่แสดงชัดว่า “ข้าจะเรียกแพงที่สุด!”
เด็กชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับหน้าเสียไปทันที สีหน้าของเขาซีดเผือด และมองจินเป่าเอ๋อด้วยความกังวล กลัวว่านางจะรับไม่ได้และเดินหนีไป
'นั่นมันเงินของข้านะ!!' เขาคิดในใจพร้อมกับคำอ้อนวอนถึงสวรรค์
ราวกับคำอธิษฐานของเขาได้รับการตอบรับ หญิงสาวตรงหน้ากลับไม่มีทีท่าหงุดหงิดหรือไม่พอใจ นางพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสงบ
“ห้าสิบผลึกวิญญาณระดับกลางหรือ ได้!”
ขณะที่พูด จินเป่าเอ๋อก็พยักหน้าเบาๆ เพื่อแสดงความเห็นด้วย
ชายวัยกลางคนถึงกับตะลึงตาค้าง นิ้วทั้งห้าที่ชูขึ้นมากระตุกเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า นิสัยขี้เกียจพูดของตัวเองก็มีข้อดีเหมือนกัน!
ส่วนเด็กชายตัวเล็กนั้นยิ่งดีใจจนแทบกระโดด สายตาที่มองจินเป่าเอ๋อเต็มไปด้วยความเคารพและซาบซึ้ง
เมื่อจินเป่าเอ๋อเห็นปฏิกิริยาของทั้งคู่ก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ถ้าผลงานออกมาดี งานสำเร็จตามที่ข้าต้องการ ข้ายินดีจ่ายเพิ่มอีกสามเท่า ขอเพียงท่านสามารถสร้างสิ่งที่ข้าต้องการได้”
คำพูดนั้นทำให้ชายวัยกลางคนตื่นเต้นจนใบหน้าหยาบกร้านของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ
ร่างกายสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีงานที่ดีขนาดนี้เข้ามา!
แต่เด็กชายตัวเล็กกลับนิ่งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ค่อยๆคลายลง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อนและสงสัย
เขาจ้องมองจินเป่าเอ๋อด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆด้วยน้ำเสียงที่แฝงความระแวดระวัง
“ท่านเซียน… ท่านพูดจริงหรือไม่”
“ท่านเซียนอาจยังไม่ทราบ สำนักของพวกเราจริงๆแล้วเป็นเพียงสำนักเล็กๆเท่านั้น อาจารย์ของข้ามีฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจมากนัก หากงานที่ท่านต้องการมีจำนวนมากเกินไป หรือข้อกำหนดสูงจนเกินไป เกรงว่าคงยากที่จะทำสำเร็จ แม้จะได้เงินมากเพียงใดก็ไม่อาจรับไว้ได้…”
ความหมายแฝง: “หากสิ่งที่ท่านต้องการหลอมมีมูลค่ามากเกินไป หรือที่มาคลุมเครือ พวกเราก็จะไม่รับงาน ไม่ว่าจะจ่ายเท่าใดก็ตาม!”
เมื่อจินเป่าเอ๋อได้ยินคำพูดนี้ จึงหันไปมองเด็กชายตัวเล็กอย่างจริงจัง แววตานางฉายความประหลาดใจและชื่นชมออกมา
แม้ว่าภายนอกเขาจะดูเหมือนเด็กอายุเพียง 7-8 ขวบ แต่ความระมัดระวังและความไม่โลภมากกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งแม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรที่มีชีวิตยืนยาวมาหลายร้อยหรือพันปี ยังอาจไม่มีนิสัยเช่นนี้
แม้แต่ชายวัยกลางคนเองก็หันไปมองเด็กชายด้วยความตกตะลึง เขารู้ดีที่สุดว่าเด็กชายตัวเล็กคนนี้ปกติเป็นคนโลภมากแค่ไหน ถ้ามีงานเข้ามา เขาจะรีบเร่งให้เขารับงานทันทีโดยไม่สนอะไรเลย แต่คราวนี้กลับมีท่าทีลังเลและถึงกับจะปฏิเสธงานงั้นหรือ
จินเป่าเอ๋อเข้าใจความกังวลของเขา ใบหน้าที่ปกติเรียบเฉยก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมาเล็กน้อย
“ไม่ต้องกังวล ข้าต้องการเพียงยกระดับอาวุธประจำตัวของข้าเท่านั้น วัสดุทั้งหมดข้าได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และล้วนเป็นวัสดุที่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่มีที่มาที่คลุมเครือแต่อย่างใด เจ้าของร้านหลินหลางเก๋อเป็นผู้แนะนำให้ข้ามาพบท่านผู้นำสำนัก ข้าจึงมาเยือนอย่างไม่เกรงใจ”
เด็กชายตัวเล็กได้ยินดังนั้นก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่เมื่อพิจารณาถึงราคาที่อีกฝ่ายเสนอมา ก็เดาได้ว่าของที่ต้องการหลอมต้องเป็นสิ่งที่มีระดับสูงไม่น้อย เขาหันไปมองอาจารย์ตัวเองพลางคิดในใจว่า “อาจารย์คงทำไหว…มั้ง”
เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “ท่านเซียนช่วยนำของออกมาให้อาจารย์ข้าดูก่อน หากพอทำได้ เราค่อยเจรจากันต่อ แต่หากทำไม่ได้ ท่านก็สามารถไปหาผู้ที่เหมาะสมกว่าได้ ท่านคิดว่าอย่างไร”
คำพูดนี้ทำให้ชายวัยกลางคนหน้าดำคล้ำขึ้นทันที แสดงถึงความเจ็บปวดใจที่ศิษย์ของตนไม่เชื่อมั่นในฝีมือของเขา!
แม้แต่จินเป่าเอ๋อ ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเด็กชายตัวเล็กคนนี้อีกครั้งในใจ 'ฉลาด รอบคอบ มีพรสวรรค์ แถมนิสัยยังสุขุม…'