บทที่ 162: ไอ้เเพทย์อสูรกระจอก!
บทที่ 162: ไอ้เเพทย์อสูรกระจอก!
หลังจากนั้น รถไฟก็แล่นไปเรื่อยๆจนสภาพโดยรอบกลายเป็นทุ่งร้างว่างเปล่าที่ไร้ร่องรอยของอสูรร้าย
ทันใดนั้น เสียงประกาศก็ดังขึ้น
“เข้าสู่เขตปลอดภัยแล้ว ทุกคน…พักผ่อนได้”
ทุกคนได้มารวมตัวกันที่ตู้โดยสารหมายเลข 8 เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ รับประทานขนม และจิบชาเลมอนร้อนๆ
ฉินเยี่ยนหรันนั่งข้างเซียวซิงหยู เเล้วแบ่งขนมปังให้เขา
“พี่เยี่ยนหรัน ผมไม่หิว”
“โกหก เธอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย พี่เห็นนะ”
เซียวซิงหยูไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของพี่สาว เขาจึงรับขนมปังมาทานอย่างช่วยไม่ได้
“กินช้าๆ เดี๋ยวก็ได้ติดคอหรอก”
เห็นเศษขนมปังติดอยู่ที่มุมปากเซียวซิงหยู ฉินเยี่ยนหรันก็หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดให้เขาอย่างเอาใจใส่
ณ เวลานี้…สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่พวกเขา ถึงเซียวซิงหยูจะหน้าด้านแค่ไหน เขาก็ยังอดรู้สึกเขินอายไม่ได้
“พี่เยี่ยนหรัน ผมเช็ดเองได้ ผมไม่ใช่เด็กสามขวบซะหน่อย”
“ในสายตาพี่ เธอก็คือเด็กสามขวบนั่นแหล่ะ…อ้าปากสิ พี่จะป้อนให้”
ปกติฉินเยี่ยนหรันจะดูเป็นหญิงแกร่ง ราวกับแม่ทัพใหญ่…แต่เมื่ออยู่กับเซียวซิงหยู เธอมักจะแสดงด้านที่อ่อนโยนออกมาเสมอ
“เซียวหยู พี่ไม่ได้อวยเธอนะ ด้วยความสามารถที่ฆ่าอนาคอนด้ามงกุฎระดับสมบูรณ์ได้ด้วยตัวคนเดียว…ระดับของเธอตอนนี้ถึงขั้นปรมาจารย์อสูรสามดาวแล้วล่ะ”
ที่จริงฉินเยี่ยนหรันพูดอย่างยั้งๆไว้แล้ว
ในความเป็นจริง ปรมาจารย์อสูรระดับสามดาวที่ต้องเจอกับอสูรอย่างอนาคอนด้ามงกุฎ ก็ต้องต่อสู้กันอย่างน้อยสามสิบยกถึงจะชนะ แถมตัวอสูรของเขาก็มีโอกาสได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่สำหรับเซียวซิงหยู เทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์สี่ปีกของเขาใช้แค่กระบวนท่าเดียวก็จัดการอนาคอนด้ามงกุฎได้เเล้ว…นี่มันเรียกได้ว่าเหนือความคาดหมาย!
“พี่เยี่ยนหรัน หลังสอบกลางภาคเสร็จ ผมจะไม่สอบเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์อสูรระดับสามดาวหรอกนะ”
เซียวซิงหยูพูดจบ ฉินเยี่ยนหรันก็ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกทันที
“หา? พี่ฟังผิดไปรึเปล่า? ระดับของเธอน่าจะถึงสามดาวแล้ว ทำไม…”
“เพราะผมจะข้ามระดับสามดาว เเล้วไปสอบเป็นปรมาจารย์อสูรระดับสี่ดาวเลย”
คำพูดของเซียวซิงหยูทำให้ฉินเยี่ยนหรันตกตะลึงจนพูดไม่ออก
หลังจากตั้งสติได้ ฉินเยี่ยนหรันก็ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“เซียวหยู เอาจริงเหรอ?”
เซียวซิงหยูยิ้ม เเล้วพยักหน้า
ฉินเยี่ยนหรันสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความตกตะลึง
“เซียวหยู ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ พี่คงจะคิดว่าคนคนนั้นเพ้อเจ้อ”
“แต่เมื่อน้องเป็นคนพูด…พี่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อได้เลย”
“ถึงอย่างไร, เธอก็ได้สร้างปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้ขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า เเถมชอบทำให้พวกเราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ทุกทีไป”
ฉินเยี่ยนหรันเอ่ยชมเซียวซิงหยู เเล้วโอบไหล่เขาด้วยความเอ็นดู
ณ ขณะนี้…เซียวซิงหยูวางแผนไว้แล้วว่าหลังสอบกลางภาคเสร็จ เขาจะฝึกฝนอีกประมาณหนึ่งเดือน แล้วไปสอบเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์อสูรระดับสี่ดาว
พี่น้องคุยกันได้สักพัก ดวงตาของฉินเยี่ยนหรันก็เริ่มเป็นประกายสดใส
“เซียวหยู อนาคตของเธอต้องสดใสแน่ๆ…โตขึ้นอย่าลืมพี่สาวคนนี้นะ~”
“ไม่ลืมหรอกครับพี่เยี่ยนหรัน”
“แต่งงานไปแล้วก็อย่าลืมพี่ล่ะ!”
“ครับ”
เเต่ฉินเยี่ยนหรันยังคงไม่วางใจ จับมือเซียวซิงหยูแน่น แล้วพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ไม่ได้ พี่ยังไม่วางใจ กลัวว่าเธอแต่งงานไปแล้วจะลืมพี่”
“แล้วพี่อยากให้ผมทำยังไงล่ะครับ?”
“งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าเธอจะแต่งงาน ก็แต่งกับพี่ด้วยเลย!”
“เเค่กๆพี่เยี่ยนหรัน อย่าล้อเล่นสิครับ” เซียวซิงหยูไอจนหน้าแดงก่ำ
“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมอย่างเธอมีภรรยาสักหลายคนก็ไม่เห็นจะเป็นไร ถือว่าช่วยเพิ่มประชากรที่มีคุณภาพให้ประเทศชาติ!”
“เอ่อ…” เซียวซิงหยูถึงกับพูดไม่ออกกับตรรกะของพี่สาวคนนี้
เห็นเซียวซิงหยูเขินอาย ฉินเยี่ยนหรันก็ยิ่งได้ใจ เเล้วดึงหัวเขาไปซบที่หน้าอกอันมโหฬาร
“น้องเซียวหยู เธอก็สัมผัสได้นี่ พี่หุ่นดีมากเลยนะเห็นใหม!”
“เเละมันยังมีคำโบราณที่ว่ายิ่งก้นใหญ่ยิ่งคลอดลูกง่าย!”
“ดังนั้นวางใจเถอะ พี่จะให้ลูกชายอ้วนๆให้เธอหลายคนเลย!”
เซียวซิงหยูที่ใบหน้าซบอยู่บนหน้าอกนุ่มๆของฉินเยี่ยนหรัน พยายามต่อต้านอย่างมาก
“เซียวซิงหยู ตั้งสติไว้ อย่าหลงไปเข้าร่วมเชียว!”
ท่ามกลางความสุขและความทรมาน เซียวซิงหยูพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย
เเละฉากนี้ทำให้เพื่อนรักของเซียวซิงหยูอย่าง อู๋เซิงโหย่วและซ่งหู่กระซิบกระซาบกันทันที
“เจ้าอู๋ มาพนันกันไหม?”
“เอาสิ”
“ฉันพนันว่าลูกคนแรกจะเหมือนพ่อ”
“ฉันพนันว่าจะเหมือนแม่”
เซียวซิงหยู : (-_-)
……
หลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกดิน เเละความมืดเริ่มปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ขบวนรถไฟก็ได้จอดที่สถานี "ทะเลสาบจันทร์เสี้ยว"
เมื่อถึงสถานีนี้ ทุกคนก็ลงจากรถไฟ เเล้วไปยังห้องพักที่อยู่ใกล้ๆชานชาลาเพื่อพักผ่อน
ฉินเยี่ยนหรันประกาศเสียงดัง “รถไฟจะจอดที่สถานีนี้ 30 นาที ทุกคนพักผ่อนตามสบาย”
“เเละถ้านักเรียนคนไหนอสูรได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ ก็รีบไปหาเเพทย์อสูรเพื่อรับการรักษานะ”
แพทย์อสูรที่เดินทางมากับกิลด์นภาในครั้งนี้คือหลินเยว่ คนที่เคยมีเรื่องกับเซียวซิงหยูบนรถไฟช่วงก่อนหน้านี้
“คุณหมอหลิน อสูรของฉันซี่โครงหัก”
“คุณหมอหลิน ทางนี้ต้องการความช่วยเหลือ!”
“คุณหมอหลิน…”
แม้การต่อสู้ที่หุบเขาห้าพิษจะไม่มีใครเสียชีวิต แต่อสูรหลายตัวก็ได้รับบาดเจ็บ
ยิ่งไปกว่านั้น อสูรที่อาศัยอยู่ในหุบเขาห้าพิษล้วนเป็นอสูรธาตุพิษ หากอสูรถูกโจมตี…อสูรของเหล่านักเรียนย่อมได้รับพิษมาทั้งหมด
เเละในเวลานี้ หลินเยว่กำลังฝังเข็มรักษาสิงโตแดงตัวหนึ่ง
เนื่องจากอสูรมักจะมีผิวหนังหนา เครื่องมือที่ใช้ฝังเข็มจึงดูใหญ่โตมาก
เข็มเงินแต่ละเล่มยาวกว่ายี่สิบเซนติเมตร…เเละที่เป็นเเบบนี้ก็เพื่อให้เข็มสามารถแทงทะลุเกล็ดและผิวหนังของอสูรไปยังจุดฝังเข็มที่ต้องการได้
“อ๊าาาาาาา!!!!”
สิงโตแดงคำรามด้วยความเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว
“คุณหมอหลิน คุณฝังเข็มแรงไปหรือเปล่าครับ…เลือดมันไหลออกมาเเล้ว”
ปรมาจารย์อสูรที่ยืนดูอยู่ทนไม่ไหว เเละเขาคือเพื่อนร่วมชั้นของเซียวซิงหยู…หลี่เล่อเล่อ
แต่หลินเยว่ไม่สนใจอีกฝ่าย เขายังคงฝังเข็มอย่างรุนแรงต่อไป
สิงโตแดงส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา แต่มันถูกเครื่องมือแพทย์ตรึงแขนขาไว้ จึงทำอะไรไม่ได้…ทำได้แต่ปล่อยให้หลินเยว่ฝังเข็มไปทั่วทั้งร่าง
ในที่สุด หลี่เล่อเล่อก็ทนไม่ไหว เเล้วตะโกนทันที “คุณหมอหลิน คุณทำเกินไปแล้ว…คุณกำลังรักษาหรือทำร้ายอสูรของผมกันแน่!”
หลินเยว่เงยหน้ามองหลี่เล่อเล่อ เเล้วแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“นี่เเก….เป็นเเพทย์อสูรรึไง?”
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น คุณฝังเข็มเบาๆหน่อยไม่ได้เหรอ อสูรของผ มก็บาดเจ็บอยู่แล้ว คุณยังทำรุนแรงกับมันอีก”
เเต่หลินเยว่ก็ยังจงใจเพิ่มแรงกดในการฝังเข็มจนเสียงร้องของสิงโตแดงดังขึ้นมาอีกรอบ
“คุณหมอหลิน หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“เจ้าเด็กนี่ ฉันเป็นเเพทย์อสูรมืออาชีพนะ…การฝังเข็มแรงๆแบบนี้เเหล่ะถึงจะกระตุ้นจุดฝังเข็มเเล้วทำให้อสูรของเเกหายเร็วขึ้นได้”
“แต่ทุกครั้งที่คุณฝังเข็ม เลือดมันไหลออกมา…”
หลินเยว่เริ่มหมดความอดทน เขาจึงตะคอกอย่างรุนแรง “เเกมันเด็กน้อย…ไม่รู้อะไรสักอย่าง ก็หลบไปเลย!”
หลี่เล่อเล่อเป็นแค่นักเรียน เมื่อโดนหลินเยว่ตะคอกใส่ เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
แต่เมื่อเห็นอสูรของตัวเองร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาของเขาก็เริ่มเอ่อคลอออกมา
“คุณหมอหลิน ฝีมือของคุณแย่มาก เข็มเมื่อกี้ไม่โดนจุดฝังเข็ม แถมยังแทงทะลุเยื่อกะบังลมของสิงโตแดงอีกต่างหาก”
หลินเยว่หยุดมือ เเล้วเงยหน้าขึ้นมองตาเสียง
ทันใดนั้น เขาก็เห็นเซียวซิงหยูที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา
“เซียวซิงหยู…เเกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร!”
“ฉันกำลังพูดว่าฝีมือคุณห่วยมาก”
“ได้ยินไหม…ไอ้เเพทย์อสูรกระจอก!”
…………………..