บทที่ 122 ภาระหน้าที่
เรื่องนี้จะมีตอนฟรีทั้งหมด 1-200 ตอน และ....ถ้ายอดกดไลก์เพิ่ม 100 ก็จะแถมให้ฟรี 20 ตอนครับ (ปล.เริ่มนับจาก 8700 นะ เช่นขึ้นไป 8800 ก็บวกให้ 20 ตอน ถ้ายอดมันขึ้นยันจบเรื่อง ก็เปิดให้ฟรีหมดอะ)
*ครบหมื่น แถม 100 ตอนไปอีก เอาเป็นว่าจำกัดวันด้วยแล้วกัน เพราะงี้ถ้าเกิดครบขึ้นมาแบบ 2 ปีต่อมาลืมแหง เอาถึง 1/4/2568 นะครับ ก็คือ 1 เมษายน*
แฟนเพจกดไลก์ได้ที่ ยักษาแปร | Facebook
บทที่ 122 ภาระหน้าที่
「เลขาฯเหรอ?」
หลินเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หันไปมองหวังเกอ:
「คุณจ้าวเคยปฏิเสธการจ้างเลขาฯอย่างหนักแน่น…ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วเหรอ?」
「ผมว่าคุณจ้าวน่าจะอยากได้เลขาฯมานานแล้ว แค่หาคนที่ไว้ใจได้และกล้าใช้ยากเท่านั้นแหละครับ」หวังเกอยิ้มอย่างมีเลศนัย:
「เรื่องเลขาฯคนเก่าของคุณจ้าว คุณน่าจะเคยได้ยินมาบ้างนะครับ ถึงเราจะไม่รู้ว่าระหว่างสองคนนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่ผมว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลลับและเอกสารสำคัญของบริษัทที่รั่วไหลอย่างแน่นอน」
「ดังนั้นหลังจากนั้น คุณจ้าวเลยติดตั้งประตูรหัสล็อคไว้ที่ห้องทำงาน และห้ามไม่ให้ใครเข้าไปแม้แต่คนทำความสะอาด! รหัสประตูนั้นมีเพียงคุณจ้าวคนเดียวเท่านั้นที่รู้…ลองคิดดูสิครับว่าคุณจ้าวไม่ไว้ใจคนอื่นขนาดไหน!」
「แต่ไม่รู้ว่าเพราะช่วงนี้คุณทำงานได้ดี ช่วยคุณจ้าวแก้ปัญหาหลายอย่างหรือเปล่า…ทำให้คุณจ้าวรู้สึกดีกับคุณ บางอย่างคุณอาจจะมองไม่เห็น แต่เราทำงานกับคุณจ้าวมานานแล้ว แค่แวบเดียวก็รู้ได้เลยว่าคุณจ้าวไว้ใจคุณมากแค่ไหน」
「ฉะนั้น……」
หวังเกอโอบไหล่หลินเสวียน หัวเราะคิกคัก:
「คว้าโอกาสนี้ให้ดีนะหลินเสวียน! ถึงตอนนี้คุณจะมีเงินมากมายแล้วก็เถอะ แต่การหาเงินง่ายกว่าการรักษาเงินไว้เยอะ…ถ้าไม่มีการวางแผนที่ดีและความรู้ความเข้าใจทางธุรกิจ เงินเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้หรอก」
「ลูกคนรวยหลายคนใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยไปกับการกินเหล้าเที่ยวเตร่ตลอดชีวิต ก็ใช้เงินไม่หมด แต่ดันหัวร้อนอยากพิสูจน์ตัวเอง อยากลงทุนทำธุรกิจ…ทรัพย์สินที่สั่งสมกันมาหลายชั่วอายุคนก็พังพินาศลงได้ ตัวอย่างแบบนี้มีให้เห็นเยอะแยะไปหมด」
「คุณจ้าวเก่งเรื่องธุรกิจมากเลยนะ คุณเป็นเลขาฯ เธอ คุณก็จะได้เรียนรู้เรื่องกลยุทธ์ทางธุรกิจและประสบการณ์จากเธอด้วย สำหรับคุณตอนนี้ นี่แหละคือสิ่งที่มีค่าที่สุด」
「เรื่องนี้ยังไม่แน่นอน คุณจ้าวเองก็ยังกำลังพิจารณาอยู่ เอาเป็นว่าคุณรู้เรื่องนี้ก็พอแล้ว อย่าไปบอกใครนะ!」
……
พี่หวังพูดจบก็จากไป
หลินเสวียนขึ้นลิฟต์ตรงไปชั้น 20 ที่ห้องทำงานของตัวเอง เดินเข้าไปนั่งลงที่โต๊ะทำงาน
「ไม่ตั้งใจปลูกไผ่ แต่ไผ่กลับโตขึ้นจนงามไสวเสียอย่างนั้น 」
หลินเสวียนพึมพำ
ตามที่พี่หวังบอก คุณจ้าวอิงจวิ้นอยากให้เขาไปเป็นเลขาฯ สำหรับสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ นี่ถือเป็นข่าวดีจริง ๆ
ช่วงนี้เขาพยายามอย่างหนัก และกังวลใจอยู่ตลอดว่าจะทำยังไงถึงจะได้ใจคุณจ้าวอิงจวิ้น
แต่ไม่คิดว่าจะได้อย่างไม่ตั้งใจ การแข่งรถเอาเป็นเอาตายเมื่อวานนี้ ทำให้คุณจ้าวอิงจวิ้นไว้ใจเขามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเปิดตัวแบรนด์ใหม่ของไรน์ ปริมาณงานของบริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พลังของเธอคนเดียวไม่เพียงพอ รับมือไม่ไหวแล้ว
ดังนั้น…
เธอจึงอยากให้เขาไปเป็นเลขาฯ
หลินเสวียนไม่รู้ว่าคุณจ้าวอิงจวิ้นกับพี่หวังคุยกันยังไง แต่เมื่อพวกเขาระบุเรื่องนี้แล้ว คุณจ้าวอิงจวิ้นคงจะมาคุยเรื่องนี้กับเขาในเร็ว ๆ นี้
เขาแค่รอวันนั้นก็พอ
「ในที่สุด…ก็จะได้เห็นบัตรเชิญของสโมสรอัจฉริยะเสียที!」
หลินเสวียนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงาน หายใจออกยาว
ตลอดมา…
นานเหลือเกิน…
การสืบหาความจริงเกี่ยวกับสโมสรอัจฉริยะ การสืบสวนคดีฆาตกรรมสวี่หยุนก็ไม่คืบหน้าเลย ติดขัดอยู่ตรงนี้มาตลอด
เพราะเรื่องราวหลายอย่างยังไม่กระจ่าง ตัดสินใจอะไรไม่ได้ลงตัว
แต่เพียงแค่ได้เห็นบัตรเชิญใบนั้น…บางทีปริศนาส่วนใหญ่ก็อาจจะคลี่คลายทันที
หลินเสวียนหลับตาลง เริ่มนึกภาพว่าบัตรเชิญใบนั้นจะมีอะไรเขียนอยู่บ้าง
ก่อนอื่นเลย เนื่องจากเป็นบัตรเชิญ ก็ต้องมีข้อมูลพื้นฐานบ้างล่ะนะ?
ข้อมูลเหล่านั้น แม้จะสั้นแค่ไหน ก็ถือเป็นข้อมูลสำคัญมาก
อย่างน้อยก็สามารถวิเคราะห์ลักษณะ จุดประสงค์ และองค์ประกอบของสโมสรอัจฉริยะได้
แล้ว…
จะมีข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการ เวลา และสถานที่จัดงานของพวกเขาด้วยไหมนะ?
「เอาเป็นว่า รู้ข้อมูลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี」
หลินเสวียนลืมตาขึ้น
ตอนนี้ปริศนาของสโมสรอัจฉริยะ ไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดาในชีวิตจริงเท่านั้น
ดวงจันทร์ดำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าในอีก 600 ปีข้างหน้า ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้เช่นกัน
สโมสรอัจฉริยะในปี 2023 กับสโมสรอัจฉริยะในปี 2624 เป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันหรือเปล่า?
พวกเขายังคงยึดมั่นในอุดมการณ์เดิมอยู่หรือไม่?
แผนการอะไรหนอ…ที่ยิ่งใหญ่และยาวนานขนาดต้องใช้เวลาถึง 600 ปีจึงจะสำเร็จ?
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ…
สโมสรอัจฉริยะนั้นอยู่ที่ไหนกัน? พวกเขาอยู่บนโลกใบนี้มานานแค่ไหนแล้ว?
「หวังว่าจ้าวอิงจวิ้นจะบอกรหัสประตูห้องทำงานของฉันเร็ว ๆ นี้เถอะนะ。」
นึกถึงรหัสผ่านขึ้นมาได้แล้ว
หลินเสวียนนึกถึงตู้เซฟโลหะผสมฮาฟเนียมในฝันอีกครั้ง นึกถึงซีซีที่แน่วแน่
ตอนนี้ดูเหมือนว่าวิธีเดียวที่จะเปิดตู้เซฟที่เขียนชื่อตัวเองไว้ได้ ก็คือการแอบเข้าไปในธนาคารเทมส์ในเมืองใหม่ตงไห่ แล้วก่อนที่รถเก็บขยะจะขนตู้เซฟโลหะผสมฮาฟเนียมไปในตอนกลางคืน ก็ต้องรีบไขรหัสและเปิดมันให้ได้
หลินเสวียนมั่นใจในรหัส 29990203 มากทีเดียว
ช่วงนี้
เขาแทบจะทุกวันเลยที่ย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก บังคับตัวเอง เตือนตัวเอง ล้างสมองตัวเอง เพื่อให้ตัวเองในอนาคตต้องตั้งรหัสตู้เซฟเป็นแบบนี้ให้ได้
แม้แต่ตู้เซฟในห้องทำงาน เขาก็อยากจะตั้งรหัสเป็น 29990203 เสียเหลือเกิน
แต่ว่า…
การออกแบบรหัสของตู้เซฟนี้มันแปลก ๆ เป็นรหัสหมุนหกหลัก ไม่ใช่แปดหลัก
「คืนนี้ ไปหาซีซีต่อดีกว่า」
หลินเสวียนจัดการงานเสร็จเรียบร้อย แล้วก็มอบหมายงานให้กับสมาชิกทีมย่อย ก่อนจะเตรียมตัวเลิกงาน
เขายังมีความหวังอยู่บ้าง
เมื่อชะตาชีวิตของจ้าวอิงจวิ้นเปลี่ยนไปแล้ว ประวัติศาสตร์เดิมก็ถูกเขียนขึ้นใหม่…
แล้วโลกอนาคตอีก 600 ปีข้างหน้าล่ะ? บริษัท MX ยังคงดำเนินกิจการอยู่ไหมนะ? เมืองตงไห่ใหม่ยังคงอยู่หรือเปล่า?
หลังจากกลับบ้านแล้วก็กินอะไรนิดหน่อย…
หลินเสวียนเหลือบมองนาฬิกา
เวลานี้…ตรงเป๊ะกับเวลาที่ต้องไปพบเจอกับเนื้อเรื่องของโจรสามดาบ และไปร่วมแก๊งกับพวกแมวอ้วน
เขาหลับตาลงนอนบนเตียง
「ออกเดินทาง!」
……
……
……
「พี่แมวอ้วน」
หลินเสวียนยืนอยู่บนหลังคาบ้านหลี่เฉิงเจีย ชี้ไปยังเมืองตงไห่ใหม่ที่อยู่ไกลออกไป มืดมิด และยังไม่มีแสงไฟส่องสว่าง
ครั้งนี้หลังจากเข้าไปในฝัน…
เขาก็ทำตามขั้นตอนการเล่นแบบเร็วเหมือนเดิม วิ่งเส้นทางที่ดีที่สุด ได้คะแนน SSS เข้าร่วมแก๊งหน้ากากได้อย่างรวดเร็ว และได้รับการยอมรับจากหลี่เฉิง กลายเป็นสมาชิกเต็มตัวของทีม
ตอนนี้เขาเพิ่งเลือกหน้ากากเสร็จกับแมวอ้วนในโกดัง
ก็ยังเป็นหน้ากากแมวไรน์เหมือนเดิม
ตรงนี้หลินเสวียนก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะของอย่างนี้มันเจ๋งจริง ๆ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร มันก็ยังคงได้รับความนิยมได้ถึง 600 ปีข้างหน้า
ในแง่หนึ่ง การสืบทอดของแมวตัวนี้ในกระแสแห่งประวัติศาสตร์ มันยิ่งใหญ่กว่าโบราณวัตถุบางชิ้นเสียอีก
หลังจากได้หน้ากากมาแล้ว…
หลินเสวียนก็ปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านหลี่เฉิงเจียทันที มองไปยังเมืองตงไห่ใหม่ นครแห่งเหล็กกล้า ที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร
เนื่องจากยังเช้าอยู่ ฟ้ายังไม่มืดครึ้ม แสงไฟนีออนของเมืองก็ยังไม่สว่างไสว
จึงทำให้หลินเสวียนมองไม่เห็นตัวอักษรบนตึกแฝดใจกลางเมืองตงไห่ใหม่ได้อย่างชัดเจน
「พี่แมวอ้วน!」
หลินเสวียนตะโกนเสียงดังเรียกพี่แมวอ้วนที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ในลานบ้าน
「อะไรเหรอ?」
พี่แมวอ้วนเงยหน้าขึ้น กัดปลายบุหรี่ หรี่ตามองหลินเสวียนที่อยู่บนหลังคาบ้าน
「มีอะไรหรือเปล่า น้องชาย?」
「ตึกที่สูงที่สุดในเมืองตงไห่ใหม่ ตึกแฝด ตรงใจกลางเมืองน่ะ」
หลินเสวียนชี้ไปที่เมืองตงไห่ใหม่
「ตึกนั้นเขียนอะไรอยู่บนนั้นเหรอครับ? ผมมองไม่เห็นเลย」
「พอฟ้ามืด ไฟสว่าง คุณก็จะมองเห็นเองแหละ」
「พี่ช่วยบอกผมก่อนได้ไหมครับ เดี๋ยวผมก็ต้องรีบกลับไปซื้อไก่ย่างให้ลูกแล้ว พอถึงบ้านมุมมองแบบนี้ก็มองไม่เห็นแล้ว」
「LIIT」
พี่แมวอ้วนสะกดคำนั้นให้หลินเสวียนทีละตัว ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าคำนี้แปลว่าอะไร แต่ดูมาหลายปีแล้ว จำได้ขึ้นใจว่าตึกแฝดหลังนั้นเขียนอะไรอยู่
「เป็นชื่อบริษัทเหรอครับ? แบบบริษัทยักษ์ใหญ่น่ะเหรอครับ?」หลินเสวียนถาม
「ใช่」
พี่แมวอ้วนพยักหน้า สุดท้ายก็สูบควันบุหรี่เข้าปอดเต็มที่ แล้วเหยียบดับลงกับพื้น
「นี่เมืองตงไห่ใหม่ก็เป็นพวกเขาสร้างขึ้นมา...นายนี่มาจากไหนเนี่ย? แม้แต่ลูกชายฉันยังรู้มากกว่านายอีก!」
หลินเสวียนยิ้มบาง ๆ เงียบ
ดีแล้ว
ตราบใดที่ตึกแฝดหลังนั้นไม่ได้เขียนว่า X ที่เหลือหลินเสวียนก็ไม่สนใจมากนัก
อย่างนี้ดูแล้ว……
กาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปจริง ๆ แล้ว
ประวัติศาสตร์ระดับหนึ่ง ก็ถูกเปลี่ยนไปอย่าง “เล็กน้อย”
เล็กน้อย……
หลินเสวียนไม่เข้าใจความหมายของคำว่าเล็กน้อยอย่างแม่นยำ
สำหรับแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์อันกว้างใหญ่ สำหรับโลกอนาคตในอีก 600 ปีข้างหน้า การเกิดและการตายของจ้าวอิงจวิ้น นับว่าเป็นเพียงแค่ “การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย” เท่านั้น
เล็กน้อยถึงขนาด……
เหมือนบางอย่างเปลี่ยนไป แต่ก็เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เมืองใหม่ตงไห่ยังคงอยู่
โลกยังคงพัฒนาไปอย่างผิดเพี้ยนเช่นเดิม
ภายในและภายนอกกำแพงเหล็ก ยังคงเป็นสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พี่แมวอ้วนยังคงเก็บค่าส่วนกลางอยู่
หลี่เฉิงยังคงต่อสู้เพื่อประวัติศาสตร์และความรู้ของมนุษยชาติ
แท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
แต่……
สำหรับแต่ละคน สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
มีหลายคนที่ชีวิตเปลี่ยนไปเพราะเหตุการณ์นี้
อย่างน้อย บริษัท MX ก็มีโอกาสสูงที่จะไม่รอดถึง 600 ปีต่อมา
จากจุดนี้ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของจ้าวอิงจวิ้นจะไม่ได้มองอนาคตของเธอผิดไปเสียทีเดียว ความสามารถทางธุรกิจของเธอนั้นธรรมดา เทียบไม่ได้กับวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและการวางแผนที่เฉียบคมของบริษัทจ้าวเลย
แต่ที่น่าเสียดายคือ จ้าวอิงจวิ้นไม่ได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว เธอยังคงมีชีวิตอยู่
ดังนั้นถึงแม้พ่อแม่ของเธอจะมีฝีมือในการบริหารมากแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นจ้าวอิงจวิ้นที่นำเอาเถ้ากระดูกของทั้งคู่ไปฝัง แล้วก็เป็นเธอคนเดียวที่กลืนบริษัทจ้าวที่เคยยิ่งใหญ่ ควบรวมเข้ากับบริษัท MX……จนทำให้ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ล่มสลายไป
「น่าสนใจ」
พ่อลูกคู่นี้ เป็นศัตรูกันจริง ๆ ด้วยแฮะ
「แต่ว่า……」
「ก็ไม่เลวเหมือนกัน」
ตุ๊บ!
หลินเสวียนกระโดดลงมาจากหลังคา ใช้มือเกาะขอบหน้าต่างเพื่อลดแรงกระแทก แล้วลงจอดอย่างนุ่มนวล
เขาลุกขึ้นยืน มองดูแมวอ้วน:
「พี่แมวอ้วน โลกนี้ยังมีบริษัท MX อยู่ไหมครับ?」
「บริษัท MX?」
แมวอ้วนกระดิกแก้ม:
「นั่นคืออะไร ไม่เคยได้ยินเลย」
「แมวไรน์นี่ไม่ใช่มาสคอตของบริษัท MX หรอกเหรอ?」
หลินเสวียนโบกหน้ากากแมวไรน์ในมือ:
「แล้วแมวไรน์นี่มันมีที่มาที่ไปยังไงกัน?」
「ดูเหมือนจะเป็นแค่ของเล่นธรรมดา ๆ นะ……」สายตาของแมวอ้วนใสซื่อ:
「พี่ไม่เคยศึกษาประวัติมันหรอกนะน้อง เอาเป็นว่าของพวกนี้ฮิตมากในเมืองตงไห่ใหม่นี่แหละ สมัยก่อนตอนที่ฉันไปขโมยของเนี่ย ก็จะขโมยตุ๊กตามาซักสองสามตัวมาล้างให้ลูกสาวเล่นบ่อย ๆ 」
「ส่วนที่ว่ามันเป็นมาสคอตของบริษัทอะไรน่ะเหรอ…… ฉันไม่เคยได้ยินเลย」
อืม
ก็อย่างที่คิด
แมวไรน์ในโลกอนาคตก็กลับไปสู่สถานะในความฝันครั้งแรกอีกครั้ง
ประวัติศาสตร์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท MX ทุกอย่างกลายเป็นเพียงฝุ่นผงในอดีตไปแล้ว
「ไปกันเถอะน้อง! รีบกลับบ้านไปกินข้าวกัน! กินข้าวเสร็จแล้วค่ำนี้ก็ต้องทำงานต่ออีก」
แมวอ้วนดึงหลินเสวียนขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วสวมหมวกกันน็อคให้เขา
「คาดหมวกให้แน่นด้วย!」
「ครับ ๆ พลเมืองดีครับผม」
「ไปกันเลย!」
บูม!!!!!!
มอเตอร์ไซค์เก่า ๆ ของแมวอ้วนที่ใกล้จะพังแล้ว ปล่อยควันดำกรุ่น แล่นออกไปจากลานบ้านของหลี่เฉิง……
ลานบ้านกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
ใบไผ่สีเขียวอ่อนไหวไหวไปตามสายลมฤดูร้อน นกกระจอกสองสามตัวกระโดดไปมาตามร่องอิฐ แมวสองตัวที่หลี่หนิงหนิงเลี้ยงกระโดดลงมาจากระเบียงชั้นสอง ไล่จับนกกระจอกที่บินว่อนอยู่
ตุ๊บ
เสียงเบา ๆ หลังคาลาดเอียงสั่นไหวเล็กน้อย
เด็กสาวรูปร่างผอมบาง สวมชุดรัดรูปสีดำ ผมสีน้ำตาลเข้มม้วนเป็นมวยอยู่ด้านหลัง เหมือนแมวน้อย กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ที่มุมหลังคา
ดวงตาของเธอมองตามกลุ่มควันดำจากท่อไอเสียที่ค่อย ๆ จางหายไป จดจ้องไปที่เบาะหลังมอเตอร์ไซค์……
จับจ้องไปยังผู้ชายที่ถือหน้ากากแมวไรน์อยู่นั่น