ตอนที่ 66 : สุนัขของกองทัพฉิน
"เป็นยังไงบ้าง พวกเขาไล่ตามมามั้ย?"
.
เหยียนซีไฉรีบวิ่งออกห่างจากหน้าผาหลายกิโลเมตรก่อนที่จะหยุดหายใจ
ด้านข้างเขานอกจากผูเหวินที่ติดตามมาโดยตลอด ตอนนี้ก็เหลือผู้คุมกฎเมืองออโรร่าเพียงแปดคน เพราะความตื่นตระหนกทุกคนต่างวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง
"ไม่มี" ผู้คุมกฎมองย้อนกลับไป "ที่นี่น่าจะปลอดภัย"
"ให้ตายเถอะ…ผู้พิทักษ์เมืองออโรร่ามั่วทำอะไรอยู่! พวกเขาปล่อยให้ผู้ช่วงชิงเปลวไฟแอบเข้ามาได้ยังไง" เหยียนซีไฉสบถ "รับผิดชอบ! เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ! พวกเขาต้องมีคำอธิบายให้ฉัน!"
ขณะที่หลายคนกำลังคุยกัน ก็มีคนคนหนึ่งวิ่งพรวดพล่านเข้ามา
"เขาเป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟหรือเปล่า?" เมื่อเห็นอีกฝ่ายมาถึง เหยียนซีไฉก็เกิดความวิตกกังวล
"ไม่ใช่ เขาคือเสี่ยวเจี่ยน" เมื่อเห็นหน้าชายคนนั้น ผู้คุมกฎก็พูดทันทีว่า "ขาของเขาไม่ค่อยดี เขาก็เลยวิ่งช้านิดหน่อย"
"เขาอยู่ด้านหลังขบวนตลอด...ไม่ใช่ว่าถูกผู้ช่วงชิงเปลวไฟขโมยตัวตนไปแล้วนะ?" มีคนในกลุ่มกระซิบ
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปทันที พวกเขามองเสี่ยวเจี่ยนที่เหงื่อตกอย่างระแวดระวังราวกับว่าพวกเขากลัวอะไรบางอย่าง
"นายน้อยเหยียน พวกคุณรอผมด้วย…" เสี่ยวเจี่ยนวิ่งเหยาะๆ โซเซจากระยะไกล ใบหน้าของเขาซีดเผือด
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ เหยียนซีไฉก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา
"หยุดนะ!"
เสี่ยวเจี่ยนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
"นายเป็นใคร?"
"ผม...ผมเสี่ยวเจี่ยนไง" เสี่ยวเจี่ยนตกใจตอบตะกุกตะกัก "พ่อของผมคือเจี่ยนฉางหลินเป็นคนสวนในบ้านของคุณ...เมื่อเช้านี้ผมยังรินชาให้คุณ คุณจำไม่ได้เหรอ?"
เหยียนซีไฉหรี่ตาลงแล้วมองผู้คุมกฎที่อยู่ข้างๆ เขา และคนหลังก็เข้าใจทันที
เขาดึงมีดสั้นออกมาจากเอวแล้วเดินช้าๆ ไปหาเสี่ยวเจี่ยน
"นายน้อยเหยียน คุณกำลังทำอะไรน่ะ…"
"ตรวจสอบตัวตนของนาย" เหยียนซีไฉพูดอย่างใจเย็น "นายเดินช้าเกินไป เราไม่สามารถปฏิเสธความเป็นไปได้ที่นายอาจเป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟปลอมตัวมา"
"ไม่นะ! นายน้อยเหยียน! ผมไม่ใช่จริงๆ!" จู่ๆ เสี่ยวเจี่ยนเริ่มวิตกกังวล "ผมวิ่งช้าเพราะขาเป๋ ผมไม่ได้ถูกขโมยใบหน้าจริงๆ นะ..."
"นายจะถูกขโมยใบหน้าหรือเปล่า แค่กรีดดูก็รู้แล้ว"
ผู้คุมกฎคนหนึ่งพูดขณะเดินไปหาเสี่ยวเจี่ยน แสงเย็นเฉียบของมีดสั้นสะท้อนใบหน้าของเขา ขาของเสี่ยวเจี่ยนอ่อนยวบ เขาคุกเข่าลงเสียงดังกึกก้อง
"นายน้อยเหยียน ได้โปรดอย่ากรีดหน้าผมเลย...ผมขอร้อง ผมขาเป๋แล้ว ถ้าคุณยังกรีดหน้าผมอีก แล้วในอนาคตผมจะอยู่ยังไง…"
เมื่อเห็นแบบนี้ ผู้คุมกฎที่ถือมีดก็เกิดความลังเล เขาหันกลับไปมองเหยียนซีไฉ ฝ่ายหลังโบกมือด้วยความเบื่อหน่าย
"มองฉันทำไม? ลงมือสิ"
"...ขอโทษด้วยนะน้องชาย"
ผู้คุมกฎคนนั้นคว้าคอเสื้อของเสี่ยวเจี่ยนไว้ ปลายมีดแหลมคมกรีดลงบนใบหน้าของเขา หลังจากนั้นค่อยๆ แซะออกทีละเล็กทีละน้อย...
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากลำคอของเสี่ยวเจี่ยน ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากผิวหนังของเขาอย่างบ้าคลั่ง คมมีดกรีดแก้มเขาจนเผยให้เห็นเลือดเนื้อซึ่งอยู่ด้านใน...
ภายใต้เลือดเนื้อนี้ ไม่มีใบหน้าอื่น
ผู้คุมกฎเก็บมีดของเขากลับ ยืนขึ้นและพยักหน้าให้เหยียนซีไฉกับคนอื่นๆ เล็กน้อย "เป็นเขาจริงๆ "
ในที่สุดทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"เอาล่ะ สถานการณ์กระจ่างแล้ว" ผูเหวินมองไปทางหน้าผา "กลุ่มผู้ช่วงชิงเปลวไฟไม่ได้ไล่ตามเรามา พวกเขาต้องมีจุดประสงค์อื่น…"
"ขอแค่พวกเขาไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรา ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร" เหยียนซีไฉพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "แค่รอให้ครบ 24 ชั่วโมงแล้วพวกเขาจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย...ก่อนหน้านั้น เรามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ"
"เพื่อนำนายมาที่คลังโบราณครั้งนี้ ฉันได้ใช้สายสัมพันธ์ทั้งหมดที่มี ถ้าฉันยังคงไม่สามารถก้าวสู่เส้นทางแห่งเทพเจ้าวิถีทหารได้ ชั่วชีวิตนี้ฉันก็ไม่คิดจะดูแลกลุ่มหอการค้าดวงดาว"
"บอกไว้ก่อน ฉันทำได้แค่เพียงใช้เส้นทางเทพเจ้าวิถีตำรา ช่วยนายปล้นจิตหารเท่านั้น นายจะสามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางเทพเจ้าวิถีทหารได้หรือไม่ มันไม่เกี่ยวกับฉัน" ผูเหวินเหลือบมองเหยียนซีไฉ
"นายไม่จำเป็นต้องเตือนฉัน"
ดวงตาของเหยียนซีไฉมีประกายความโหดเหี้ยม เขาโบกมือ "ไป ใช้เวลาให้คุ้ม"
ทุกคนตามหลังเหยียนซีไฉ ตรงไปสู่ส่วนลึกของคลังโบราณ พื้นที่รกร้างแห่งนี้จึงเหลือเพียงคนคนเดียว ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยเลือดและเขานอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับศพ
เสี่ยวเจี่ยนพยายามดิ้นรนลุกขึ้น บนแก้มมีรอยมีดอันน่าขวัญผวา เขาจ้องมองผู้คนที่เดินจากไปอย่างว่างเปล่า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาก็กลับมามีสติ เขากัดฟันและเดินตามพวกนั้นทีละก้าว...
.
.
............
.
"นี่คือด้านในของคลังโบราณวิถีทหารเหรอ..."
.
ภายใต้ท้องฟ้าสีเทา เฉินหลิงซึ่งสวมชุดคลุมงิ้วสีแดงยืนอยู่คนเดียวในทะเลทราย พึมพำกับตนเอง
เฉินหลิงไม่ได้ไล่ตามใคร และยังพอมีเวลาพอก่อนที่คลังโบราณวิถีทหารจะถูกเปิดอีกครั้ง...ในช่วงเวลานี้ เป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้ความขัดแย้งค่อยๆ สะสมขึ้นเอง เขาเชื่อว่าการต่อสู้อันวุ่นวายนี้ยังไม่สิ้นสุด เพียงแค่หยุดชั่วคราวเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ปล่อยให้กระสุนบินนานอีกสักหน่อย
เฉินหลิงยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการค้นหาและหาวิธีขโมยรากฐานของเส้นทางเทพเจ้าวิถีทหาร
เขาจำได้ชัดเจนว่าก่อนเข้าสู่คลังโบราณ ผู้พิทักษ์ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้พูดว่าเมื่อพบเสียงสะท้อนจากเลือดที่ร้อนระอุต้องรวบรวมจิตสังหารให้เพียงพอก็จะมีโอกาสดึงดูดรากฐานเส้นทางเทพเจ้าวิถีทหาร...
แล้วควรจะทำยังไงล่ะ?
เฉินหลิงกำลังคิดขณะที่เขาปีนขึ้นไปบนเนินเขาเล็ก ๆ
ไม่ไกลจากเนินเขา เฉินหลิงเห็นหุบเหวทางแคบยาวและบริเวณนั้นมีร่างสิบร่างสวมชุดเกราะพร้อมอาวุธในมือ ดูเหมือนพวกเขากำลังคุยกันอยู่
เสื้อผ้าและอาวุธของพวกเขาดูไม่เหมือนคนในยุคนี้...นี่เป็นภาพฉายสงครามจากยุคโบราณที่ผู้พิทักษ์คนนั้นพูดหรือเปล่า?
เฉินหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินตรงลงเนินเขาไปยังหุบเขา
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในหุบเขา คนที่สวมชุดเกราะทั้งสิบดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงหันกลับมาทันที
พวกเขาจ้องมองไปที่เฉินหลิงด้วยดวงตาสีแดงราวกับว่าเขาเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อของพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น แล้วตะโกนออกมาว่า
"นั่นสุนัขของกองทัพฉิน ฆ่า!"
ชั่วขณะ ชายทั้งสิบคนก็รีบวิ่งกรูเข้าหาเฉินหลิงพร้อมกับหอกในมือ
เฉินหลิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวทำให้ออกจากบริเวณนั้น จู่ ๆ ร่างซึ่งสวมเกราะทั้งสิบก็หยุดชะงักราวกับว่าพวกเขาสูญเสียเป้าหมาย แล้วหันหลังเดินกลับไป
พวกเขาวางอาวุธลงและรวมตัวกัน เหมือนกำลังพูดคุยเรื่องอะไรบางอย่าง
เฉินหลิง:...?
เขาก้าวเข้าไปในหุบเหวด้วยเท้าขวาอีกครั้งพลางใช้ความคิด ทันใดนั้นชายทั้งสิบก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นพุ่งเข้าใส่เฉินหลิงพร้อมอาวุธในมือ!
"นั่นมันสุนัขของกองทัพฉิน! ฆ่า!!"
เฉินหลิงยกเท้าถอยกลับ พวกนั้นพลันหุบปากจากนั้นหันหลังกลับอีกครั้ง... เฉินหลิงก้าวเท้าออกไปอีกครั้ง
"นั่นมันสุนัขของกองทัพฉิน! ฆ่า!!"
"..."
"นั่นมันสุนัขของกองทัพฉิน! ฆ่า!!"
"..."
เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง เฉินหลิงมองไปทางคนทั้งสิบคนในหุบเหวด้วยสีหน้าแปลกๆ...นี่เป็น NPC งั้นเหรอ?
.
.
.