ตอนที่ 30 มหาปราชญ์ยุทธ์
เสียงแหบห้าวของเถี่ยเซียวทำลายความสงบสุขตรงหน้า เขาสวมหน้ากากเหล็กสีดำ ปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ผู้คนรอบข้างต่างพากันถอยห่าง
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือสิ่งที่จ้าวอี้จั๋วเรียกเขา
“เถี่ยเซียว ปีศาจกินคน ข้าไม่ใช่ศิษย์พี่ของเจ้า และอาจารย์ของข้าก็ไม่มีศิษย์ที่เป็นปีศาจเช่นเจ้า!” จ้าวอี้จั๋วมองเขาด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว
“เขาคือเถี่ยเซียว ปีศาจกินคน? ทำไมเขาถึงมาที่นี่?” ผู้คนในเหตุการณ์ต่างหวาดผวา
แม้แต่เหล่ายอดฝีมือก็ยังถอยห่าง
เถี่ยเซียวนั้นมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในเรื่องการฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง ฝึกฝนวิชามาร แถมยังกินเนื้อคน เป็นปีศาจที่น่ารังเกียจ
ไม่เพียงแต่ในแดนใต้เท่านั้น แม้แต่ในจักรวรรดิต้าเฉียน เด็ก ๆ เมื่อได้ยินชื่อนี้ก็ยังไม่กล้าร้องไห้
สีหน้าของลู่โฉ่วอี๋ก็เปลี่ยนไป เขาถาม “เจ้าคือเถี่ยเซียว? มาที่เมืองเจิ้นหนานมีธุระอันใด?”
“ไอ้โง่” เถี่ยเซียวเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว ชี้ไปที่ลู่เฉิน “ข้ามาที่นี่เพื่อท้าประลองราชาวิชาเตะ ในเมื่อศิษย์พี่ข้าไม่ใช่คู่มือเจ้า ข้าก็จะมาช่วยกู้หน้าสำนัก”
จ้าวอี้จั๋วรู้ว่าเถี่ยเซียวเป็นคนชั่วร้าย เขาจึงรีบขวางหน้าเถี่ยเซียวพร้อมกล่าวเสียงดัง “ข้าขอบอกเจ้าอีกครั้ง การแพ้ชนะของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้า สำนักของข้าไม่มีคนอย่างเจ้า! ปีศาจอย่างเจ้าสมควรตาย!”
“ฮ่า ๆ ๆ!”
เถี่ยเซียวหัวเราะลั่น มองไปรอบ ๆ “ในเมื่อทุกคนอยากจะฆ่าข้า วันนี้มีผู้ฝึกยุทธ์มากมายอยู่ที่นี่ หากพวกเจ้ามีความสามารถ ก็เข้ามาพร้อมกันเลย!”
ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของเถี่ยเซียวจะน่ากลัวมาก เหล่ายอดฝีมือต่างไม่กล้าปริปาก เมื่อสบตากับเถี่ยเซียว ทุกคนต่างก็ก้มหน้าหลบสายตา
“ขี้ขลาด!” เถี่ยเซียวหันไปพูดกับลู่เฉิน “อายุ 16 ปี ระดับก่อกำเนิดขั้นเก้า พรสวรรค์ของเจ้าช่างยอดเยี่ยม หากไม่มีคนสั่งให้ฆ่าเจ้า ข้าคงรับเจ้าเป็นศิษย์ไปแล้ว”
“มีคนสั่งให้ฆ่าข้า เจ้าจึงมาท้าประลองข้า?” ลู่เฉินไม่ได้หวาดกลัวแต่กลับดีใจ
ในที่สุดเขาก็จะได้รับรางวัลจากระบบ!
จ้าวอี้จั๋วเห็นว่าลู่เฉินไม่รู้จักความร้ายกาจของเถี่ยเซียว จึงรีบกล่าว“น้องลู่ อย่าได้สู้กับเขา เขาฝึกฝนวิชามาร ตอนนี้เขามีระดับบ่มเพาะถึงจุดสูงสุดของก่อกำเนิดขั้นสิบ! วิชามารของเขานั้นโหดเหี้ยมเกินกว่าจะจินตนาการ หากพลาดพลั้งแม้เพียงเล็กน้อย อาจถึงแก่ชีวิต!”
ลู่โฉ่วอี๋กล่าว “เฉินเอ๋อร์ อย่าสู้กับเขา! เจ้าปฏิเสธไปเถอะ!”
ขณะที่พูด ลู่โฉ่วอี๋ก็สั่งให้คนไปแจ้งเหมิงเซียน
ลู่เฉินเห็นรางวัลจากระบบมาถึงหน้าประตูแล้ว เขาจะพลาดได้อย่างไร? เขาประลองกับจ้าวอี้จั๋วอย่างเสียเวลา แต่ตอนนี้เถี่ยเซียวมาหาถึงที่ ย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปฏิเสธ
เขายิ้มพร้อมถาม “เถี่ยเซียว เจ้ามีเจตนาร้ายต่อข้าจริง ๆ หรือ?”
เถี่ยเซียวหัวเราะลั่น “ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าหวังดีกับเจ้าต่างหาก ช่วยให้เจ้าตายเร็วเกิดใหม่เร็ว เจ้าว่าดีหรือไม่?”
“ดี!” ลู่เฉินพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะสู้กับเจ้า!”
“อะไรนะ?” จ้าวอี้จั๋วร้อนใจ “น้องลู่ เจ้าไม่ใช่คู่มือเขา พลังวิชามารของเขานั้นแปลกประหลาดนัก!”
ลู่เฉินโบกมือห้ามไม่ให้จ้าวอี้จั๋วพูดต่อ เขากล่าว “ท่านจ้าว ท่านพ่อ หลบออกไปก่อน”
“ดี! ข้ายิ่งชอบเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ!” เถี่ยเซียวกล่าวด้วยเสียงแหบห้าว “วางใจเถอะ หลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าแล้ว ข้าจะไม่กินร่างของเจ้า ข้าจะเก็บศพเจ้าไว้ให้ครบถ้วน!”
ลู่เฉินแสยะยิ้ม “ข้าไม่รับประกันว่าจะเก็บศพเจ้าไว้ครบถ้วน”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะสู้กันจริง ๆ จ้าวอี้จั๋วก็ร้อนใจมาก เขาเตือน “วิชาที่เถี่ยเซียวฝึกฝนไม่ใช่เพลงเตะ เขามีอาวุธ นี่เป็นการประลองเพลงเตะ!”
เดิมทีเขาคิดว่าลู่เฉินคงจะเปลี่ยนใจ แต่ลู่เฉินกลับไม่สนใจ เขาพยักหน้า “ไม่เป็นไร อาวุธของข้าคือเพลงเตะ”
“ดื้อรั้น เจ้าต้องเสียใจแน่!” จ้าวอี้จั๋วโกรธมากจนพูดไม่ออก เขาหันหลังเดินจากไป
ลู่โฉ่วอี๋ก็กังวลเช่นกัน แต่เขาก็ทำได้เพียงเตือน “เฉินเอ๋อร์ หากเจ้าสู้เขาไม่ได้ก็ถอยออกมา”
“ขอรับ”
ลู่โฉ่วอี๋กลับไปที่ห้องโถงด้านหลัง เหมิงเซียนมาถึงแล้วพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง แม้ว่าเถี่ยเซียวจะเป็นคนชั่วร้าย แต่เขาก็ยังเป็นแค่มนุษย์”
“เช่นนั้นก็ดี” ลู่โฉ่วอี๋โล่งใจ
ลู่เฉินในชุดขาวราวกับหิมะยืนอยู่อย่างสงบนิ่ง ส่วนเถี่ยเซียวยิ้มอย่างชั่วร้าย ชักมีดสั้นสีดำออกมาจากแขนเสื้อ
มีดสั้นเล่มนี้ยาวกว่ามีดสั้นทั่วไปเล็กน้อย มีสีดำสนิท ประดับด้วยลวดลายแปลกประหลาด ส่งกลิ่นคาวเลือดอย่างรุนแรง
จ้าวอี้จั๋วเตือนจากระยะไกล “นั่นคือมีดปีศาจดูดเลือด ยิ่งฆ่าคนมากเท่าไหร่ พลังปีศาจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หากฆ่าคนติดต่อกันห้าคน พลังปีศาจจะถึงขีดสุด ระวังตัวด้วย!”
“พี่ชายเข้าใจข้าดี”
เถี่ยเซียวหัวเราะอย่างน่ากลัวและสะบัดมีดทันที ใบมีดกลายเป็นสีแดงฉาน ราวกับมีเลือดหยดลงมา
“ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้าเพิ่งฆ่าคนไปห้าคน! ตายซะ!” เถี่ยเซียวพุ่งเข้าใส่ลู่เฉินพร้อมกับแสงดาบสีเลือด
“ดี!” ลู่เฉินหรี่ตาลงเล็กน้อยและยกขาขึ้นเตะ
เถี่ยเซียวเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ลู่เฉินเคยพบเจอ การที่ลู่เฉินประลองกับเขาเพราะเขายังมีไม้ตายอยู่บ้าง
ในการต่อสู้กับจ้าวอี้จั๋ว เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดและไม่ได้ใช้ท่าแรกของวิชาเตะเทพวายุ “กระบองวายุ” ดังนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเถี่ยเซียว เขาจึงไม่หวั่นเกรง
แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง!
ขาของลู่เฉินเตะออกไปราวกับสายลม รองเท้าใยไหมเหล็กกล้าที่เขาสวมอยู่คืออาวุธที่ดีที่สุด รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าชั้นยอด ส่วนมีดปีศาจดูดเลือดของเถี่ยเซียวก็เป็นอาวุธชั้นยอดเช่นกัน ทั้งสองจึงสูสีกัน
“ไอ้หนู รองเท้าของเจ้าไม่เลว!” เสียงแหบห้าวของเถี่ยเซียวดังขึ้น การโจมตีของเขารุนแรงขึ้น
นอกจวน เหล่ายอดฝีมือและชาวเมืองเจิ้นหนานต่างเงียบกริบ จ้องมองการต่อสู้ของทั้งสอง พวกเขารู้ดีว่านี่คือการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต!
ความโหดเหี้ยมของเถี่ยเซียวนั้นเกินจะจินตนาการ
การโจมตีของเถี่ยเซียวยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนมองไม่เห็นร่างของเขา มองเห็นเพียงแสงดาบสีเลือดที่ทิ้งร่องรอยไว้บนอากาศ
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง แสงดาบสีเลือดยิ่งเด่นชัดมากขึ้น
“พลังของเถี่ยเซียวอยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นสิบแล้ว” เหมิงเซียนลูบเคราแพะพลางเตือน
ลู่โฉ่วอี๋เริ่มกังวล ลู่เฉินอยู่ที่จุดสูงสุดของก่อกำเนิดขั้นเก้า ความต่างระดับนี้…
เหมิงเซียนกล่าวต่อ “บุตรชายของท่านมีวาสนาดี! เมื่อเผชิญหน้ากับเถี่ยเซียวที่อยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นสิบ พลังของเขากลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดขั้นสิบแล้วเช่นกัน”
“อะไรนะ?” ลู่โฉ่วอี๋ตกตะลึง
เมื่อครู่เขายังคิดว่าการที่ลู่เฉินอยู่ที่จุดสูงสุดของก่อกำเนิดขั้นเก้านั้นน่าทึ่งแล้ว ตอนนี้ลู่เฉินกลับเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดขั้นสิบ กลายเป็นมหาปราชญ์ยุทธ์!
“เป็นไปได้อย่างไร! มหาปราชญ์ยุทธ์อายุ 16 ปี?” จ้าวอี้จั๋วก็ตกใจเช่นกัน
ทันใดนั้น เขาก็นึกบางอย่างออก “เมื่อครู่ที่ลู่เฉินสู้กับข้า เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด? โอ้สวรรค์ เขาแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?”
ไม่ใช่แค่จ้าวอี้จั๋วเท่านั้นที่สับสน เหล่ายอดฝีมือข้างนอกก็เช่นกัน
“ลู่เฉินอยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นสิบ? บ้าไปแล้ว เป็นไปได้อย่างไร? มหาปราชญ์ยุทธ์อายุ 16 ปี! พวกเราต้องสร้างศาลเจ้าให้เขา!”
มหาปราชญ์ยุทธ์ จุดสูงสุดของวิถียุทธ์
จักรวรรดิต้าเฉียนไม่มีมหาปราชญ์ยุทธ์มาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่เฉินเทียน มหาปราชญ์ยุทธ์คนสุดท้ายเสียชีวิต ก็ผ่านไปเกือบ 40 ปี
แน่นอนว่าเถี่ยเซียวก็อยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นสิบเช่นกัน แต่เขาใช้กำลังภายในจากวิชามารเพื่อเลื่อนขั้น ดังนั้นทุกคนจึงไม่ยอมรับว่าเขาเป็นมหาปราชญ์ยุทธ์
“ไม่นึกเลยว่ามหาปราชญ์ยุทธ์รุ่นใหม่ของจักรวรรดิต้าเฉียนจะปรากฏตัวที่จวนอ๋องเจิ้นหนาน ชะตาฟ้าลิขิตคงบันดาลเช่นนี้”
“เหลวไหล ชะตาบ้านเมืองไม่เกี่ยวกับยุทธภพ ราชวงศ์เจียงไม่มีมหาปราชญ์ยุทธ์”
“ผิดแล้ว! ราชวงศ์เจียงรุ่นแรกเป็นถึงมหาปราชญ์ยุทธ์!”
“ช่างเถอะ หากคุณชายลู่ชนะ ข้าจะขอเป็นศิษย์ของเขา ข้าจะเป็นผู้สืบทอดของมหาปราชญ์ยุทธ์!”