ตอนที่ 23 ราชาเพลงเตะแดนเหนือ
เมื่อเห็นเจิ้งเฉียนลงมือ ลู่เฉินแสดงสีหน้าผิดหวังและส่ายหัว
ระดับบ่มเพาะของเจิ้งเฉียนก็ไม่เลว อยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นหก แต่เพลงเตะของเขากลับธรรมดาอย่างมาก การเตะครั้งนี้เต็มไปด้วยช่องโหว่ และช้าเกินไป
เมื่อขาของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ลู่เฉินก็เตะสวนกลับในทันที
ขาของเขารวดเร็วมาก แม้ออกตัวทีหลังแต่กลับเตะเข้าที่ฝ่าเท้าของอีกฝ่ายได้เสียก่อน เจิ้งเฉียนตกตะลึงและคิดจะเปลี่ยนกระบวนท่า
“กลับไปฝึกอีกยี่สิบปีก่อนเถอะ!”
ลู่เฉินพูดจบ ขาก็เตะออกไปราวกับเงา
เขาใช้ขาข้างเดียวทรงตัว หมุนอีกข้างหนึ่งเกี่ยวขาของเจิ้งเฉียนและหมุนหันอย่างรวดเร็ว ร่างของเจิ้งเฉียนหมุนคว้างกลางอากาศ
เจิ้งเฉียนตกตะลึง ทันใดนั้นลู่เฉินก็เตะเขาออกไป ร่างของเจิ้งเฉียนกระแทกพื้นถนนนอกจวนอย่างแรงจนศีรษะแตก เลือดไหลอาบ
ผู้คนที่มุงดูอยู่นอกจวนมองไม่ทันเหตุการณ์ คิดว่าเจิ้งเฉียนแพ้เร็วเกินไป
ส่วนทหารในจวนต่างปรบมือเสียงดัง ผู้คนในเมืองเจิ้นหนานต่างก็ส่งเสียงชื่นชม
“สุดยอด! เก่งมาก! เพลงเตะนี้…”
“ข้าไม่คิดเลยว่าคุณชายเจ็ดแห่งตระกูลลู่จะมีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้ ดูเหมือนข่าวลือที่ว่าเขาเป็นคนไร้ค่านั้นเชื่อถือไม่ได้!”
“เพลงเตะไร้เทียมทาน สมฉายาจริง ๆ!”
ลู่เฉินประสานมือเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับและเดินจากไป ประตูจวนปิดลง
[ท่านเอาชนะอันธพาลที่คิดจะเหยียบท่านเพื่อสร้างชื่อเสียงได้สำเร็จ ระบบจะมอบหัวข้อรางวัลสามอย่าง โปรดเลือกมาหนึ่งอย่าง:
1. วิชา “เพลงเตะตระกูลเจิ้ง”
2. เกราะป้องกัน “เชือกพันขา”
3. ประสบการณ์บ่มเพาะ 1 ปี]
“รางวัลนี่มัน…” ลู่เฉินมองดูรางวัลที่ระบบมอบให้ด้วยสีหน้าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เจิ้งเฉียนเป็นแค่คนไร้ค่า “เพลงเตะตระกูลเจิ้ง” คงไม่ได้เรื่อง ส่วน “เชือกพันขา” ก็เป็นแค่ของไร้ค่า เขาไม่ต้องการมัน ประสบการณ์บ่มเพาะ 1 ปี เขารอเพียงวันเดียวก็ได้แล้ว
“เอาเถอะ เลือกข้อสามก็แล้วกัน”
ลู่เฉินส่ายหน้า เดินไปยังกระท่อมในสวนดอกไม้ ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจระบบมากขึ้นบ้างแล้ว
อย่างแรก ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่ได้รับรางวัลจะได้ของดี การเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง อย่างน้อยก็ต้องมีระดับใกล้เคียงกับตัวเองถึงจะได้ของดี ต่อให้เขาเอาชนะคนไร้ค่าอย่างเจิ้งเฉียนอีกหลายสิบคน ก็ยังไม่ดีเท่าการเอาชนะยอดฝีมือที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว
อย่างที่สอง รางวัลที่ได้รับมักจะเกี่ยวข้องกับคนที่พ่ายแพ้ เช่นเดียวกับตอนที่เขาฆ่าจวี้เซียง หนึ่งในรางวัลที่เขาได้รับคือมีดสั้น ส่วนครั้งนี้ที่เขาเอาชนะเจิ้งเฉียน รางวัลก็คือ “เพลงเตะตระกูลเจิ้ง”
เมื่อเข้าใจเช่นนี้ ลู่เฉินก็คิดในใจ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเปิดรับศิษย์สักคน แล้วต่อไปก็ให้ศิษย์ของเขาจัดการ หากมีใครที่ศิษย์ของเขาสู้ไม่ได้ เขาจึงค่อยลงมือเอง
ชัยชนะของลู่เฉินเหนือเจิ้งเฉียนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับชาวเมืองเจิ้นหนานที่อยู่ในเหตุการณ์ นี่เป็นข่าวใหญ่ที่แพร่สะพัดไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว
“วันนี้เจ้าได้ไปที่หน้าประตูจวนอ๋องเจิ้นหนานหรือไม่? เจ้าไม่ได้ไปหรือ? แต่ข้าบังเอิญอยู่ที่นั่น! คุณชายเจ็ดเก่งมาก!”
“จริง ๆ นะ ข้าไม่ได้โกหกเจ้า ราชาวิชาเตะแห่งเมืองหนานผิงเข้าไปไม่ถึงอึดใจก็ถูกเตะออกมา ข้าเห็นกับตา เพลงเตะของคุณชายเจ็ดนั้นรวดเร็วมากจนมองแทบไม่ทัน…”
“สุดยอด! ที่แท้คุณชายเจ็ดแสร้งทำเป็นคนไร้ค่ามาหลายปี! น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เห็น”
“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อมีเจิ้งเฉียน ก็ต้องมีคนอื่นอีก ในต้าเฉียนมีผู้ฝึกยุทธ์มากมาย ทั้งทางเหนือและทางใต้ ไม่นานคงมียอดฝีมือจากทางเหนือมาท้าประลอง!”
“ดี ๆ ครั้งหน้าข้าจะไม่พลาดแน่”
แม้แต่คนธรรมดาก็ยังรู้ว่าในเมื่อมีหนึ่ง ก็ต้องมีสอง โดยเฉพาะในยุทธภพ การพ่ายแพ้ของเจิ้งเฉียนทำให้คนที่คิดจะฉวยโอกาสหวาดกลัว แต่ก็ทำให้เหล่ายอดฝีมือตัวจริงเริ่มคิดลอง
“ไม่นึกเลยว่าแดนใต้จะมีผู้เชี่ยวชาญเพลงเตะ ฮ่า ๆ หลายปีมานี้ข้าไม่เคยเจอคู่มือเพลงเตะเลย อยากจะหาคนมาประลองฝีมือสักหน่อย”
ไม่นานนัก ข่าวหนึ่งก็แพร่สะพัดไปทั่ว
“จ้าวอี้จั๋ว ราชาวิชาเตะแห่งแดนเหนือกำลังเดินทางมาท้าประลองคุณชายเจ็ดแห่งเจิ้นหนาน ลู่เฉิน!”
“ใช่แล้ว! มวยใต้เตะเหนือ เพลงเตะแดนเหนือย่อมแข็งแกร่งกว่า! จ้าวอี้จั๋วเป็นตัวแทนเพลงเตะแดนเหนือ ครั้งนี้เราต้องชนะ!”
“ข้าก็คิดว่าจ้าวอี้จั๋วชนะแน่ ตอนที่ราชาวิชาเตะแห่งแดนเหนือมีชื่อเสียงโด่งดัง ลู่เฉินยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ! เด็กน้อยเช่นเขากล้าเรียกตัวเองว่าไร้เทียมทาน? น่าขันสิ้นดี”
“สั่งสอนเขาสักหน่อย! ไร้เทียมทานงั้นหรือ? ช่างโอหังนัก!”
ขณะที่จ้าวอี้จั๋วเริ่มออกเดินทาง เหล่ายุทธภพทางใต้ก็เริ่มตื่นตัว บุคคลสำคัญต่างพากันเดินทางมายังเมืองเจิ้นหนานเพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในการประลองครั้งนี้
แม้แต่ฮ่องเต้เจียงหรูซานก็ยังได้ยินเรื่อง
“กองกำลังลึกลับที่โจมตีกองทัพปราบปรามชนเผ่าเป็นชนเผ่าเร่ร่อน? มีทหารคนใดเห็นชนเผ่าเร่ร่อนควบคุมสัตว์ร้ายได้บ้างหรือไม่?” สีหน้าของฮ่องเต้เจียงเปลี่ยนไปหลายครั้งเมื่อได้ยินผลการสืบสวนจากองครักษ์เสื้อแพร
เขากล่าวอย่างเย็นชา “ลู่โฉ่วอี๋ช่างทะเยอทะยาน! ข้าให้เขาประจำการที่แดนใต้เพื่อต่อสู้กับชนเผ่าเร่ร่อน แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะแอบสมคบคิดกับพวกมัน! คนต่างเผ่าพันธุ์ย่อมมีจิตใจที่แตกต่าง เขาคิดจะยกผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของข้าให้กับคนต่างเผ่างั้นหรือ? บัดซบ!”
ขุนนางอาวุโสคนหนึ่งคุกเข่าลงกราบทูล “ฝ่าบาท ในเมื่อลู่โฉ่วอี๋สมคบคิดกับคนต่างเผ่า เช่นนั้นก็เปิดโปงเรื่องนี้ให้ชาวโลกรู้ ไม่มีใครคิดไปสนับสนุนคนทรยศแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
“แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน” ฮ่องเต้เจียงขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องรอหลักฐาน ปล่อยข่าวออกไปก่อนเถิด” ขุนนางอีกคนกล่าว
ฮ่องเต้เจียงพยักหน้า “ก็ได้ ปล่อยข่าวออกไปก่อน ส่วนองครักษ์เสื้อแพรก็เร่งสืบหาหลักฐาน เมื่อมีหลักฐาน ข้าจะประกาศให้โลกรู้ ประจานคนทรยศ!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ ฮ่องเต้เจียงก็อารมณ์ดีขึ้น
เขายิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าแผ่นป้าย ‘เพลงเตะไร้เทียมทาน’ ที่ข้าเขียนให้เริ่มมีคนแย่งชิงแล้ว จ้าวอี้จั๋ว ราชาวิชาเตะแห่งแดนเหนือจะไปท้าประลองลู่เฉินที่เมืองเจิ้นหนาน”
แม่ทัพคนหนึ่งพยักหน้า “ราชาวิชาเตะแห่งแดนเหนือมีชื่อเสียงโด่งดังมาช้านาน เขามีระดับบ่มเพาะก่อกำเนิดขั้นเก้า เพลงเตะของเขาได้รับการถ่ายทอดมาจาก ‘เพลงเตะแปรเปลี่ยน’ ของเฉินเทียน ยอดฝีมือแห่งยุค ทั้งร้ายกาจและคาดเดาได้ยาก ครั้งหนึ่งข้าเคยประลองกับจ้าวอี้จั๋วและพ่ายแพ้ในห้ากระบวนท่า”
“ถ้าเช่นนั้น ลู่เฉินคงไม่มีทางชนะ?” ฮ่องเต้ถามอย่างสนใจ
“ลู่เฉินมีระดับบ่มเพาะราว ๆ ก่อกำเนิดขั้นแปด เพลงเตะของเขาขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว เมื่อเขาลงมือจะมีเสียงลมและฟ้าร้อง” เจียงจ้านฮุย หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรรายงาน “ดูแล้วลู่เฉินคงไม่มีทางชนะ”
“ดี!” ฮ่องเต้เจียงตบมือ “หากจ้าวอี้จั๋วสามารถเอาชนะลู่เฉินได้ นั่นจะเป็นการข่มขวัญลู่โฉ่วอี๋และลูกน้องของเขา และยังเป็นการลดทอนกำลังของพวกเขาอีกด้วย”
“เกรงว่าจ้าวอี้จั๋วคงไม่ฆ่าลู่เฉิน” แม่ทัพกล่าว “จ้าวอี้จั๋วเป็นคนมีคุณธรรม เขาไม่ชอบฆ่าคน แค่ทำร้ายลู่เฉินก็คงยากแล้ว”
“บัดซบ! ฝึกเตะจนสมองเสื่อมหรือไง!”
ฮ่องเต้เจียงสบถก่อนถาม “เจียงจ้าน ข้าได้ยินมาว่าองครักษ์เสื้อแพรเคยจับปีศาจร้ายได้คนหนึ่ง เขาเป็นศิษย์ของเฉินเทียนหรือ?”
เจียงจ้านรีบรายงาน “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ปีศาจร้ายผู้นั้นชั่วร้ายนัก เขาเป็นศิษย์ของเฉินเทียน ว่ากันว่าเป็นน้องร่วมสำนักของจ้าวอี้จั๋ว และความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่น้อยหน้าไปกว่าจ้าวอี้จั๋วเลย ครั้งนั้นองครักษ์เสื้อแพรต้องสูญเสียกำลังพลไปมากเพื่อจับกุมเขา…”
ฮ่องเต้เจียงโบกมือขัดจังหวะ “เจ้าเกลี้ยกล่อมเขาให้ลงมือได้หรือไม่? หากเขาฆ่าลู่เฉินได้ ข้าจะไว้ชีวิตเขา!”
เจียงจ้านลังเล “คนผู้นั้นก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย แถมยังไม่ถนัดเพลงเตะ…”
“ไม่ถนัดเพลงเตะแล้วอย่างไร?” ฮ่องเต้เจียงแสยะยิ้ม “เรื่องบ้านเมืองใครจะสนกฎเกณฑ์? ไปฆ่าลูกชายคนเดียวของลู่โฉ่วอี๋ซะ ทำให้เขาหมดกำลังใจ!”
เจียงจ้านคุกเข่าลง “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”