ตอนที่ 20 ได้รับยันต์เซียน
ศาลาริมน้ำ
ยามราตรี ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงสะท้อนผิวน้ำ บรรยากาศเงียบสงบ มีเสียงกบร้องดังมาจากสระบัว นับเป็นค่ำคืนฤดูใบไม้ร่วงที่งดงาม
ลู่โฉ่วอี๋นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ ลู่เฉินนั่งอยู่ข้าง ๆ ส่วนฮูหยินหลิวกำลังรินชาให้พวกเขา
ลู่เฉินยิ้ม “ท่านแม่ อย่าได้ลำบาก ท่านแม่นั่งลงเถอะ”
ฮูหยินหลิวยิ้ม “เฉินเอ๋อร์ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ แม้แต่คนที่จ้าวเหลยยังสู้ไม่ได้ เจ้ากลับจัดการได้อย่างง่ายดาย”
ลู่เฉินยิ้ม “ข้าฝึกฝนอย่างหนักมาเป็นเดือน ฝางเจิ้นฝูนั่นมันก็แค่คนขี้โกง อาเหลยไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยสักนิด”
“อืม” ฮูหยินหลิวพยักหน้าพร้อมยิ้ม “บุตรชายที่ข้าให้กำเนิดมาไม่ธรรมดาจริง ๆ เพียงแค่ฝึกฝนเดือนเดียวยังเก่งกาจกว่าคนพวกนั้นที่ฝึกฝนมาเป็นสิบปี”
“ฮ่า ๆ ใช่แล้วขอรับ”
ลู่โฉ่วอี๋ขมวดคิ้ว “ฮูหยินของข้า ค่ำมืดขนาดนี้แล้ว สุขภาพเจ้ายังไม่ค่อยดี เช่นนั้นกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
“ก็ได้”
เมื่อเห็นฮูหยินหลิวลุกขึ้นและเดินจากไป ลู่โฉ่วอี๋ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฝึกฝนเพียงเดือนเดียวยังเหนือกว่าคนอื่นที่ฝึกฝนมาเป็นสิบปี? เฉินเอ๋อร์ คำพูดนี้เจ้าคงหลอกได้แค่แม่ของเจ้า…”
ลู่เฉินยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ท่านพ่อไม่เชื่อลูกชายของท่านเองหรือขอรับ?”
ลู่โฉ่วอี๋มองเห็นสีหน้าจริงจังของลู่เฉินจึงถามอย่างสงสัย “เจ้าฝึกฝนเพียงเดือนเดียวก็เก่งกาจขนาดนี้แล้วหรือ? ระดับบ่มเพาะของเจ้าก็พัฒนาขึ้นได้ในเดือนเดียว?”
ลู่เฉินเงยหน้ามองดวงจันทร์ “จริงขอรับ เดือนกว่าก่อนหน้านี้ข้ายังสู้ใครไม่ได้ หากท่านพ่อไม่เชื่อ ข้าสาบานต่อหน้าดวงจันทร์ก็ได้”
“นี่มัน…” ลู่โฉ่วอี๋พูดไม่ออก
เดิมทีเขาอยากจะถามว่าลู่เฉินได้พลังและวิชามาจากไหน แต่ตอนนี้ลู่เฉินกลับยืนยันว่าเขาเรียนรู้มันในช่วงเดือนที่ผ่านมา
เขาคงไม่คิดให้ลู่เฉินสาบานต่อหน้าพระจันทร์จริง ๆ หรอก แท้จริงแล้วลู่เฉินไม่ได้โกหก เขาเป็นคนไร้ค่าเมื่อเดือนที่แล้วจริง ๆ เพียงแต่ตอนนี้เขาได้รับรางวัลจากระบบ
“เช่นนั้นคงต้องขอบคุณอาจารย์ของเฉินเอ๋อร์แล้วสินะ” ลู่โฉ่วอี๋กล่าว
“ใช่แล้วขอรับ” ลู่เฉินคิดในใจ อาจารย์ของข้าก็คือระบบ!
ลู่โฉ่วอี๋อยากจะคุยกับลู่เฉิน ถามว่าเขาฝึกฝนมาตั้งแต่เมื่อไหร่และเรียนรู้เพลงเตะได้อย่างไร…แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงหยุดบทสนทนาไว้เพียงเท่านี้
ลู่เฉินฝึกฝนมาได้เดือนกว่า แถมยังได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ลึกลับ เช่นนั้นเขาก็จนปัญญา
ลู่โฉ่วอี๋จิบชาพลางกล่าวอย่างจนใจ “ดึกมากแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”
“ขอรับ” ลู่เฉินอยากกลับตั้งนานแล้ว เพราะอยากรีบกลับไปรับรางวัลจากระบบ
เมื่อลู่เฉินจากไป ลู่โฉ่วอี๋นั่งเอนกายจิบชาพลางชมจันทร์อยู่คนเดียว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พึมพำกับตัวเอง “เป็นไปได้หรือที่คนเราจะฝึกฝนเพลงเตะขั้นเซียนและมีระดับบ่มเพาะก่อกำเนิดขั้นแปดได้ในเวลาเพียงเดือนเดียว?”
ทันทีที่เขาพูดจบ บัณฑิตวัยกลางคนผู้ไว้หนวดเคราแพะก็เดินออกมาจากความมืดด้านหลัง เขายิ้มพร้อมกล่าว “ตามหลักทฤษฎีแล้วเป็นไปไม่ได้ แต่หากได้พบกับผู้บ่มเพาะเซียนก็เป็นอีกเรื่อง”
ลู่โฉ่วอี๋หันกลับไปมอง “ท่านเหมิงเซียน ท่านกลับมาแล้ว! เป็นอย่างไรบ้าง?”
เหมิงเซียนยิ้ม “ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของท่านอ๋อง เช้าวันพรุ่งนี้ ฮ่องเต้คงต้องแปลกใจไม่น้อย!”
“ฮ่า ๆ ๆ ดี!” ลู่โฉ่วอี๋เผยสีหน้ายินดี
ทันใดนั้น เขาก็เล่าเรื่องของลู่เฉินให้เหมิงเซียนฟัง เหมิงเซียนผู้นี้ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะธรรมดา เขาเป็นผู้บ่มเพาะเซียน วิสัยทัศน์และความสามารถของเขานั้นเหนือกว่าคนทั่วไป
เหมิงเซียนพยักหน้า “หากข้าเดาไม่ผิด บุตรชายของท่านคงได้พบกับผู้บ่มเพาะเซียนเป็นแน่ วิธีการของผู้บ่มเพาะเซียนนั้นเกินกว่าที่ท่านจะจินตนาการได้ พวกเขามียาและอาวุธวิเศษมากมาย การที่คนเราจะกลายเป็นยอดฝีมือในชั่วข้ามคืนไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วนับประสาอะไรกับแค่เดือนกว่า?”
ลู่โฉ่วอี๋รู้สึกตัว “ดูเหมือนว่าเฉินเอ๋อร์จะไม่ได้โกหกข้า”
จากนั้นเขาก็มองไปที่เหมิงเซียนด้วยความคาดหวัง “ท่านเหมิงเซียน พวกเราสนิทกันมานาน อีกอย่าง ข้าก็เป็นน้องเขยของท่าน ด้วยความสามารถของท่าน ท่านพอจะทำให้ข้าเป็นผู้บ่มเพาะเซียนได้บ้างหรือไม่? หากเป็นไปได้ ข้าจะสละทุกอย่าง!”
เหมิงเซียนส่ายหน้า “หากต้องการเป็นผู้บ่มเพาะเซียน จำต้องมีรากวิญญาณเซียน ข้าเคยตรวจสอบให้ท่านแล้ว ท่านไม่มีรากวิญญาณเซียน หากข้ามีความสามารถเช่นนั้น ข้าคงสอนน้องสาวข้าไปนานแล้ว…”
“เฮ้อ!” ลู่โฉ่วอี๋เคยขอร้องเหมิงเซียนหลายหนแต่ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือในด้านนี้เสียที
เขาได้แต่ถอนหายใจ
เหมิงเซียนยิ้ม “แม้ว่าท่านจะไม่มีรากวิญญาณเซียน แต่ฟ่านเอ๋อร์มีรากวิญญาณสี่ธาตุเหมือนกับข้า อีกหนึ่งปี เมื่อเขาอายุครบแปดขวบ เขาจะได้ฝึกฝนกับข้า”
ใบหน้าของลู่โฉ่วอี๋มีรอยยิ้ม เขากล่าว “บุตรชายข้าทุกคนล้วนเก่งกาจ แต่ฟ่านเอ๋อร์เป็นเลิศที่สุด ข้าจะยกตำแหน่งรัชทายาทให้เขา! ส่วนเหมิงหง ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะรับนางเข้าจวน”
เหมิงเซียนพยักหน้า “น้องสาวข้าไม่มีรากวิญญาณเซียน ไม่อาจเป็นผู้บ่มเพาะเซียนได้ ข้าหวังเพียงให้นางมีชีวิตที่ดี”
“ท่านเหมิงเซียนโปรดวางใจ ข้า ลู่โฉ่วอี๋ จะไม่ทำให้นางผิดหวัง!”
…
ขณะเดียวกัน ลู่เฉินก็กลับไปยังกระท่อมในสวนดอกไม้ ชุนฮวาและชิวเยว่ยังคงรอเขาอยู่
“ดึกแล้ว พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ” ลู่เฉินให้สาวใช้ทั้งสองกลับไปพัก จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิบนเตียง “ระบบ”
[กำจัดภัยร้าย ท่านสังหารองครักษ์เสื้อแพรที่เป็นศัตรูได้สำเร็จ ระบบจะมอบหัวข้อรางวัลสามอย่าง โปรดเลือกมาหนึ่งอย่าง:
วิชากระบี่ขั้นสูง “วิชากระบี่ปักปิ่น”
ยันต์ระดับต่ำ “ยันต์ไฟ” (สามแผ่น)
ชุดเกราะ “ชุดเกราะแรด” ]
ลู่เฉินมองดูรางวัลทั้งสามอย่างและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
อย่างแรก วิชากระบี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ พลังทำลายล้างของวิชากระบี่ย่อมมากกว่าเพลงเตะ
อย่างที่สอง ยันต์ไฟนี้เองก็น่าสนใจไม่น้อย สิ่งนี้คือ “วิชาเซียน” ขว้างลูกไฟเผาอีกฝ่ายให้ตาย
อย่างที่สาม ชุดเกราะแรดก็เป็นของวิเศษที่ใช้ป้องกันตัว
ลู่เฉินคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจ
“ข้าเลือกข้อสอง” เขาทนต่อสิ่งลี้ลับของเซียนไม่ได้ จึงเลือกยันต์ไฟสามแผ่น
แสงวาบสว่างขึ้น ยันต์ไฟสามแผ่นตกลงบนฝ่ามือของเขา ยันต์ทั้งสามเป็นกระดาษสีเหลืองกว้างสองนิ้ว มีอักขระต่าง ๆ ที่เขาไม่เข้าใจเขียนด้วยเลือดสีชาด
“ยันต์ของผู้บ่มเพาะเซียน!” ลู่เฉินดีใจมาก วิชากระบี่ปักปิ่นและชุดเกราะแรดเป็นสมบัติของผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา มีเพียงยันต์เท่านั้นที่เป็นของผู้บ่มเพาะเซียน
ทว่า เมื่อลู่เฉินอยากทดลองใช้ กลับพบว่ามันใช้การไม่ได้
การจะใช้งานยันต์ได้ต้องมีระดับบ่มเพาะหลอมรวมปราณ กล่าวคือ ผู้บ่มเพาะเซียนระดับต่ำสุดเท่านั้นจึงจะใช้ได้
ลู่เฉินอยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นแปด ยังคงเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ เขาจึงไม่สามารถใช้งานมันได้ในขณะนี้
“บัดซบ! ขนาดยันต์กระดาษแผ่นเดียวก็ยังกลั่นแกล้งข้า!” แม้ว่าจะยังใช้ไม่ได้ แต่ลู่เฉินก็ไม่เสียใจ อย่างไรเสียสักวันเขาก็ต้องได้ใช้มัน
“หากอยากใช้มันเร็ว ๆ ก็ต้องรีบเพิ่มระดับบ่มเพาะ”
ลู่เฉินไม่จำเป็นต้องฝึกฝน เพียงแค่รอเวลา ขอเพียงเขาอยู่บ้านผ่านไปอีกวัน เขาก็จะได้รับประสบการณ์บ่มเพาะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาอยู่บ้านอย่างเบื่อหน่ายและคอยดูแลดอกไม้ทะเลสีทองทุกวัน ดอกไม้ทะเลสีทองมีระยะเวลาการบานประมาณหนึ่งสัปดาห์ หลังจากเจ็ดวัน กลีบดอกสีทองก็จะร่วงโรย ปลิวล่องไปตามแรงลม นำพาเมล็ดพันธุ์ไปทั่วทุกสารทิศ
ลู่เฉินไม่ได้ออกไปไหน เขาจึงไม่รู้เรื่องราวภายนอก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมืองเจิ้นหนานและจักรวรรดิต้าเฉียนต่างก็มีข่าวใหญ่สะเทือนโลก
หนึ่งในนั้นเกี่ยวข้องกับลู่เฉิน ว่ากันว่าคุณชายเจ็ดแห่งจวนอ๋องเจิ้นหนานที่เคยเป็นคนไร้ค่า บัดนี้กลับกลายเป็นยอดฝีมือเพลงเตะที่สามารถเตะองครักษ์เสื้อแพรจนตาย
ส่วนอีกข่าวหนึ่งนั้นน่าตกตะลึงยิ่งกว่า กองทัพปราบปรามชนเผ่าที่กำลังมุ่งหน้ามาล้อมเมืองเจิ้นหนานถูกซุ่มโจมตีกลางทาง ส่งผลให้ทหารสามหมื่นนายถูกสังหารในคืนเดียว!