ตอนที่ 18 การเตะที่ทำให้ทุกคนตกใจ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะลงมือ คนอื่น ๆ จึงรีบถอยห่าง ทันใดนั้นก็มีพื้นที่ว่างปรากฏขึ้นข้างแปลงดอกไม้
ฝางเจิ้นฝูรู้จักฝีมือของจ้าวเหลยเป็นอย่างดี เขามั่นใจในฝีมือตนเองอย่างมาก จึงบิดคอและขยับขาเล็กน้อย จ้าวเหลยจ้องมองเขาพร้อมขยับตัวเล็กน้อยเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักองครักษ์เสื้อแพรคนนี้และไม่รู้ว่าฝีมืออีกฝ่ายเก่งกาจขนาดไหน แต่เขาเป็นถึงหัวหน้าผู้ฝึกสอนเพลงเตะของกองทัพเจิ้นหนานห้าแสนนาย เขาไม่เคยยอมแพ้ใคร
“มาเลย!” ทั้งสองเริ่มเคลื่อนไหวในทันที
จ้าวเหลยใช้เพลงเตะอันว่องไว ร่างของเขาพุ่งเข้าหาฝางเจิ้นฝูอย่างรวดเร็วพร้อมเตะออกไป
ฝางเจิ้นฝูรับมืออย่างใจเย็น เขาก้มตัวหลบ ใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นพร้อมกวาดขาหวังจะเตะจ้าวเหลยให้ล้ม
ตอนนี้เท้าของจ้าวเหลยแตะพื้นเพียงข้างเดียว เขาเปลี่ยนกระบวนท่าทันที กระโดดขึ้นด้วยขาข้างเดียว จากนั้นก็เปลี่ยนท่ากลางอากาศ เหยียบหน้าฝางเจิ้นฝูด้วยสองเท้า
ฝางเจิ้นฝูหลบไม่พ้น จึงกลิ้งตัวไปด้านหลังเพื่อออกให้พ้นจากการโจมตี
"ฮ่า ๆ ดีมาก!" ลู่โฉ่วอี๋ปรบมือเสียงดังเมื่อเห็นจ้าวเหลยได้เปรียบในการโจมตีครั้งแรก
เหล่าขุนพลต่างก็เป็นคนใจร้อน เมื่อเห็นทั้งสองต่อสู้กันก็ลืมเรื่ององครักษ์เสื้อแพรไปชั่วขณะ พากันส่งเสียงเชียร์จ้าวเหลย
ส่วนเฉินจ้าวและคนอื่น ๆ นั่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ฝางเจิ้นฝูกลิ้งล้มไปที่ข้างแปลงดอกไม้ จ้าวเหลยจึงหยุดโจมตี เขารู้ว่าดอกไม้เหล่านี้เป็นผลงานของคุณชาย เขาไม่อยากให้ฝางเจิ้นฝูกลิ้งเข้าไปในแปลงดอกไม้และทำลายมัน
ในที่สุดฝางเจิ้นฝูก็ได้โอกาสพลิกสถานการณ์
ตัวเขาเต็มไปด้วยฝุ่น หมวกเอียงดูไม่เป็นทรง ทำให้ความแค้นในใจของเขาลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
เขารีบพุ่งเข้าใส่จ้าวเหลยอีกหน
ทั้งสองโจมตีกันด้วยขาเหมือนดั่งแรกเริ่ม จ้าวเหลยใช้เพลงเตะวายุที่สืบทอดมาจากตระกูล ซึ่งรวดเร็วปานสายลม ส่วนฝางเจิ้นฝูใช้ “เพลงเตะถาน” ซึ่งเป็นเพลงเตะขึ้นชื่อของทางใต้ เน้นการโจมตีที่หนักแน่น
ทั้งสองโจมตีกันด้วยขา เงาขาพันกันยุ่งเหยิง ร่างของจ้าวเหลยรวดเร็วปานสายลม เขาเตะออกไปอย่างต่อเนื่องด้วยขาข้างเดียว ความเร็วของขาไม่น้อยไปกว่าหมัด ภายใต้แสงไฟเกือบจะมองเห็นเป็นเพียงภาพติดตา
ขาของฝางเจิ้นฝูเองก็ทรงพลังมากไม่แพ้กัน ทั้งกวาดหรือถีบเกี่ยว ล้วนแต่น่าตกใจที่ขาสามารถเคลื่อนไหวได้มากมายเพียงนี้
การต่อสู้ที่ดุเดือดช่างน่าตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่เฉินได้เห็นการต่อสู้ด้วยขา การฝึก “วิชาเตะวายุอัสนี” ของเขาบรรลุขั้นสูงแล้ว ถือว่าเป็นยอดฝีมือเพลงเตะอย่างแท้จริง
เมื่อมองดูทั้งสองที่กำลังต่อสู้กัน เขาไม่ได้ดูแค่ความสนุก แต่เขากำลังสังเกตกระบวนท่าตาม
เห็นได้ชัดว่าเพลงเตะของจ้าวเหลยมีความชำนาญมากกว่า สมกับเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนเพลงเตะ แต่ฝางเจิ้นฝูก็ไม่ได้หวั่นไหว เพราะเขามีพื้นฐานที่ดีกว่า
จ้าวเหลยอยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นเจ็ด ส่วนฝางเจิ้นฝูอยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นแปด อย่าดูถูกความแตกต่างเพียงเล็กน้อยนี้ บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังไม่อาจทะลวงขั้นได้
ฝางเจิ้นฝูมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่า ยิ่งต่อสู้นานเท่าไหร่ โอกาสชนะของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
จ้าวเหลยเป็นผู้เชี่ยวชาญเพลงเตะ เขามองออกว่าอีกฝ่ายมีฝีมือเหนือกว่า จึงรู้ดีว่าต้องต่อสู้ให้เร็วและเด็ดขาด เขาจึงแสร้งเปิดช่องโหว่ล่อให้อีกฝ่ายเข้ามา
จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังและใช้ท่าไม้ตาย “เพลงเตะวายุติดตาม” เมื่อท่านี้ถูกใช้ จะเห็นเพียงเงาขาต่อเนื่อง ผู้คนรอบข้างไม่อาจแยกแยะได้ว่าขาข้างไหนคือขาจริงของจ้าวเหลย
สีหน้าของฝางเจิ้นฝูเปลี่ยนไป เขาถอยไม่ทันแล้ว เขารู้ว่าการแพ้ชนะขึ้นอยู่กับการโจมตีครั้งนี้จึงรีบดึงขาถอยหลังและใช้ปลายเท้ากวาดขาออกไป
ติ๊ง! ทุกคนได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน
"เสียงอะไร?" ทุกคนต่างสงสัย
จ้าวเหลยร้องครวญคราง รีบหดขาและยืนขึ้น สีหน้าบิดเบี้ยว ราวกับว่าเขาเพิ่งเตะแผ่นเหล็ก
ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้ว "เขาใส่รองเท้าเหล็ก! เขากำลังโกง! พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ใช้อาวุธ รองเท้าเหล็กก็นับเป็นอาวุธ!”
ฝางเจิ้นฝูแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขารีบพุ่งเข้าใส่จ้าวเหลย เตะเข้าไปอย่างต่อเนื่องด้วยรองเท้าเหล็ก
จ้าวเหลยเตะโดนแผ่นเหล็กจนนิ้วเท้าแตก แม้ว่าเขาจะกัดฟันสู้ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้
นิ้วเท้าของเขาแตกและเจ็บปวดอย่างมาก แต่อีกฝ่ายกลับใส่รองเท้าเหล็ก หากยังสู้ต่อไป เขาก็มีแต่จะบาดเจ็บยิ่งขึ้น
เห็นดังนั้น ลู่โฉ่วอี๋จึงรีบลุกขึ้นตะโกน “หยุด!”
ฝางเจิ้นฝูไม่สนใจคำสั่งของลู่โฉ่วอี๋ เขายังคงโจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่องจนกระทั่งกระดูกน่องของจ้าวเหลยหัก จากนั้นเขาก็กวาดขา เตะจ้าวเหลยกระเด็นตกไปในแปลงดอกไม้
“หัวหน้าองครักษ์!” ทหารคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในแปลงดอกไม้ พยุงจ้าวเหลยขึ้นมา พบว่าเขาไม่สามารถยืนได้ด้วยขาข้างเดียว
“ฮ่า ๆ ๆ!” เฉินจ้าวหัวเราะลั่น “ท่านอ๋องลู่ เพลงเตะของหัวหน้าองครักษ์ท่านดูเหมือนจะยังไม่เก่งกาจเท่าไหร่นะ”
ลู่โฉ่วอี๋กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คนของท่านเล่นไม่ซื่อ พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ใช้อาวุธและใช้เพียงขา แต่เขากลับใส่รองเท้าเหล็ก จ้าวเหลยจะสู้ได้อย่างไร?”
เฉินจ้าวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ท่านอ๋อง ท่านพูดผิดไปแล้ว รองเท้าเหล็กก็คือรองเท้า ไม่ใช่อาวุธ ถึงท่านจะเป็นถึงอ๋อง ท่านคงไม่ห้ามให้คนใส่รองเท้าหรอกนะ?”
ฝางเจิ้นฝูเตะขาจ้าวเหลยหักข้างหนึ่ง แต่เขาก็ยังไม่หนำใจ เขาแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “ไอ้หมาแก่ขาหัก เจ้าตายแน่!”
ตอนนั้นเอง บรรยากาศในสวนก็ตึงเครียดถึงขีดสุด
ทุกคนไม่กล้าพูดอะไรเมื่อได้เผชิญหน้ากับความอวดดีขององครักษ์เสื้อแพร จ้าวเหลยถูกเตะขาหัก งานชมดอกไม้ของอ๋องลู่ล้มเหลวไม่เป็นท่า
แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีชายชุดขาวคนหนึ่งเดินออกมา
"ฝางเจิ้นฝู เจ้าไม่เพียงแต่โกงในการประลองเท่านั้น แต่ยังทำลายสวนดอกไม้ของข้าอีก เจ้าควรจะชดใช้ให้ข้าสักหน่อยไม่ใช่หรือ?" ผู้ที่เดินออกมานั้นคือลู่เฉิน คุณชายในชุดขาวสะอาดตา
"คุณชายลู่?" ฝางเจิ้นฝูหรี่ตา แสยะยิ้ม "ข้าได้ยินมาว่าท่านเป็นแค่ขยะไร้ค่าที่เอาแต่ปลูกดอกไม้ ไม่นึกเลยว่าท่านจะโง่เขลาเช่นนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ตระกูลของท่านอนุญาตให้ท่านออกมาพูดได้ด้วยหรือ?"
ลู่โฉ่วอี๋รีบตะโกน "เฉินเอ๋อร์ ถอยไป!"
ฮูหยินหลิวก็กลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ จึงรีบเดินเข้ามา "เฉินเอ๋อร์ นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่"
ทว่าลู่เฉินกลับหลบฮูหยินหลิว เขายังคงเดินไปหาฝางเจิ้นฝูอย่างใจเย็น "ข้า ลู่เฉิน ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร หากเจ้าทำลายสวนดอกไม้ของข้า เจ้าต้องชดใช้!"
ฝางเจิ้นฝูเห็นฝีเท้าของลู่เฉินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป "เจ้าก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือ?"
ลู่โฉ่วอี๋ก็เห็นฝีเท้าของลู่เฉินเช่นกัน เขารู้ว่าลู่เฉินได้เป็นศิษย์ของยอดฝีมือและเรียนรู้วิทยายุทธ์มาบ้าง แต่ก็ไม่ได้คาดหวังในตัวบุตรชายมากนัก จึงเร่งเขาตะโกนเสียงดัง "เฉินเอ๋อร์ กลับเข้าไป!"
ลู่เฉินไม่สนใจ เขากำหมัดแน่นพร้อมกล่าวกับฝางเจิ้นฝู "ช่วงนี้ข้าฝึกเพลงเตะมาได้เดือนกว่าแล้ว อยากจะขอคำแนะนำจากท่านสักหน่อย"
"ฝึกฝนมาเดือนกว่า?" ฝางเจิ้นฝูแสยะยิ้ม "กำลังหาที่ตายหรือคุณชาย?"
ลู่เฉินตอบ "ได้โปรดชี้แนะ"
ฝางเจิ้นฝูยังคงลังเลอยู่บ้าง เขาหันไปมองเฉินจ้าว เมื่อเห็นเฉินจ้าวพยักหน้าเล็กน้อย ฝางเจิ้นฝูก็แอบยิ้มดีใจ ฮ่องเต้ต้องการให้ตระกูลลู่สิ้นวงศ์ตระกูล หากเขาฆ่าลู่เฉินได้ก็เท่ากับสร้างผลงานครั้งใหญ่
ไวเท่าความคิด เขาจึงพุ่งเข้าโจมตีลู่เฉินก่อน
ว้าว! เสียงอื้ออึงดังขึ้นรอบทิศ
ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างรู้ว่าบุตรชายเจ็ดของอ๋องลู่เป็นคนไร้ค่า เอาแต่ปลูกดอกไม้ที่บ้าน แต่เขาคิดอยากประลองกับฝางเจิ้นฝู?
ขนาดจ้าวเหลยยังถูกเตะขาหัก ไม่คิดหรือว่าตัวเองกำลังรนหาที่ตาย?
ลู่โฉ่วอี๋กังวลมาก หากลู่เฉินได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย เขาจะสั่งให้ลู่เฉินยอมแพ้ทันที
แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึง
ลู่เฉินเผชิญหน้ากับการโจมตีของฝางเจิ้นฝูอย่างไม่เกรงกลัว เขายกชายเสื้อสีขาวขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็เหวี่ยงขาออกไป เงาสีขาวปรากฏขึ้นทั่วท้องฟ้า
เพียงแค่เริ่มต้นก็รู้แล้วว่าใครเหนือกว่า
ลู่เฉินทำให้ทุกคนตกตะลึงด้วยเพลงเตะ
"นี่มัน…" ลู่โฉ่วอี๋มองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพลงเตะแบบนี้ไม่น่าจะฝึกฝนได้ในเวลาเพียงเดือนเดียว
ลู่เฉินใช้วิชาเตะวายุอัสนี เมื่อเตะออกไป ไม่เพียงแต่มีเงาขาปรากฏขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีเสียงลมปราณดังก้องกังวาน
เสียงลมหวีดหวิว เงาขาดุจสายฟ้าฟาด ฝางเจิ้นฝูใจหายวาบ เขารู้ว่าตัวเองเจอกับยอดฝีมือเข้าให้แล้ว