ตอนที่แล้วตอนที่ 15 คนเบื้องหลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 ข้าเองก็ถนัดเตะคนจากข้างหลัง

ตอนที่ 16 เหมือนเกราะทองคำ


พื้นดินปกคลุมด้วยดอกเบญจมาศสีทองอร่ามดุจชุดเกราะ จวนอ๋องเจิ้นหนานเต็มไปด้วยความรื่นเริง งานเลี้ยงถูกจัดเตรียมอย่างอลังการ รอคอยเหล่าขุนศึกและมิตรสหาย

ขณะเดียวกัน จวนแม่ทัพเจิ้นหนานและจวนผู้ว่าก็ได้รับราชโองการลับ

เสวี่ยผิงไห่ แม่ทัพเจิ้นหนานมีสีหน้าเคร่งเครียด “ลู่โฉ่วอี๋เชิญใครบ้าง?”

ทหารของเขาส่งมอบกระดาษรายชื่อเข้าร่วม บนนั้นมีชื่อมากมายซึ่งล้วนแต่เป็นคนที่เสวี่ยผิงไห่คุ้นเคย เหตุเพราะรายชื่อของคนพวกนี้ต่างเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตนทั้งนั้น

“พวกมันช่างเนรคุณ! ข้าดีกับพวกมันขนาดไหนแต่พวกมันกลับ…” เสวี่ยผิงไห่โยนจดหมายลงพื้นด้วยความโกรธ

คนเหล่านี้ล้วนเป็นขุนพลของเขา ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งเพื่อปราบพวกเขาจนราบคาบ นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังคงภักดีต่อลู่โฉ่วอี๋เช่นนี้

แม้จะโกรธเพียงใดเขาก็ไม่กล้าทำอะไรคนพวกนี้นัก เพราะหากบุคลเหล่านี้เพิกเฉนต่อเขา เช่นนั้นคำสั่งทางทหารของแม่ทัพเจิ้นหนานคงไม่พ้นออกจากจวน

ทันใดนั้น ก็มีทหารม้าคนหนึ่งควบม้าเข้ามารายงาน

“ราชโองการด่วนแปดร้อยลี้จากเมืองหลวง!”

เสวี่ยผิงไห่รับราชโองการลับจากฮ่องเต้ เขายิ้มออกมาอย่างดีใจ “ฝ่าบาทเข้าใจข้า! ลู่โฉ่วอี๋ คืนนี้เจ้าจงก่อกบฏเลยยิ่งดี!”

ทันใดนั้นเขารีบสั่งการ “ไปที่กองทัพปราบปรามทางใต้และกองทัพปราบปรามชนเผ่าที่ประจำการอยู่ที่ป้อมปราการและเมืองกู่เจิ้น ออกคำสั่งยกทัพมาล้อมเมืองเจิ้นหนาน! ฝ่าบาทอนุญาตให้ข้าตัดสินใจเองได้ หากพบว่าลู่โฉ่วอี๋คิดก่อกบฏ ข้าจะบุกเข้าเมืองและกำจัดพวกมันในทันที!”

เหล่าขุนพลของกองทัพเจิ้นหนานไม่เชื่อฟังเขา แต่กองทัพปราบปรามทางใต้และกองทัพปราบปรามชนเผ่าเป็นทหารจากที่อื่น พวกเขาไม่สนิทสนมกับลู่โฉ่วอี๋และทำตามแต่คำสั่งของฮ่องเต้ เสวี่ยผิงไห่มีกองทัพอยู่ในมือ สิ่งนี้ทำให้เขามั่นใจมากขึ้น หลังจากส่งสารไปยังกองทัพทั้งสองแล้วเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ “ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ลู่โฉ่วอี๋ ข้าจะรอดูเจ้าก่อกบฏ!”

ณ จวนผู้ว่า

เฉินจ้าวก็ได้รับราชโองการลับเช่นกัน เขายิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะไม่อยากให้งานชมดอกไม้ของอ๋องลู่ราบรื่น!”

“ฝ่าบาทตรัสว่าอย่างไรหรือขอรับ?” ฝางเจิ้นฝู ผู้ใต้บังคับบัญชาถามอย่างร้อนรน

เฉินจ้าวยิ้ม “ฝ่าบาทให้พวกเราไปร่วมงานด้วย เพื่อช่วยอ๋องลู่สร้างสีสัน!”

“ดี!”

ลู่โฉ่วอี๋ไม่ได้เชิญเฉินจ้าว แต่ในฐานะองครักษ์เสื้อแพร เฉินจ้าวมีอำนาจที่จะเข้าไปในจวน ฝางเจิ้นฝูถาม “พวกเราจะช่วยสร้างสีสันงานนี้อย่างไรดี? ให้ข้านำกำลังเข้าไปค้นจวนเลยดีหรือไม่ขอรับ?”

“ไม่ได้ การทำเช่นนั้นจะทำให้หน่วยองครักษ์เสื้อแพรดูเป็นผู้ร้าย”

เฉินจ้าวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สืบหาตัวยอดฝีมือที่เตะจวี้เซียงจนตายเจอหรือยัง?”

“ยังไม่พบขอรับ” ฝางเจิ้นฝูกล่าว “ลู่โฉ่วอี๋ก็ส่งคนไปตามหาแต่ก็หาไม่พบเช่นกัน ข้าน้อยสงสัยว่าจ้าวเหลย หัวหน้าองครักษ์ของเขาเป็นคนลงมือ”

“โอ้ ครั้งก่อนเจ้าบอกว่าเพลงเตะของจ้าวเหลยไม่มีท่านี้ไม่ใช่หรอกหรือ…”

ฝางเจิ้นฝูยิ้ม “ท่าน เพลงเตะของข้าน้อยก็ไม่เลวนะขอรับ ข้าลองฝึกฝนดูในช่วงนี้ ลองเตะแบบนั้นดูบ้างพบว่าข้าเองก็ทำได้!”

“ดี!” เฉินจ้าวตบมือด้วยความดีใจ “หากเจ้าต้องสู้กับจ้าวเหลย เจ้ามีโอกาสชนะหรือไม่?”

“ระดับบ่มเพาะของเขายังด้อยกว่าข้า แม้เพลงเตะเขาจะดี แต่ข้าเองก็ฝึกฝนมาอย่างหนัก แถมยังสั่งทำรองเท้าหัวเหล็กเสริม…หากต้องสู้กับจ้าวเหลย แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่มือข้า!” ฝางเจิ้นฝูกล่าวอย่างมั่นใจ

นับตั้งแต่จวี้เซียงตาย เขาก็เต็มไปด้วยความแค้น เขาคิดว่าจ้าวเหลยเป็นคนลงมือ จึงฝึกฝนเพลงเตะอย่างหนักและซื้อรองเท้าหัวเหล็กใส่ รอคอยโอกาสที่จะได้เตะจ้าวเหลยให้ตายด้วยท่าเดียวกัน

ไม่นึกเลยว่าเขาจะได้โอกาสในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้!

เฉินจ้าวหัวเราะลั่น “ดีมาก! คืนนี้พวกเราจะไปเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญทำการหักหน้าลู่โฉ่วอี๋!”

“ข้าน้อยจะทุ่มเทสุดกำลัง!”

“ดี ดีมาก!”

ตอนบ่าย จวนอ๋องเจิ้นหนานล้วนเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ

กองทัพเจิ้นหนานถูกสร้างขึ้นโดยลู่โฉ่วอี๋ ทุกคนล้วนเป็นขุนพลของเขา แม้เสวี่ยผิงไห่จะเข้ามารับช่วงต่อและโยกย้ายขุนพลสำคัญบางคนออกไป แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะโยกย้ายนายทหารระดับกลางทั้งหมด

วันนี้ลู่โฉ่วอี๋เชิญเหล่าทหารเก่าเหล่านี้มารวมตัวกัน

ยังไม่ทันตะวันลับฟ้า เหล่าทหารเก่าก็ทยอยเดินทางมาถึง พวกเขารู้จักกันเป็นอย่างดี ต่างพูดคุยทักทายกันอย่างสนุกสนาน

ลู่โฉ่วอี๋ยืนอยู่ที่หน้าประตูเพื่อต้อนรับแขก

เหล่าขุนพลเมื่อเห็นผู้บังคับบัญชาเก่าก็รีบลงจากม้า เดินเข้าจวน คุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกล่าวเสียงดัง “คารวะท่านแม่ทัพ!”

แม้ว่าลู่โฉ่วอี๋จะวางมือจากการเป็นแม่ทัพมานาน ทว่าเหล่าทหารก็ยังคงเรียกเขาว่าท่านแม่ทัพเช่นเคย

“ฮ่า ๆ ดี! ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องมากพิธีไป ข้าเป็นแค่อ๋อง ไม่อาจรับการคารวะเช่นนี้ได้” ลู่โฉ่วอี๋ยิ้มแย้ม

“หึ! เสวี่ยผิงไห่นั่นมันก็แค่ขยะไร้ค่า มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่เป็นแม่ทัพในใจของพวกเรา!” ขุนพลคนหนึ่งกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

ลู่โฉ่วอี๋แอบยิ้มดีใจ “อย่าพูดเช่นนี้เลย ไปพักผ่อนที่สวนหลังก่อน รอเวลาเริ่มงานเลี้ยงประเดี๋ยว”

ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีขุนพลอีกคนเดินทางมาถึง

เมื่อครั้งลู่โฉ่วอี๋คุมกองทัพ เขารักทหารทุกนายราวกับบุตรของตน ทุกครั้งที่ออกรบเขามักจะอยู่แนวหน้า หลังสงครามก็กินนอนร่วมกับทหาร สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น

ดังนั้น แม้เหล่าทหารจะรู้ว่าการมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้อาจนำมาซึ่งปัญหา แต่พวกเขาก็ยังคงมาเพื่อตอบแทนบุญคุณของลู่โฉ่วอี๋

เวลาเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหกโมงเย็น

ยกเว้นคนขี้ขลาดบางคน เกือบทุกคนที่ลู่โฉ่วอี๋เชิญต่างมาร่วมงาน ลู่โฉ่วอี๋ยิ้ม “เช่นนั้นก็ไม่ต้องรอใครเพิ่มแล้ว เริ่มงานเลี้ยงกันเลย!”

งานเลี้ยงวันนี้จัดขึ้นที่ศาลาข้างสระ มีลานกว้างข้างสระน้ำ ทุกคนนั่งล้อมโต๊ะ บนลานมีนางรำและนักดนตรีบรรเลงเพลงขับกล่อม ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างถูกคอ

“ข้า ลู่โฉ่วอี๋ เคยร่วมเป็นร่วมตายกับพวกเจ้าทุกคน เคยดื่มน้ำแข็งนอนกลางหิมะต่อสู้กับชนเผ่าเร่ร่อน! ข้าไม่เคยลืมวันเวลาเหล่านั้น! ข้าเสียใจที่ต้องสูญเสียเพื่อนพ้องไปมากมาย ข้า ลู่โฉ่วอี๋ผู้นี้ยังคงรู้สึกละอายใจต่อพวกเขา!”

ลู่โฉ่วอี๋ดื่มเหล้าไปหลายแก้ว ขณะกล่าวถึงเรื่องราวในอดีตด้วยความอาลัย น้ำตาก็ไหลอาบใบหน้า

เหล่าขุนพลรู้สึกสะเทือนใจไม่ต่าง เมื่อนึกถึงวันเวลาที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่และเพื่อนพ้องที่จากไป พวกเขาก็ได้แต่เศร้าใจ

ทันใดนั้นมีคนกล่าวเสียงดัง “นึกถึงสิ่งที่ท่านอ๋องเคยทำให้พวกเรา จากนั้นก็มองดูแม่ทัพเสวี่ยในตอนนี้! มันช่าง…”

มีหลายคนที่ไม่พอใจเสวี่ยผิงไห่ เมื่อมีคนหนึ่งกล้าพูด คนอื่น ๆ ก็เริ่มพูดตาม

ลู่โฉ่วอี๋เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพอใจ “เอาล่ะ ๆ เริ่มบรรเลงเพลง!”

ความหรรษาทำเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งดึกดื่น หลังจากดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน งานเลี้ยงก็ใกล้จะจบ

วันนี้ลู่โฉ่วอี๋อารมณ์ดี เขาดื่มเหล้าไปมากจนเริ่มมึนเมาแต่ก็ไม่ลืมเรื่องสำคัญของวันนี้

“ทุกท่าน วันนี้ข้าเชิญพวกท่านมาเพื่อร่วมงานชมดอกไม้! บุตรชายข้าผู้มีความสามารถน้อยนิด ได้ลงมือปลูกดอกไม้ทะเลสีทองด้วยมือของเขาเอง พวกมันงดงามมาก ข้าอยากเชิญทุกท่านไปชม”

เหล่าขุนพลล้วนเป็นชายชาญ พวกเขาไม่สนใจการชมดอกไม้ แต่ในเมื่อท่านอ๋องเอ่ยปาก พวกเขาก็ต้องไป

ทุกคนเดินตามบ่าวไพร่ไปยังสวนดอกไม้

ขณะนั้น ท้องฟ้ามืดสนิท ไร้แสงดวงจันทร์โผล่พ้นเมฆใด ๆ

ทว่าในสวนกลับสว่างไสว แสงเทียนสีทองส่องสว่างโดยทั่ว โคมไฟและคบเพลิงล้อมรอบแปลงดอกไม้

แสงไฟส่องกระทบดอกเบญจมาศสีทองดูแวววาวราวกับถูกทำจากเส้นไหมสีทอง สะท้อนกับชุดเกราะสีทอง แม้แต่ชายชาญก็ยังเอ่ยชม “ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก!”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด