ตอนที่ 121 มิดไนท์โกสต์ (ฟรี)
ตอนที่ 121 มิดไนท์โกสต์
สวี่จื้อตรวจดูสเตตัสของเสี่ยวไต้อีกครั้ง หลังจากที่มันตื่นขึ้นมา
[ สายพันธุ์ต่างดาว ( เสี่ยวไต้ ) ( เลเวล 30 ) ]
[ จิตวิญญาณ : 100 ]
[ ร่างกาย : 10,000 ]
[ พลัง : เลือด ]
[ สกิล : กระหายเลือด ซุ่มซ่อน คล่องตัว แข็งแกร่ง กระสับกระส่าย กรีดแทง วิวัฒนาการ ( เลเวล 5 ) แปรเปลี่ยน ( เลเวล 5 ) ]
[ สกิลพิเศษ : เมล็ดปรสิต ]
ระดับเลเวลเบื้องหลังสกิลส่วนใหญ่หายไป และสิ่งแรกที่สวี่จื้อเห็นก็คือค่าสถานะของจิตวิญญาณที่เพิ่มเป็น 100 แต้ม และของร่างกายที่เพิ่มเป็น 10,000 แต้ม
นอกจากนี้ สกิลวิวัฒนาการยังได้พัฒนาขึ้นอีกเลเวลหนึ่ง และสกิลแปรเปลี่ยนก็พัฒนามาถึงเลเวล 5 เช่นเดียวกัน
ส่วนในด้านของพลัง ยังมีเพียงพลังเลือดที่แสดงอยู่เท่านั้น ไม่มีพลังแสงเพิ่มเข้ามา
คำถามก็คือ ระดับเลเวลของสกิลที่หายไปนั้น หมายถึงอะไร?
สวี่จื้อหันความสนใจไปที่ข้อความแจ้งเตือนบนหน้าจอเกมที่ยังคงเด้งขึ้นมาเรื่อยๆ
[ ยินดีด้วย แฟมิเลีย ‘เสี่ยวไต้’ ของคุณได้มาถึงเลเวล 30 แล้ว อันตรายที่ซ่อนเร้นได้ถูกกำจัด ตอนนี้คุณสามารถปล่อยให้มันออกห่างจากตัว โดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะถูกล่อลวงหรือหนีหายไป ]
“ดีเลย แบบนี้ฉันค่อยโล่งใจขึ้นหน่อย”
[ ยินดีด้วย ค่าจิตวิญญาณของแฟมิเลียได้มาถึง 100 แต้มแล้ว ความฉลาดทางจิตวิญญาณของมันถูกเปิดออก หลังจากนี้ มันจะค่อยๆ เรียนรู้ และพัฒนาสติปัญญาของตัวเองได้ทีละนิด ]
การที่มันสามารถต้านทานสิ่งล่อลวงได้ก็ถือเป็นเรื่องดีมากแล้ว ตอนนี้ เมื่อได้เห็นว่าเสี่ยวไต้จะค่อยๆ พัฒนาสติปัญญาได้เอง สวี่จื้อก็เต็มไปด้วยความดีใจ ในที่สุดมันก็ฉลาดขึ้นเสียที
เธอจะได้ไม่ต้องคอยปวดหัวกับการเลี้ยงเด็กอ่อนอีกต่อไปแล้ว
[ ยินดีด้วย ระดับสกิลของแฟมิเลียได้มาถึงเลเวล 10 แล้ว สกิลที่แฟมิเลียถือครองจึงพัฒนาเป็นยูนีคสกิล ]
[ สกิลทั่วไป : เป็นสกิลที่สิ่งมีชีวิตทุกตัวมี และส่งผลเหมือนกันโดยเฉลี่ย ความสามารถจะเชื่อมโยงกับระดับเลเวล และไม่ใช่ผู้ถือครอง ]
[ ยูนีคสกิล : พัฒนาจากสกิลทั่วไป ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตที่ถือครองสกิลนั้นมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดเอฟเฟ็กต์บางอย่าง และมีลักษณะพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ ส่งผลให้สกิลทรงพลังขึ้นกว่าเดิม ]
[ ยินดีด้วย เนื่องจากสกิลของแฟมิเลียของคุณได้รับการพัฒนาเป็นยูนีคสกิล สกิลที่คุณสุ่มได้จากแฟมิเลียตนนั้นก็จะถูกพัฒนาขึ้นตามไปด้วย และเนื่องจากเป็นยูนีคสกิล แม้ว่าแฟมิเลียจะตาย สกิลก็จะไม่หายไป ]
นี่ถือเป็นข่าวดีจริงๆ!
เรื่องนี้ทำให้สวี่จื้อประหลาดใจมาก เมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็จะมีเรื่องให้กังวลน้อยลง
“ช่วยให้คำอธิบายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเกี่ยวกับยูนีคสกิลได้มั้ย มันมีอะไรที่เพิ่มขึ้นมาบ้าง?”
คำอธิบายก่อนหน้านี้ยังค่อนข้างคลุมเครือ เธอต้องการจะเห็นภาพมากกว่านี้
[ พูดง่ายๆ ก็คือ แต่ละระดับสกิลก่อนหน้านี้จะส่งเพิ่มความสามารถ และค่าสเตตัสจำนวนหนึ่งเท่านั้น โดยไม่สนว่าจะมีความเข้ากันได้กับแฟมิเลียตนนั้นมากเท่าไหร่ ]
[ แต่เมื่อเกิดการพัฒนาเป็นยูนีคสกิล มันจะส่งผลต่อตัวแฟมิเลียต่างออกไป ปรับให้มีความเหมาะสม และใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น และการโจมตีทางกายภาพที่เกิดจากแฟมิเลียตนนั้นจะมาพร้อมกับโบนัสพิเศษที่เกิดจากพลังที่มันถือครอง อย่างเช่น การโจมตีทางกายภาพที่แฝงไปด้วยพลังเลือดจะทำให้ศัตรูมีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในสภาวะเสียสติ และจิตใจปั่นป่วน ]
สวี่จื้อคิดตาม และตระหนักได้ว่ามันทรงพลังขึ้นมาจริงๆ มันเป็นเหมือนสกิลที่ปรับโฉมใหม่ เหมือนกับสกิลเวอร์ชั่นอัพเกรด
อย่างไรก็ตาม โบนัสพิเศษที่ถูกกล่าวถึงนั้นเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ และเรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเลยก็ว่าได้
แต่ยังไม่จบ ข้อความที่ขึ้นต้นด้วย ‘ยินดีด้วย’ ยังเด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อน
[ ยินดีด้วย แฟมิเลียของคุณได้รับสกิลพิเศษ : เมล็ดพันธุ์แห่งความโลภ ]
[ เมล็ดพันธุ์แห่งความโลภ : แฟมิเลียของคุณสามารถดูดซับพลังงานต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง และยังสามารถแปลงพลังงานนั้นให้กลายเป็นผลไม้ได้อีกด้วย ]
[ หมายเหตุ : การสร้างผลไม้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะแปลงพลังงานจากสายพลังต่างๆ ได้อย่างอิสระ แต่ก็ต้องมีพลังงานเพียงพอ และไม่ว่าจะใช้พลังสายใดเป็นแหล่งพลังงาน ผลไม้ที่ได้ก็จะเป็นอบอวลด้วยพลังเลือดเท่านั้น และหลังจากสร้างผลไม้ขึ้น แฟมิเลียของคุณจะสูญเสียพลังงานไปเป็นจำนวนมาก ]
สกิลพิเศษ เป็นสกิลพิเศษอันใหม่ นี่มันเยี่ยมไปเลย
“ผลไม้นั้นคล้ายกับผลไม้สีดำหรือเปล่า?” สวี่จื้อถาม
[ ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด มันมีเกรดต่ำกว่า ]
แม้จะเสียดายนิดหน่อย แต่แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น หากฉันโยนแก่นพลังรองให้มัน มันจะสามารถแปลงพลังงานในนั้นให้เป็นผลไม้ได้หรือไม่?”
[ ได้ แต่จะมีการสูญเสียอยู่ เพราะพลังงานในแก่นพลังรองนั้นมีน้อยเกินไป ควรใช้งานโดยตรงหรือเพื่อจุดประสงค์อื่นจะดีกว่า ]
มีความเป็นไปได้ แต่ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้วิธีนี้เท่าไรนัก
มันแสดงให้สวี่จื้อเห็นว่าเธอไม่ใช่ควรจะใช้สกิลพิเศษนี้เพื่อสังเคราะห์แก่นพลังหลัก
“แล้วมันสามารถดูดซับพลังงานจากหมอกดำได้หรือเปล่า?” สวี่จื้อถามอย่างกล้าหาญ
[ ความคิดของคุณนี่ช่างกล้าหาญจริงๆ ]
[ แต่น่าเสียที่ตอนนี้ยังไม่อาจทำได้ ]
ตอนนี้…
เข้าใจแล้ว ต้องรอให้ระดับของสกิลสูงกว่านี้สินะ
สำหรับสกิลนี้ ถือว่ามีศักยภาพไม่น้อยเลยทีเดียว
สวี่จื้อรู้สึกตื่นเต้นมาก ความสุขเอ่อล้นไปด้วยทั่วหัวใจ การเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวไต้เมื่อมาถึงเลเวล 30 นั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ สมกับที่ตั้งตารอ
“เยี่ยมไปเลย!”
ตัวเธอรู้สึกกลับมามีความหวังอีกครั้ง
ในที่สุด ก็มีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นอีกครั้งบนหน้าจอเกม
[ โปรดทราบ แฟมิเลียของคุณอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเติบโตที่ละเอียดอ่อน อนาคตของมันจะขึ้นกับสิ่งต่างๆ ที่ได้สัมผัสในช่วงเวลานี้ โปรดระมัดระวัง และคอยควบคุมอย่างเคร่งครัด ]
ไม่เหมือนกับเสี่ยวอี้หรือโก้วจื่อ ตรงที่สวี่จื้อสามารถบอกได้ว่าพวกมันมีเส้นทางวิวัฒนาการเป็นของตัวเอง แต่สำหรับเส้นทางวิวัฒนาการของเสี่ยวไต้ ดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่มันได้สัมผัส และเกิดขึ้นกับตัวมันหลังจากนี้
“แต่ก่อนอื่นหักกิ่งไม้มาให้ฉันสักกิ่งหนึ่งก่อน” สวี่จื้อพูดกับเสี่ยวไต้ที่มองเธอด้วยสายตาแวววาว
แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด มันก็ถ่ายทอดอารมณ์ที่แฝงไปด้วย ‘ความคับข้องใจ’ ออกมาในทันที และสวี่จื้อก็รู้ว่ามันต้องการอะไร โดยไม่ต้องคิดให้มากความ
ดังนั้น เธอจึงโบกมือ และกองแก่นพลังเลือดระดับสูงกองเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ อย่างน้อยก็มีจำนวนรวมกันหลายสิบก้อน “นี่คือรางวัล ทำตามที่ฉันขอหน่อยได้หรือเปล่า”
ตาเล็กๆ ของเสี่ยวไต้เปล่งประกายด้วยความสุข จากนั้น มันก็งอกกิ่งก้านเรียวยาวหลายสิบกิ่งออกมา หักมันแล้วส่งถึงมือสวี่จื้อ ในช่วงเวลานั้นมันก็ไม่ลืมที่จะถูตัวเองเข้ากับแขนของเธอ
หลังจากได้รับวัสดุทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับทำเสื้อคลุมแล้ว สวี่จื้อก็คลิกที่ไอคอนของฟังก์ชั่นหลอมไอเทม และเริ่มสร้างเสื้อคลุมด้วยวัสดุที่น่ากลัวเหล่านี้
สีของชิ้นส่วนผิวหนังมนุษย์นั้น ไม่มีเหมือนกับปกติ มันเป็นสีดำไหม้เกรียมราวกับว่ามันถูกเผาโดยบางสิ่งบางอย่าง ตอนนี้ด้วยกิ่งก้านสีดำทอง และวัสดุต่างๆ ที่เพิ่มเขาไป เมื่อสวี่จื้อนำมันออกจากคลังเก็บของ เสื้อคลุมที่เธอเห็นก็แทบจะมองไม่เห็นเค้าโครงเดิมของผิวหนังมนุษย์เลย
เสื้อคลุมที่เธอถืออยู่เป็นสีดำสนิท มีฮู้ดกว้าง และขอบของเสื้อถูกฝังด้วยเส้นสีทองอ่อนที่แฝงไปด้วยความลึกลับ เสื้อคลุมดูค่อนข้างหนา แต่ก็ไม่ได้หนักอะไรมากมาย มันให้ความรู้สึกเบาสบายด้วยซ้ำ
ขณะที่สวี่จื้อยื่นมือออกไป และกางเสื้อออก ม่านหมอกลึกลับก็แผ่อกมา และเล็ดลอดออกไปในอากาศ วนรอบตัวเสื้อราวกับเอฟเฟ็กต์พิเศษของไอเทมในเกม
โดยรวมแล้ว มันสวยงาม และลึกลับอย่างน่าประหลาดใจ
สิ่งนี้ทำให้สวี่จื้อรู้สึกดีขึ้นมาก
ชื่อของเสื้อคลุมตัวนี้คือ มิดไนท์โกสต์ ชื่อนี้ค่อนข้างเหมาะ และความสามารถของมันก็ถือว่าน่าทึ่งมากเช่นกัน
[ มิดไนท์โกสต์ : เสื้อคลุมที่ถูกหลอมสร้างจากชิ้นส่วนของภูตผีผู้หลงทางในมิติเงา มันสามารถช่วยผู้สวมใส่หลีกเลี่ยงการจ้องมอง และการสอดส่องที่เป็นอันตรายต่างๆ ได้ โดยมีเงื่อนไขว่าความแข็งแกร่งของผู้จ้องมองนั้นต้องไม่เกินหนึ่งระดับหลักของผู้สวมใส่ ในขณะเดียวกัน มันจะลดกลิ่นอาย การรับรู้ถึงตัวตนของผู้สวมใส่ และลดเสียงทั้งหมดที่มีโอกาสเกิดขึ้น เหมือนภูตผีที่ท่องไปในยามค่ำคืนอย่างเงียบเชียบ ]
[ โปรดทราบ : เสื้อคลุมตัวนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในสภาพแวดล้อมที่มีหมอกหนาหรือในความมืด ]
“ระดับหลัก นั่นหมายความว่ายังไง” สวี่จื้อพบว่ามีบางคำที่เธอยังไม่เข้าใจ ในคำอธิบายของเสื้อคลุม
[ มีระดับระหว่างตัวคุณซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นคนธรรมดา และผู้ปลุกพลัง ]
[ มีระดับระหว่างตัวคุณในตอนนี้ และตัวคุณในอนาคตซึ่งอาจก้าวข้ามขอบเขตของมนุษย์ ]
[ ถ้าจะให้อธิบายให้เห็นภาพ ก็ประมาณว่า คนธรรมดากับเหล่าสาวก และสาวกกับอาร์คบิชอป ]
“อย่างงี้นี่เอง”
ตราบใดที่ไม่มีสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังเทียบเท่ากับอาร์คบิชอป ด้วยเสื้อคลุมตัวนี้ เธอก็จะปลอดภัย