(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1344 การเตรียมพร้อมก่อนโจมตี
“น่าสนใจยิ่งนัก”
เหวินผิงรำพึงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
“หัวหน้ากลุ่มซานคงก็อยู่ในโลกเฉียนเฟิงด้วยหรือไม่?”
“อยู่”
เหวินผิงถามต่อ “เขาจะมาถึงช่องเขาเฉาเทียนเมื่อใด?”
“ภายในห้าวัน เพราะการศึกใหญ่ในเขตแดนชิงเสินด้านตะวันออกได้เริ่มขึ้นแล้ว กองทัพฉีหยุนเทียนจะเคลื่อนย้ายไปยังสนามรบในไม่ช้า”
“เช่นนั้น หัวหน้ากลุ่มซานคงแข็งแกร่งเพียงใด?” คำถามนี้เหวินผิงถามด้วยความลองใจ เพราะคำตอบของคำถามนี้ แม้แต่ผู้ใกล้ชิดของเขาก็คงยากที่จะประเมินได้ พวกปล้นชิงชีวิตบนคมดาบ ย่อมไม่เปิดเผยทุกสิ่ง
วิญญาณที่ถูกอัญเชิญตอบว่า “ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด แต่ที่ยืนยันได้คือ หัวหน้าของเราบรรลุฐานขอบเขตหยวนหยางมาเพียงสามร้อยถึงสามร้อยห้าสิบปี แต่สามารถต่อกรกับผู้ที่อยู่ในฐานขอบเขตหยวนหยางมานับพันปีได้โดยไม่พ่ายแพ้”
ได้ยินดังนั้น เหวินผิงขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนว่าหัวหน้ากลุ่มซานคงจะมิใช่ผู้ฝึกตนในฐานขอบเขตหยวนหยางระดับต่ำ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ยังมิอาจกล่าวได้ว่าจะเอาชนะได้หรือไม่
เหวินผิงครุ่นคิดอยู่ไม่กี่ลมหายใจ ก่อนจะถามต่อว่า “แล้วทั้งกลุ่มซานคงมีผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวหยวนหยางจำนวนเท่าใด?”
“ไม่แน่ชัด แต่ที่ปรากฏให้เห็นมีราวสองร้อยคน”
หลังจากสามคำถามต่อเนื่อง เหวินผิงไม่ได้ถามต่อ
ผู้ฝึกตนครึ่งก้าวหยวนหยางเหล่านั้น มิใช่เรื่องที่ต้องกังวลมากนัก ตราบใดที่หัวหน้ากลุ่มซานคงตาย เหล่าผู้ติดตามเหล่านั้นจะกระจัดกระจายดั่งฝูงนก
แต่หัวหน้ากลุ่มซานคงผู้นี้ กลับมิใช่เป้าหมายที่จัดการได้ง่ายนัก อย่างน้อยเขาเพียงลำพังก็ยากจะรับมือได้ ยิ่งไม่ควรรอให้เขาเป็นฝ่ายลงมือก่อน
“ควรหาผู้ช่วยหรือไม่?”
เหวินผิงคิดเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหยุดใช้คาถาอัญเชิญวิญญาณ และเตรียมเข้าสู่มิติที่ห้าเพื่อหลอมพลังหยวนหยาง
ด้วยพลังหยวนหยาง 572 สาย สามารถหลอมได้เสร็จสิ้นภายในเวลาหนึ่งวันครึ่ง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น โอกาสชนะอาจเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
...
...
...
หนึ่งวันครึ่งต่อมา
เหวินผิงออกมาจากมิติที่ห้า
ทุกอย่างเป็นไปตามคาด เมื่อหลอมพลังหยวนหยางครบ 1,922 สาย ความแข็งแกร่งโดยรวมเพิ่มขึ้นสองถึงสามเท่า หากต้องประลองกับเทียนกังจั่นอีกครั้ง คงเหมือนฟันผัก
ขณะที่เหวินผิงเตรียมไปสวนเซียนผู่เพื่อพบกับบิดามารดาที่กลับมายังสำนักเมื่อวาน เขากลับพบว่าหลงเยว่รออยู่ด้านนอกมิติที่ห้า นางถึงกับยกโต๊ะสำหรับทำงานมาจัดวางไว้ที่นั่น
เมื่อเหวินผิงออกมา หลงเยว่รีบหยุดสิ่งที่กำลังทำ ลุกขึ้นกล่าวด้วยความยินดี
“ท่านเจ้าสำนัก ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว”
“ถ้าข้าต้องอยู่ข้างในสิบวันครึ่งเดือน เจ้าก็จะรอเช่นนี้หรือ?” เหวินผิงถามกลับ ดวงตาสังเกตเห็นคิ้วที่ขมวดแน่นของนาง
เป็นที่ชัดเจน แม้การบุกของพวกปล้นชิงก่อนหน้านี้จะถูกแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ แต่ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้คนในสำนัก
ในเมื่อในช่องเขาเฉาเทียนขณะนี้ ไม่มีปัญหาใดที่ควรทำให้หลงเยว่ต้องขมวดคิ้ว แม้จะมีปัญหา เฉินเซี่ยจากหอจิ้นจือก็คงแก้ไขได้แล้ว
หลงเยว่รีบกล่าว “รอแน่นอน ข้าจะรอ! ท่านไม่รู้ว่าในวันที่ผู้อาวุโสมังกรไม้กำราบเหล่าผู้ปล้นชิงบนฟากฟ้า เหล่าผู้ฝึกตนในเขตแดนหลงเจ๋อเกือบทั้งหมดต่างเห็นเหตุการณ์นั้น แม้คนของอาณาจักรเกิ้นจะเชื่อมั่นในตัวท่านและสำนักอมตะ แต่…”
“แต่อะไร?”
“แต่พวกเรายังอดกังวลไม่ได้ และต้องการทราบว่าควรทำสิ่งใด เมื่อท่านยังมิได้กล่าวอะไร ทุกคนจึงได้แต่บำเพ็ญเพียรอย่างหนัก หวังว่าในยามนั้นจะสามารถช่วยท่านได้บ้าง” หลงเยว่กล่าวต่อ “ท่านไม่ควรรับทุกสิ่งไว้เพียงลำพัง!”
เหวินผิงเผยรอยยิ้มอบอุ่น ขณะเดินไปตบบ่าของหลงเยว่เบา ๆ “ผู้ปล้นชิงเหล่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าในตอนนี้จะรับมือได้ ภารกิจของพวกเจ้าคือบำเพ็ญเพียรให้ดี ทุกอย่างข้ามีทางจัดการเอง”
กล่าวจบ เหวินผิงก็เดินมุ่งหน้าไปยังสวนเซียนผู่
เดินไปได้เพียงสองก้าว เหวินผิงพลันสว่างวาบขึ้นในใจ
ใช่แล้ว!
เขาไม่ควรแบกรับทุกสิ่งไว้เพียงลำพัง เขาต้องดึงใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาภาระ
ผู้อาวุโสมังกรไม้ย่อมไม่เหมาะ
แต่หยุนฉี ย่อมเหมาะสมที่สุด
ในเมื่อเขามีสายลับจากกลุ่มซานคงอยู่ในกำมือ หากเขาไม่ร่วมมือกับตนเพื่อต่อต้านกลุ่มซานคง เช่นนั้นใครเล่าจะมาร่วมมือ?
“ช่วยจัดการเรื่องภายในสำนักให้เรียบร้อย เท่ากับช่วยข้า” เหวินผิงหันกลับไปกล่าวกับหลงเยว่ประโยคหนึ่ง ก่อนจะรีบรุดไปยังสวนเซียนผู่
หลังจากทักทายเล็กน้อย เหวินผิงนึกขึ้นได้ว่าเขาอาจต้องการโอสถที่สามารถเปลี่ยนโฉมหน้า จึงสอบถามไปยังระบบทันที และพบว่าหอปรุงโอสถมีโอสถประเภทนี้จริง ตั้งแต่ระดับเจ็ดถึงระดับหนึ่ง
“หากต้องการหลอกลวงการรับรู้ของยอดฝีมือฐานขอบเขตหยวนหยาง ต้องใช้โอสถระดับใด?”
ระบบตอบกลับ [ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพลังจิตวิญญาณของอีกฝ่าย]
“ท่านแม่ ท่านสามารถหลอมโอสถเปลี่ยนโฉมได้หรือไม่?” เหวินผิงไม่ได้ถามระบบต่อ แต่หันไปถามมารดา
นึกไม่ถึงว่า เมื่อถามมารดา นางกลับหยิบโอสถสีม่วงแดงสองเม็ดออกมาทันที กลิ่นหอมของโอสถกระจายไปทั่ว
“โอสถเปลี่ยนโฉมระดับสาม หนึ่งเม็ดสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าได้สามชั่วยาม แม้แต่พลังจิตวิญญาณระดับสามก็ไม่อาจจับผิดได้”
บิดาของเหวินที่อยู่ข้าง ๆ เสริมขึ้นว่า “มารดาของเจ้าหลอมโอสถนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการเดินทาง และได้ทดลองกับผู้อาวุโสจอมมารดาบดูแล้ว แม้แต่พลังจิตวิญญาณของเขาก็ไม่อาจจับผิดได้ เพียงแต่โอกาสหลอมสำเร็จค่อนข้างต่ำ จึงไม่ได้วางจำหน่ายในสำนัก ใช้เพียงเป็นการฝึกฝนเท่านั้น”
“ระดับสามเพียงพอหรือไม่?” เหวินผิงถามระบบอย่างเร่งด่วน
ระบบตอบกลับ [โอสถเปลี่ยนโฉมระดับสามเพียงพอที่จะหลอกลวงพลังจิตวิญญาณระดับสี่ ยอดฝีมือฐานขอบเขตหยวนหยางจำนวนมากยังมิได้เข้าสู่ระดับสามของพลังจิตวิญญาณเสียด้วยซ้ำ]
เหวินผิงจึงรับโอสถเปลี่ยนโฉมจากมารดา ลุกขึ้นเตรียมตัวจากไป “ท่านแม่ ข้านำโอสถไปก่อน สักวันข้าจะกลับมาพบท่านอีก อ้อ ในสวนเซียนผู่มีเจ้าอสูรระดับครึ่งก้าวหยวนหยางสองตน ท่านกับท่านพ่อเลือกตนหนึ่งไว้เป็นอสูรพาหนะเถิด”
เมื่อได้ยินคำนี้ ดวงตาของบิดาเหวินส่องประกายทันที
แต่มารดาเหวินกลับไม่ได้ใส่ใจ เพียงแต่ส่งสายตามองเหวินผิงที่เดินจากไปพร้อมกล่าวเตือน
“เดินทางโดยปลอดภัย”
“เข้าใจแล้ว” กล่าวจบ ร่างของเหวินผิงก็หายลับไป
หลังจากเหวินผิงจากไป มารดาเหวินหันไปมองบิดาเหวินที่กระตือรือร้นจะไปยังสวนเซียนผู่ทันที นางถึงกับตำหนิด้วยความไม่พอใจ
“ช่างไม่มีความเป็นพ่อเอาเสียเลย!”
บิดาเหวินหัวเราะแห้ง ๆ แต่ร่างกายกลับมุ่งหน้าสู่สวนเซียนผู่แล้ว
เจ้าอสูรพาหนะระดับครึ่งก้าวหยวนหยาง นับเป็นสิ่งล่อลวงเกินต้านทาน ในเมื่อช่องเขาเฉาเทียนที่แข็งแกร่งที่สุดมีเพียงครึ่งก้าวหยวนหยาง และยังมีอยู่เพียงไม่กี่คน
ในเวลาเดียวกัน เหวินผิงได้รับแผนภาพวังวนสามชิ้นจากจื่อหรันแล้ว เปิดใช้งานศาลาจื่อฉีเพื่อลงพื้นที่สุ่มอีกครั้ง
จุดหมายยังคงอยู่ในฉีหยุนเทียน และเป็นเมืองเทียนฉีอีกครั้ง
“โชคดีไม่น้อย ประหยัดเวลาไปมาก ตอนนี้ก็รอหยุนฉีมาพบข้าแล้ว” เมืองเทียนฉีอยู่ไม่ไกลจากเมืองเทียนคง หากหยุนฉีรับรู้ได้ เขาน่าจะมาถึงในหนึ่งชั่วยาม
แต่ก่อนที่หยุนฉีจะมาถึง เมืองเทียนฉีกลับมีช่างฝีมือแผนภาพวังวนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเกลียววังวนผู้หนึ่งที่ตามหาศาลาจื่อฉีมาเป็นเวลานานโผล่มาแทน และเข้ามาภายในศาลาจื่อฉีอย่างตื่นเต้น ยืนยันจะเข้าร่วมศาลาจื่อฉีทันทีโดยไม่มีผู้ใดห้ามได้
“ปรมาจารย์คง ท่านจากไปแล้ว หอเทียนหลานที่ท่านสร้างขึ้นมากับมือจะทำเช่นไร?” ผู้เฒ่าผู้หนึ่งกล่าวพลางคุกเข่าลงด้วยความร้อนรน เมื่อเขาคุกเข่าลง คนอื่น ๆ ก็คุกเข่าตาม
เหวินผิงมองข้อมูลของพวกเขาคร่าว ๆ ล้วนเป็นช่างฝีมือแผนภาพวังวนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเกลียววังวนทั้งสิ้น อายุล้วนเกินเจ็ดถึงแปดร้อยปี
กระนั้น ผู้ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนและสามารถรับมือกับทุกปัญหาได้เช่นพวกเขา เวลานี้กลับเต็มไปด้วยความร้อนรน
ปรมาจารย์คงกล่าวอย่างแน่วแน่ “ต่อจากนี้หอเทียนหลานจะเป็นของพวกเจ้า ใครอยากเป็นเจ้าหอ ก็เชิญ ข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว อย่าได้ขัดขวางหนทางของข้า!”
ปรมาจารย์คงคุกเข่าลงเบื้องหน้าศาลาจื่อฉีพร้อมตะโกนเรียกชื่อจื่อหรัน
“อาจารย์จื่อหรัน!”
“อาจารย์จื่อหรัน!”
ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากฟากฟ้า
“ปรมาจารย์คง ท่านคือหนึ่งในช่างฝีมือแผนภาพวังวนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเกลียววังวนของฉีหยุนเทียน และเป็นอนาคตของศาสตร์เกลียววังวน แม้ข้าจะไม่ขัดขวางท่านเข้าร่วมศาลาจื่อฉี แต่ข้าหวังว่าท่านจะไตร่ตรอง ฉีหยุนเทียนยังต้องการท่าน”
เสียงนี้มาจากหยุนฉี!