บทที่ 384: หยาเป่า VS ดอกหางดวงตะวัน
ปรี๊ด!!! เสียงนกหวีดดังขึ้น
ถัดมาเสียงประกาศด้วยสำเนียงชัดเจนก็ถูกถ่ายทอดผ่านลำโพงไปทั่วสนามประลองสัตว์อสูรเมืองไค่หนาน
“การแข่งขันรอบแรกเฉียวซางจากโรงเรียนเซินซุ่ยเป็นผู้ชนะ”
“ว้าว!”
เสียงโห่ร้องสนั่นลั่นสนามทันที บรรยากาศเต็มไปด้วยความเดือดพล่าน
โดยเฉพาะกลุ่มผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ในที่นั่งชมของพวกเขา ดวงตาแต่ละคนเบิกกว้างราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
นี่เป็นความรู้สึกตื่นตะลึงที่เฉพาะนักเรียนชั้นปีสามในปีนี้เท่านั้นที่จะเข้าใจได้
ติงเหยียนจิ่งคือคนที่เป็นเงาดำทาบทับจิตใจของทีมโรงเรียนชั้นปีสามทั้งหมด แต่กลับแพ้ไปแบบนี้เลยงั้นเหรอ?!
“เวรเอ๊ย! เฉียวซางนี่มันปีศาจชัดๆ…”
“นี่โลกมันจะหมุนกลับด้านแล้วใช่ไหม…”
“ติงเหยียนจิ่งคนที่เคยอัดฉันเละไม่มีชิ้นดี ดันมาแพ้ให้กับเด็กปีหนึ่งเนี่ยนะ?!”
“ก็โทษเขาไม่ได้หรอก คิดดูดีๆสิ สัตว์อสูรประเภทผีและพลังจิตที่ใช้ทักษะควบคุมเงาได้แบบสามมิติต่อให้อีกาสายฟ้าฟาดจะเร็วแค่ไหนก็หนีไม่พ้นหรอก”
“ถ้าการป้องกันของอีกาสายฟ้าฟาดแข็งแกร่งกว่านี้อีกนิด หลังจากหลุดจากการควบคุมเงาได้แล้ว เกมอาจจะพลิกได้เหมือนกัน เพราะอสูรล่าสมบัติที่เปราะบางขนาดนั้นโดนฟ้าผ่าไปทีเดียวก็แพ้แล้ว”
“ตั้งแต่แข่งมาก็มีแค่หมอนี่คนเดียวที่สามารถหลุดจากควบคุมเงาได้”
“ให้ตายเถอะ แค่ตอนจังหวะที่หมอนั่นให้อีกาสายฟ้าฟาดเอาปากจิกพื้นตอนนั้น ในใจฉันหมอนั่นก็ชนะไปแล้ว เพราะถ้าเป็นฉันคงไม่มีวันคิดวิธีแบบนั้นออกแน่ๆ”
“พวกนายอย่าพึ่งลืมไปสิว่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของติงเหยียนจิ่งไม่ใช่อีกาสายฟ้าฟาดแต่เป็นหางพฤกษาต่างหาก”
ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ที่เคยแพ้ให้ติงเหยียนจิ่ง ต่างก็รู้สึกสะใจลึกๆกับผลลัพธ์นี้ แต่บนใบหน้าและคำพูดกลับทำทีเหมือนพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับติงเหยียนจิ่ง
ก็ถ้าขืนด่าไปว่าหมอนัั่นกาก คำด่าพวกน้ันมันจะวกกลับมาที่พวกเขาซึ่งเคยโดนไอ้เวรนั่นอััดจนเละน่ะสิ!
ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันแสร้งทำเป็นพูดเข้าข้างเขา แต่ความคิดเห็นในช่องถ่ายทอดสดกลับตรงไปตรงมากว่ามาก
[ประกาศอย่างเป็นทางการ! แชมป์ระดับมณฑลคนใหม่ถือกำเนิดแล้ว!]
[ฮ่าๆๆๆ! ไอ้ติ้ง! เอ็งก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ!]
[เฉียวซางสุดยอด!]
[อยากเห็นพรายเกล็ดน้ำค้าง…]
[โว้ย! ตอนแรกฉันก็แค่คิดเล่นๆ แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าติงเหยียนจิ่งจะแพ้จริงๆ!]
[ฉันตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเป็นแฟนตัวยงของเฉียวซาง!]
[แม่เจ้า! ยัยเด็กนี่มันของจริงสุดๆ!]
[รอบสองก็สู้เขานะ ยัยเฉียวสุดโฉด!]
[อยู่ๆฉันก็นึกได้ว่าสัตว์อสูรอีกตัวของติงเหยียนจิ่งคือหางพฤกษา…]
[หวังว่าสัตว์อสูรของเฉียวซางจะไม่บ้าจี้นะ!]
[พวกนาย ฉันพูดจริงนะ เมื่อกี้ฉันหัวเราะเยาะไอ้เวรนั่นจนตะคริวกินแน่ะ…]
…
สนามประลองสัตว์อสูรเมืองไค่หนาน
แถวแรกของที่นั่งผู้ชม
หวังเว่ยโต้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นออกมา
“ฮ่าๆๆ! ผู้อำนวยการหวง ถึงผลจะออกมาเป็นแบบนี้ แต่ติงเหยียนจิ่งก็ถือว่าเก่งมากแล้วล่ะ แต่น่าเสียดายที่ดันมาเจอเฉียวซางจากโรงเรียนเราตั้งแต่รอบแรกๆ ไม่งั้นเขาน่าจะมีลุ้นติดสามอันดับแรกในปีนี้แน่ๆ!”
พูดจบเขาก็หันไปมองฟู่ไห่หยางด้วยสายตาเป็นนัย รีบพูดอะไรที่ทำให้ไอ้แก่หวงนี่โมโหขึ้้นไปอีกสิ!
ฟู่ไห่หยาง: "???"
มองฉันทำไมเนี่ย! ถึงเราจะตกลงจัดแข่งกระชับมิตรร่วมกัน แต่โรงเรียนฉันกับหลี่ตันอยู่ในละแวกเดียวกันนะโว้ย ถ้าฉันพูดช่วยเอ็งตอนนี้ แล้วไอ้แก่หวงมาหาเรื่องฉันทีหลังจะทำยังไง?
ฟู่ไห่หยางทำเป็นไม่เข้าใจความนัยของหวังเว่ยโต้ว
หวังเว่ยโต้วยังคงส่งสายตามองเขาอย่างต่อเนื่องจนเปลือกตาแทบจะเป็นตะคริว
ฟู่ไห่หยางที่ถูกมองจนรู้สึกแปลกๆสุดท้ายก็ต้องกระแอมไอแห้งๆแล้วพูดออกมาแบบไร้อารมณ์ว่า “อืม… อยากดูรอบถัดไปจริงๆ”
หวังเว่ยโต้ว: "…"
ใช่แล้ว คู่ถัดไปก็คือดอกหางดวงตะวัน…
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมที่นั่งข้างผู้อำนวยการหวงเหรินเปียวซึ่งตอนแรกมีสีหน้าดูไม่พอใจ กลับเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ผู้อำนวยการหวงเหรินเปียวไม่ได้พูดอะไร เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าแบบไหนดีเพื่อตอบโต้ความเย้ยหยันของหวังเว่ยโต้วที่อยู่ตรงหน้า เลยเลือกที่จะไม่แสดงสีหน้าอะไรเลยและพยายามนิ่งเฉยให้มากที่สุด
หวังว่าตอนที่ติงเหยียนจิ่งเรียกดอกหางดวงตะวันออกมา แกจะยังยิ้มได้นะ… หวงเหรินเปียวคิดในใจ
บนสนามแข่งขัน
“ฉันยอมรับว่าเธอเก่งมากจริงๆ แต่คิดว่าแค่นี้จะชนะฉันได้เหรอ?” ติงเหยียนจิ่งจ้องมองเฉียวซางพร้อมพูดออกมา
เฉียวซางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าและตอบกลับไปอย่างหน้าตาเฉยว่า “ก็ใช่น่ะสิ”
ติงเหยียนจิ่ง: "..."
เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ “เมื่อกี้ฉันแค่พลาดนิดหน่อย”
เฉียวซางพยักหน้า “ฉันรู้ ตั้งแต่ตอนที่อีกาสายฟ้าฟาดของนายเริ่มหมดพลังไปครึ่งหนึ่งแล้วแถมยังได้รับบาดเจ็บอีก นายไม่ควรให้มันใช้ทักษะในจังหวะสุดท้ายจนมันต้องเจ็บหนักแบบนั้นเลย”
คำพูดนี้ทำเอาติงเหยียนจิ่งถึงกับมึนไปเลย โดยไม่เข้าใจสักนิดว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
ปรี๊ด!!!
เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณเริ่มการเรียกสัตว์อสูรตัวใหม่
ในขณะเดียวกัน บนหน้าจอถ่ายทอดสดก็เต็มไปด้วยข้อความจากผู้ชมที่พิมพ์กันแบบถล่มทลาย
[พรายเกล็ดน้ำค้าง! พรายเกล็ดน้ำค้าง! ขอร้องล่ะ เรียกพรายเกล็ดน้ำค้างออกมาเถอะ!]
[สุนัขเพลิงเร้นลับ! ฉันอยากเห็นสุนัขเพลิงเร้นลับ!]
[อย่าหวังเลย ฉันเคยดูการแข่งของเฉียวซางมาแล้ว เธอชอบใช้สัตว์อสูรตัวเดิมจนจบเกม เว้นแต่ว่าอสูรล่าสมบัติของเธอจะแพ้ถึงจะเรียกตัวใหม่]
[ถ้าพูดแบบนี้ ฉันก็อยากเห็นเฉียวซางแพ้สักรอบนะ]
[ไม่นะ! ฉันอยากเห็นพรายเกล็ดน้ำค้าง!]
[อสูรล่าสมบัติน่ารักดีนะ ให้มันโชว์อีกสักหน่อยก็ได้]
[จากที่ฉันสังเกต เธอมีโอกาสเรียกสัตว์อสูรตัวใหม่แน่ ดูสิ เธอเรียกอสูรล่าสมบัติเข้าไปแล้ว]
[พรายเกล็ดน้ำค้าง! ฉันไม่สน! ฉันอยากเห็นพรายเกล็ดน้ำค้าง!]
[อย่าคาดหวังเลย พรายเกล็ดน้ำค้างเป็นประเภทน้ำ ติงเหยียนจิ่งตัวต่อไปเป็นประเภทพืช คนมีเหตุผลไม่มีใครเอาประเภทน้ำมาเจอกับประเภทไม้หรอก]
[แต่ว่าพรายเกล็ดน้ำค้างมีประเภทน้ำแข็งด้วยนี่นา ประเภทน้ำแข็งเอาชนะประเภทพืชได้พอดีเลยด้วย!]
[เลิกเถียงกันได้แล้ว การแข่งขันเริ่มแล้ว เรียกตัวไหนเดี๋ยวก็รู้เอง]
ผู้ชมจำนวนมหาศาลจากหลากหลายสถานที่จ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์
ในจังหวะเดียวกันบนหน้าจอถ่ายทอดสด กลุ่มดาวสีเขียวและสีเทาส่องแสงขึ้นพร้อมกัน
และในตอนนั้นเอง ข้อความจากผู้ชมก็ล้นทะลักจนบังหน้าจอไปหมด
ผู้ชมกว่า 70% ทำสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน… นั่นก็คือปิดข้อความถ่ายทอดสดทันที
สนามประลองสัตว์อสูรเมืองไค่หนาน
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ทั้งที่นั่งผู้ชมและพื้นที่พักของผู้เข้าแข่งขัน ทุกคนแทบจะลุกขึ้นพร้อมกัน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและตื่นเต้น จ้องมองไปยังสัตว์อสูรสีแดงขาวที่ดูงดงามและสง่างามจนเกินบรรยายที่ยืนอยู่กลางสนาม
ในวินาทีนั้น ความเป็นระเบียบของสนามประลองก็หายไปทันที
“เชี่ย! เชี่ย! เชี่ย! อ๊ากกกกกกก!”
“นั่นมัน… สุนัขเพลิงเร้นลับใช่ไหม?! แม่เจ้า! มันวิวัฒนาการเป็นสัตว์อสูรระดับสูงแล้วเหรอ?!”
“โอย! หล่อเท่เกินไปแล้ว!”
“กรี๊ดดดดด! คุ้มค่าจริงๆที่ลางานมาวันนี้! โคตรคุ้มกับเงินโบนัสที่ถูกหักเลย!”
“เดี๋ยวนะ! เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีดอกหางดวงตะวันอยู่ด้วย!”
“แค่ดูจากรูปร่างก็ดูออกเลยว่านี่คือร่างวิวัฒนาการจากสุนัขเพลิงเร้นลับแน่นอน!”
“อืม…ก่อนหน้าฉันเคยเห็นว่ามีคนบอกว่าสุนัขเพลิงเร้นลับวิวัฒนาการแล้ว ตอนนั้นฉันยังด่าคนโพสต์ว่าไร้สาระอยู่เลย สุดท้ายคนไร้สาระกลายเป็นฉันเอง…”
เสียงฮือฮายังดังต่อเนื่อง
จู่ๆก็มีเสียงไมค์ช็อตดังขึ้น ตามด้วยเสียงประกาศผ่านลำโพงที่ชัดเจนและสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
“ขอความกรุณาให้ทุกท่านอยู่ในความสงบ! โปรดเงียบลงด้วย!”
แต่ถึงจะประกาศไปแบบนั้นบรรยากาศก็ยังคงวุ่นวายไม่ซาลงเลยแม้แต่นิดเดียว
“การแข่งขันกำลังจะเริ่มแล้ว! ขอทุกคนกลับไปยังที่นั่งของตนเองและรักษาความสงบ!”
คำประกาศนี้ทำให้ผู้ชมเริ่มกลับเข้าสู่ที่นั่งทีละคน และทุกคนก็ดึงโทรศัพท์ออกมาเปิดโหมดบันทึกวิดีโอด้วยความตื่นเต้น
ที่นั่งผู้ชมแถมหน้าสุด
หวงเหรินเปียวตื่นจากความสับสน หันไปมองหวังเว่ยโต้วที่ตอนนี้ยิ้มกว้างจนแทบจะถึงท้ายทอย ดวงตาเต็มไปด้วยความซับซ้อนก่อนจะพูดขึ้นเป็นครั้งแรกว่า
“ไม่น่าแปลกใจที่คุณมั่นใจมั่นใจหนาว่าเฉียวซางจะชนะ”
หวังเว่ยโต้วที่ก่อนหน้านี้ทำตัวเย้ยหยันคนอื่น คราวนี้กลับทำเป็นถ่อมตัวขึ้นมาแทน “ฮ่าๆๆไม่ขนาดนั้นหรอก?”
หวงเหรินเปียว: "..."
บนสนามแข่ง
ติงเหยียนจิ่งมองสัตว์อสูรที่เฉียวซางเพิ่งเรียกออกมา ดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับความคิดในหัวที่ตีกันวุ่นวาย ราวกับมีเสียงวิ้งๆดังสนั่น
สุนัขเพลิงเร้นลับ… วิวัฒนาการแล้ว?!
ทางด้านหยาเป่ามันยืนมองคู่ต่อสู้อย่างตื่นเต้น สายตาเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความกระตือรือร้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้ชมเต็มสนามจนต้องรักษาภาพลักษณ์ไว้ มันคงบินวนขึ้นฟ้าไปสักรอบแล้ว
“ย่าห์!”
ในที่สุดมันก็ได้สู้สักที!
“เว่ย…”
ดอกหางดวงตะวันที่อยู่ตรงข้ามมองสัตว์อสูรตัวใหญ่ที่ดูน่ากลัวอย่างชัดเจนด้วยสีหน้าตื่นตัว ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
มันถูกผู้ฝึกสัตว์อสูรของตัวเองหลอกเข้าเต็มๆว่าใครก็ตามที่เห็นมันจะต้องหวาดกลัว…
แต่ทำไมคู่ต่อสู้นี่ดูเหมือนจะตื่นเต้นแทนล่ะ?!
ปรี๊ด!!!
เสียงนกหวีดดังขึ้นจากสัตว์อสูรประเภทจักรกลที่ลอยอยู่กลางสนามซึ่งรับหน้าที่เป็นกรรมการเสริม
“เว่ย!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนกหวีด ดอกหางดวงตะวันก็เริ่มลงมือ มันสะบัดตัวครั้งหนึ่ง ลูกบอลสีขาวเล็กๆคล้ายดอกตูมก็พุ่งออกมาจากตัวมัน พอถูกลมพัดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วสนาม
ลูกบอลสีขาวเหล่านี้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆและดูเหมือนจะครอบคลุมพื้นที่สนามมากขึ้นทุกที
ตั้งสติ… ตั้งสติ… นี่คือการแข่งขัน ฉันแพ้ไม่ได้อีกแล้ว ติงเหยียนจิ่งสูดลมหายใจลึกเพื่อปรับอารมณ์ให้มั่นคง มองสถานการณ์บนสนามด้วยสายตาแน่วแน่
การกระจายลูกบอลตั้งแต่เริ่มเป็นแผนที่เขากับดอกหางดวงตะวันวางไว้ล่วงหน้าตั้งแต่แรกแล้ว
ลูกบอลเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษ หากแตะโดนจะทำให้พลังกายของศัตรูอ่อนแอลง ไม่ว่าจะอยู่บนฟ้าหรือพื้นดิน หากสัมผัสก็จะได้รับผลกระทบ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่สัตว์อสูรวิวัฒนาการระดับสูงอย่างสุนัขเพลิงเร้นลับที่วิวัฒนาการแล้ว
ในขณะที่ติงเหยียนจิ่งตั้งสติ เฉียวซางยกมือขึ้น
มีบางอย่างที่เธออยากลองทำมานานแล้ว…
ผู้คนนับล้านที่ชมถ่ายทอดสดต่างจับจ้องไปยังหน้าจอ กล้องซูมไปที่เฉียวซาง
สาวน้อยผมมัดหางม้าในจอภาพดีดนิ้วเบาๆครั้งหนึ่ง
ในทันใดนั้นเอง สัตว์อสูรสีแดงขาวที่ดูสง่างามจนเกินบรรยายก็เงยหัวขึ้นพร้อมอ้าปากกว้างยิงลูกบอลพลังงานสีแดงเข้มที่ดูดุดันน่าสะพรึงกลัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
จากนั้นเพียงชั่วพริบตา ฝนเพลิงที่ร้อนแรงราวกับทะลุผ่านมิติลงมาสู่สนาม เปลวเพลิงอันเกรี้ยวกราดปกคลุมทุกพื้นที่ เปลี่ยนสนามแข่งขันให้กลายเป็นแดนนรกต้องห้าม
เปลวเพลิงสีแดงเจิดจ้ากัดกร่อนทุกสรรพสิ่ง หากใครก้าวเท้าเข้าไปคงถูกเผาจนสิ้นสลาย
เมื่อเปลวเพลิงสงบลง ภาพในจอถ่ายทอดสดเผยให้เห็นสนามที่เสียหายจนแทบจำไม่ได้ พื้นดินกลายเป็นหลุมดำปนแดง ควันร้อนลอยขึ้นมาเป็นระยะ
และที่นั่น…มีสัตว์อสูรตัวหนึ่ง นอนสลบอยู่ในสภาพที่มองไม่ออกว่าเดิมเป็นแบบไหน ตัวมันไหม้เกรียมจนกลายเป็นสีดำทั้งตัว