ตอนที่แล้วตอนที่ 4 ผู้ว่ามาขอขมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 ระดับบ่มเพาะทะยาน

ตอนที่ 5 อีกรางวัล


ทันทีที่ฮูหยินหลิวเอ่ยปาก สีหน้าของทุกคนในห้องโถงพลันเปลี่ยนไปทันใด

เดิมทีเฉินจ้าวและลู่โฉ่วอี๋ตั้งใจจะสรุปเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “อุบัติเหตุ” แต่ฮูหยินหลิวกลับเปิดโปงเรื่องราวทั้งหมดเสียก่อน

สีหน้าของเฉินจ้าวฉายแววมืดพลางเอ่ยถาม “ฮูหยินกำลังกล่าวถึงผู้ใดหรือ?”

ผู้ที่เกลียดชังฮ่องเต้ที่สุดคงไม่พ้นฮูหยินหลิว บุตรชายทั้งหกของนางล้วนเสียชีวิตโดยถูกสรุปว่าเป็น "อุบัติเหตุ" ฮูหยินหลิวจึงแค้นใจฮ่องเต้จนแทบกระอักเลือด

นางเพียงเอ่ยว่า “ไอ้สารเลวนั่น” คนที่เฉลียวใจย่อมรู้ว่านางหมายถึงใคร

สีหน้าของลู่โฉ่วอี๋ซีดเผือดด้วยความตกใจ ตะโกนว่า “เจ้าบังอาจพูดจาเหลวไหล! ข้ากำลังสนทนากับท่านผู้ว่าอยู่ ใครพาฮูหยินมาที่นี่?”

คนรอบข้างของฮูหยินหลิวต่างก้มหน้าเงียบ

เฉินจ้าวไม่ยอมลดละ โบกมือพลางยิ้มกล่าว “ฮูหยิน บุตรชายหกคนของท่านเสียชีวิตล้วนแต่เป็นอุบัติเหตุ มิใช่ถูกฆ่า แต่คำพูดของฮูหยินเมื่อครู่ หมายความว่าเรื่องราวยังมีเบื้องหลังงั้นหรือ? เป็นผู้ใดกัน? หากผู้ใดคิดปองร้ายบุตรชายของท่านโปรดบอกข้ามาตรง ๆ ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่ท่านเอง!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ ลู่เฉินพลันรู้สึกสะกิดใจ ฮูหยินหลิวไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เช่นนั้นแล้วใครเป็นคนบอกนางว่าเขาตกอยู่ในอันตรายเมื่อวานนี้? หากฮูหยินหลิวพูดจาไม่เหมาะสมในวันนี้ วังเจิ้นหนานคงต้องพบเจอหายนะใหญ่เป็นแน่

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขารีบบีบมือมารดาทันทีพร้อมกล่าว “ท่านแม่ เมื่อวานลูกเพียงเมาเหล้าและบังเอิญอยู่ใกล้แหล่งจึงเกิดอุบัติเหตุ ลูกไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

มือของฮูหยินหลิวถูกบีบจนเจ็บพลันรู้สึกตัว นางรีบถามเฉินจ้าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “ท่านผู้ว่าเฉิน ใครก็ตามที่คิดทำร้ายลูกชายข้า ข้าจะสาปแช่งให้มันถูกดาบนับพันฟันฟาด! หรือว่าท่านผู้ว่าคิดจะทำร้ายลูกชายข้า? ท่านเป็นไอ้สารเลวนั่นเองสินะ!”

ลู่โฉ่วอี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลิวซื่อจะพูดว่าใครก็ได้ ขอแค่อย่าได้เอ่ยถึงฮ่องเต้เป็นพอ

เฉินจ้าวผิดหวังที่ฮูหยินหลิวไม่ได้พูดจาเอ่ยถึงสิ่งที่เขาต้องการ

เขาทำได้เพียงยิ้มแห้ง ๆ “ฮูหยินเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับท่านอ๋องต่างเป็นขุนนางในราชสำนัก รับหน้าที่พิทักษ์ชายแดนใต้ก็ควรช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เหตุใดข้าถึงคิดปองร้ายบุตรชายของท่านอ๋องได้เล่า?”

ฮูหยินหลิวแค่นเสียง “ข้าจำได้ว่าครั้งหนึ่งท่านผู้ว่าเฉินเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย บัดนี้กลับได้เป็นถึงผู้ว่า นับว่าโชคดีนักที่ได้เป็นขุนนางในราชสำนัก”

เฉินจ้าวถูกเย้ยหยัน สีหน้าพลันบูดบึ้ง เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งอยู่ต่อจึงขอตัวทันที “ท่านอ๋อง ข้าน้อยยังมีราชกิจต้องไปทำ เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวลา”

“ข้าจะไปส่ง”

“ท่านอ๋องมีฐานะสูงส่ง ไม่ต้องมาส่งข้าราชการชั้นผู้น้อยเช่นข้าหรอก” เฉินจ้าวหันหลังกลับด้วยความไม่พอใจ

ลู่โฉ่วอี๋มองตามร่างของเขาที่เดินจากไปพลางถอนหายใจ “ฮูหยิน ท่านผู้ว่าเฉินอุตส่าห์มาหาข้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เหตุใดท่านต้องไปขัดคอเขาเช่นนั้น?”

ฮูหยินหลิวร้องไห้พร้อมต่อว่า “คนพวกนี้ล้วนไม่ใช่คนดี ท่านอ๋อง ท่านเสียสละเพื่อบ้านเมือง ปกป้องพวกมัน แต่พวกมันกลับคิดจะทำร้ายลูกชายข้า…”

ลู่โฉ่วอี๋เห็นว่านางพูดจาเกินเลยจึงตวาด “ระวังคำพูดของเจ้าไว้บ้าง!”

ฮูหยินหลิวดึงลู่เฉินแนบตัว “ลูกแม่ ไปคุยกับแม่ที่สวนหลังจวนกันเถอะ”

เมื่อฮูหยินหลิวจากไป ลู่โฉ่วอี๋กล่าวถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ใครเป็นคนบอกเรื่องนี้แก่ฮูหยิน? หากรู้ตัวข้าจะลงโทษให้หนัก! ไปสืบมา!”

“ขอรับ” ฟูโป๋รับคำด้วยความเคารพ

อีกด้านหนึ่ง ลู่เฉินปลอบประโลมมารดาอยู่พักใหญ่ ฮูหยินหลิวร้องไห้จนเหนื่อยและเผลอหลับไป ลู่เฉินจึงขอตัวออกมา

ทันทีที่เขาเดินออกจากสวนหลังบจวนมา เสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัว

[ย่างกายเข้าวัง ลึกล้ำดั่งทะเล]

จวี้เซียง สายลับหญิงแห่งหน่วยองครักษ์เสื้อแพร แสร้งเปลี่ยนน้ำเสียงยุยงฮูหยินหวังให้ฮูหยินหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรในที่สาธารณะ ท่านสามารถขัดขวางแผนการสำเร็จ รอดพ้นจากความตาย ระบบจะมอบหัวข้อรางวัลสามอย่าง โปรดเลือกมาหนึ่งอย่าง:

1. หยกบ่มเพาะ “หยกสงบจิต”
2. วิชาต่อสู้ “วิชาเตะวายุอัสนี”
3. ยาบ่มเพาะคู่ “ยาพลิกมังกรหงส์”

ลู่เฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ที่จริงแล้วสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ยาพลิกมังกรหงส์ แต่เป็นหยกสงบจิตที่ช่วยในการบ่มเพาะ แต่เขาก็อยากได้วิชาเต๊ะวายุอัสนีเช่นกัน

วิชาเตะพายุของจ้าวเหลยนับว่าร้ายกาจพอสมควร แต่วิชาเตะวายุอัสนีนี้น่าจะร้ายกาจยิ่งกว่า…

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ

“ข้าเลือกข้อสอง”

เขาเลือกข้อสองเพราะรู้สึกว่าพลังต่อสู้ของตนนั้นอ่อนแอเกินไป ต่อให้มีวิชาบ่มเพาะแต่ใช้ต่อสู้ไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์

โลกนี้เต็มไปด้วยอันตราย ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยของเขาได้ เขาต้องมีพลังต่อสู้ในระดับหนึ่ง!

เมื่อเลือกเสร็จ เนื้อหาและท่วงท่ามากมายก็ปรากฏขึ้นในความคิด

วิชาเตะวายุอัสนีมีทั้งหมดสิบแปดกระบวนท่า

ห้าท่าแรกเป็นขั้นเริ่มต้น สิบท่าแรกเป็นขั้นเชี่ยวชาญ สิบห้าท่าแรกเป็นขั้นบรรลุ และสามท่าสุดท้ายเป็นขั้นสูงสุด

“เยี่ยมมาก! นี่ไม่ใช่แค่ท่าเตะแต่ยังรวมถึงทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายและวิชาตัวเบาในระดับหนึ่งด้วย เหมาะกับข้าที่สุด!” ลู่เฉินยิ้มดีใจ

เขามีทั้งวิชาพื้นฐานและวิชาต่อสู้ชั้นยอด เพียงแค่ฝึกฝนอย่างหนัก สักวันต้องแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างแน่นอน

ความคิดย่อมสวยหรู หากแต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย

เขาคิดว่าการฝึกฝนเคล็ดชีวิตนิรันดร์ควบคู่กับวิชาเตะวายุอัสนีจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเริ่มฝึกจริงจังกลับพบว่ามันไม่ง่ายเลย

เคล็ดชีวิตนิรันดร์ต้องอาศัยการดูดซับพลังปราณจากพืชพันธุ์ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เท่าใดนัก

พลังปราณที่ดูดซับมาเมื่อคืนพอถึงกลางวันก็หายหมดสิ้น ส่วนวิชาเตะวายุอัสนียิ่งฝึกยากยิ่งกว่า เพียงท่ายืนย่อตัวขั้นพื้นฐานก็แทบกระอักเลือด

“แย่แล้ว ข้าฝึกต่อไม่ไหวแล้ว หากรู้เช่นนี้ข้าเลือกหยกสงบจิตเพื่อเสริมการบ่มเพาะเสียจะดีกว่า” ขณะที่ลู่เฉินกำลังนึกเสียใจอยู่นั้น เขาก็พบกับสิ่งใหม่

[ประสบการณ์บ่มเพาะ: 1 ปี]

เขาไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใด ไม่รู้ว่า 1 ปีนี้มาจากไหน หรือมันปรากฏขึ้นมาเองเฉย ๆ

เมื่อมองดูสิ่งนี้ ระบบก็ปรากฏข้อความขึ้นมาอีกครั้ง [ใช้ประสบการณ์บ่มเพาะกับ…]

ตามมาด้วยตัวเลือก “เคล็ดชีวิตนิรันดร์” และ “วิชาเตะวายุอัสนี”

“อ้อ! อย่างนี้นี่เอง” ลู่เฉินเข้าใจได้ในทันที

[ประสบการณ์บ่มเพาะ] นี้เอาไว้ใช้จำลองและพัฒนาวิชาต่าง ๆ

เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจยังไม่ใช้มัน ประสบการณ์บ่มเพาะ 1 ปีนั้นน้อยเกินไป ใช้จำลองก็คงไม่ได้ประโยชน์อันใด สู้รอไปก่อนจะดีกว่า

เขารอจนผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน พอตกเย็นของอีกวันก็เปิดระบบอีกครั้ง พบว่าประสบการณ์บ่มเพาะกลายเป็น 2 ปีแล้ว

“หมายความว่าตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ พลังบ่มเพาะก็จะเพิ่มขึ้นวันละหนึ่งปีงั้นหรือ?” ลู่เฉินดีใจแต่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เขาข้ามเวลามาสามวันแล้ว ทำไมถึงมีประสบการณ์บ่มเพาะเพียง 2 ปีเท่านั้น? วันแรกไม่นับหรืออย่างไร?

แต่ในเมื่อประสบการณ์บ่มเพาะเพิ่มขึ้นทุกวัน เขาก็ไม่ได้คิดมาก รอให้มีประสบการณ์บ่มเพาะเพียงพอก่อนค่อยนำไปใช้จำลองวิชาน่าจะดีกว่า

และเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน

ขณะที่ลู่เฉินกำลังรอให้ถึงตอนเย็นเพื่อเพิ่มประสบการณ์บ่มเพาะอีกหนึ่งปี เขากลับเห็นชุนฮวาและชิวเยว่เดินกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกันในช่วงบ่าย

“พวกเจ้ากำลังคุยเรื่องอะไรกัน?” ลู่เฉินถามเสียงเข้ม

ชิวเยว่และชุนฮวามองหน้ากัน ก่อนก้าวเข้ามาพร้อมก้มหน้ากล่าว “คุณชาย พวกข้าได้ยินมาว่าพี่สาวหยวนหยาง สาวใช้คนสนิทของฮูหยินถูกจับตัวไป สาเหตุคือแอบนำเรื่องของคุณชายไปเล่าให้คนอื่นฟัง พวกข้าได้ยินมาว่านางจะถูกขายให้หอนางโลม พวกข้าจึงอยากขอให้คุณชายช่วยพูดกับท่านฮูหยินให้หน่อยจะได้หรือไม่เจ้าคะ พี่สาวหยวนหยางนางเป็นคนดีจริง ๆ!”

สาวใช้ทั้งสองเห็นว่าลู่เฉินเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจึงกล้าเอ่ยปากขอร้องให้ลู่เฉินช่วยเหลือ

“หยวนหยางถูกจับหรือ?” ลู่เฉินตกใจ

ระบบแจ้งเตือนว่า “จวี้เซียง สายลับหญิงแห่งหน่วยองครักษ์เสื้อแพร” เป็นต้นเหตุ แถมระบบยังบอกด้วยว่าจวี้เซียงมีความสามารถในการเปลี่ยนเสียงได้

ฮูหยินหลิวมีปัญหาทางสายตา เมื่อได้ยินเสียงของจวี้เซียงจึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหยวนหยาง สุดท้ายกลับลงโทษคนดีและปล่อยให้สายลับอย่างจวี้เซียงลอยนวล

เมื่อคิดได้ดังนั้น ลู่เฉินจึงรีบไปยังห้องโถงใหญ่ เรียกฟูโป๋ พ่อบ้านใหญ่ให้ไปพูดกับฮูหยินหลิว

“คุณชายคิดว่าเป็นจวี้เซียงหรือ? นางเชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนเสียง?” เดิมทีฮูหยินหลิวก็ไม่คิดว่าหยวนหยางจะเป็นคนทำ เมื่อลู่เฉินพูดขึ้นมาเช่นนี้ นางจึงสั่งให้จับจวี้เซียงมาสอบสวนใหม่ในทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด