ตอนที่ 340 เรายืนอยู่บนหนวดของเขาแล้ว!
ตอนที่ 340 เรายืนอยู่บนหนวดของเขาแล้ว!
“ข้าได้มอบดวงตาหนึ่งข้างให้กับบ่อน้ำมิเมียร์ จึงได้เข้าใจความจริงของแร็กนาร็อค”
“ข้าแขวนตัวเองไว้บนต้นไม้โลกเก้าวันเก้าคืน เผชิญความตาย จนแทบสละชีวิต จึงได้รวบรวมเวทมนตร์รูนมาได้เพียงบางส่วน”
“ผู้ที่นั่งอยู่ในเงามืด พวกเขาแข็งแกร่งเกินไป! พลังของข้า สติปัญญาของข้า เวทมนตร์ของข้า ทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขารู้แจ้งทั้งหมด ราวกับที่พวกเขาเคยควบคุมการแร็กนาร็อคนับครั้งไม่ถ้วนในอดีต”
“หากต้องการเอาชนะพวกเขาและนำเหล่าเทพออกจากวงจรนี้ ข้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง”
“ข้าครุ่นคิดอย่างหนัก และเห็นว่าความหวังอยู่ในอนาคต! ข้าจึงส่งเจ้าไปยังมิดการ์ดเพื่อหวังให้เจ้าเรียนรู้วิธีคิดแบบมนุษย์ ผู้ที่นั่งอยู่ในเงามืดอาจรู้จักเหล่าเทพดี แต่พวกเขาไม่สามารถคาดเดาความคิดของมนุษย์ได้!”
“แต่วิธีนี้ยากนัก ความหวังนั้นเลือนรางจนข้าแทบหมดหวังเอง”
ทุกคนนั่งเงียบอยู่บนพื้น รับฟังคำรำพึงรำพันของโอดินด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ส่วนธอร์ก็กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อจนเลือดหยดลงพื้น
“จนกระทั่งวันหนึ่ง ความหวังใหม่ก็ปรากฏขึ้น!” น้ำเสียงของโอดินดึงความสนใจของทุกคนให้เงยหน้าขึ้นมองตามสายตาของเขาไปยังเอริค
เอริคนั่งไขว่ห้างพิงศีรษะกับมืออย่างง่วงเหงาหาวนอนจนเกือบจะหลับ แต่พอเห็นทุกคนจ้องมาที่เขา มันก็ทำให้เขาสะดุ้งเฮือกและหดคอเล็กน้อย “จ้องฉันทำไมกัน?”
“บุคคลที่อยู่นอกวงของเหล่าเทพ แม้แต่เทพแห่งเทพก็ไม่อาจคาดเดาความคิดของเขาได้!” โอดินพูดพลางหรี่ตาลงด้วยสายตาแฝงไปด้วยอันตราย
“บุคคลที่อยู่นอกวง?” ธอร์มองเอริคอย่างสงสัย เอริคเพียงยักไหล่โดยไม่อธิบายอะไร โอดินก็ไม่ได้อธิบายต่อ แต่เลือกที่จะเล่าเรื่องราวต่อไป
“อนาคตนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ด้วยดวงตาของจอมเวท ข้าได้เห็นอนาคตหลากหลายรูปแบบ ซึ่งการมาถึงของเอริคทำให้ข้าตัดสินใจเลือกอนาคตที่ข้ารู้สึกว่าบ้าคลั่งที่สุด!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เอริคก็ลุกขึ้นยืนทันที คว้าเสื้อโอดินไว้ “ท่านรู้อยู่แล้วว่ามันบ้าคลั่ง แต่ยังลากฉันไปด้วยเนี้ยนะ?! พลังของมันมากพอจะบดขยี้ฉันเป็นร้อยครั้ง! ฉันเกือบตายเพราะท่านแล้วรู้ไหม!”
“แต่เจ้าก็รอดมาได้ไม่ใช่หรือ?” โอดินยิ้มเหมือนทุกอย่างอยู่ในกำมือ “และเจ้าก็ฆ่ามันได้ด้วย! เทพแห่งเทพคนหนึ่ง เจ้าฆ่ามันจนตายสนิท แล้วยังหลอมเปลือกของมันเป็นเกราะ ความสำเร็จของเจ้า ทำให้ข้ามั่นใจในทางเลือกนี้มากขึ้น มันอาจเป็นทางที่ดีกว่า!”
“แล้วฉันมีทางเลือกอื่นหรือw’?” เอริคหัวเราะอย่างขมขื่น “ดวงตาของจอมเวทบอกฉันว่าเทพแห่งเทพคนหนึ่งในชุดขาวซ่อนตัวอยู่บนโลก และฉันจะเมินเฉยได้อย่างไร?”
“ขอบคุณเจ้ามาก เอริค” โอดินถึงกับคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อแสดงความขอบคุณ
“ท่านพ่อ ท่านบอกว่าต้องรวบรวมพลังของอดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่กลับบอกว่าทำไม่ได้ ทำไม?” ธอร์รีบช่วยพยุงโอดินขึ้นมาด้วยความสงสัย
โอดินมองธอร์ด้วยแววตาลึกลับ “ลูกของข้า ข้ามองเห็นเจ้าตั้งแต่เกิด เติบโต ฝึกฝน ก่อปัญหา ต่อสู้ ใช้ชีวิต . . . ข้าอาจกล้าพอที่จะยึดร่างของบิดาตัวเอง แต่ข้าทำใจไม่ได้ที่จะกลืนพลังของเจ้า!”
ธอร์ชะงักไปพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โอดินก็ยกมือห้ามไว้ “ด้วยความช่วยเหลือของเอริค การไม่มีพลังของเจ้าก็ไม่เป็นไร”
“บ้าเอ๊ย!” เอริคแทบจะกระอักเลือด “ตาแก่นี่มันคิดจะลากฉันลงหลุมไปด้วยจริง ๆ สินะ!”
“ท่านพ่อ ข้าทำได้ เอริคเขา . . .” ธอร์พยายามเสนอตัวช่วย แต่โอดินกลับขัดขึ้นอีกครั้ง
“เทพแห่งเทพ และเทพโบราณ พวกเรายังไม่รู้ว่ามีกี่คนกันแน่ แต่ข้ารู้จักเพียงห้าคน หนึ่งคนแฝงตัวอยู่บนต้นไม้โลก ถูกเอริคฆ่าไปแล้ว อีกคนหลบซ่อนอยู่ที่นี่ซึ่งเป็นเป้าหมายของเรา ส่วนอีกสามคนยังหลับใหล และจะไม่ตื่นจนกว่าจะถึงแร็กนาร็อค”
“จะไม่ตื่นจนกว่าแร็กนาร็อค!” เอริคดวงตาสว่างวาบ นั่นหมายความว่า หากจัดการเทพแห่งเทพบนโลกได้ เขาก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อย่างสงบสุข จนกว่าแร็กนาร็อคจะมาถึง!
“ลูกของข้า ข้าไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ของศึกครั้งนี้ หากพวกเราล้มเหลว อนาคตทั้งหมดก็ฝากไว้กับเจ้า จำไว้ เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะคิดแบบมนุษย์” โอดินตบไหล่ธอร์อย่างหนักแน่น ราวกับเป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย
เอริคมองภาพนั้นพร้อมกับกลอกตา ‘โอดินนี่มันสุดจะทนจริง ๆ ลากฉันไปทำงานแล้วดันแช่งตัวเอง! ฉันทนไม่ไหวแล้ว!! ฉันจะโยนทุกอย่างทิ้งแล้วพาสกายหนีไปดาวดวงอื่น มีอัญมณีอวกาศอยู่ในมือ ฉันจะไปไหนก็ได้!’
โอดินเหมือนจะอ่านใจเอริคออก ทำให้เขายิ้มเล็กน้อย “เอริค นี่คือโอกาสของเจ้า”
“โอกาส? โอกาสอะไร?” เอริคเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“พลังของเจ้า เจ้าคงไม่อยากก้าวหน้าไปอีกขั้นหรือ?”
“อะไรนะ? ท่านมีวิธีงั้นเหรอ?” เอริคตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
โอดินยิ้มอย่างลึกลับ “เทพแห่งเทพ!”
“พวกนั้น?” เอริคขมวดคิ้ว “ท่านอยากให้ฉัน . . .”
“ถูกต้อง!” สายตาของโอดินฉายประกายเย็นเยียบ “เทพเหล่านั้นสามารถแปลงพลังงานได้โดยธรรมชาติ พลังงานอะไรก็ได้ พวกเขาสามารถดูดซับแล้วแปลงเป็นพลังงานจักรวาลดั้งเดิมที่พวกเขาต้องการได้ แต่พวกเราไม่สามารถทำแบบนั้นได้!”
“ชาวแอสการ์ดจึงคิดค้นวิธีถ่ายทอดพลังเทพเจ้าเพื่อรับมือกับพวกเทพนั้น และผลลัพธ์ก็พิสูจน์แล้วว่าวิธีนี้ได้ผล!” โอดินกำหมัดแน่น ความมั่นใจฉายชัด พร้อมพลังเทพที่หลั่งไหลอยู่ในตัว
เอริคเบะปาก “ฉันไม่มีเวลามานั่งเล่นพ่อแม่ลูกแบบนั้นหรอกนะ”
โอดินส่ายหัว “เทพที่คิดหาวิธีต่อกรกับพวกเทพไม่ได้มีแค่พวกเรา แม้แต่เทพโบราณเองก็ทำเช่นเดียวกัน นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาควบคุมแร็กนาร็อค!”
“งั้นพลังของพวกเขามีประโยชน์กับฉันด้วยสินะ?” เอริคหน้าตาเต็มไปด้วยความเสียใจ “ทำไมตอนที่ท่านตัวแก่ตาย ฉันถึงไม่คิดจะดูดซับพลังของมันนะ?”
“ข้าก็ไม่รู้ ข้าแค่ให้แนวทางเจ้า” โอดินเอานิ้วแตะหน้าผากเอริค ทำให้มีความรู้เกี่ยวกับวงเวทปรากฏขึ้นในหัวของเขา
“ตาแก่เจ้าเล่ห์สมชื่อ!” เอริคสัมผัสถึงวงเวทในใจ พลางหัวเราะขื่นและส่ายหัว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โอดินหัวเราะเสียงดังอย่างสบายใจ เสียงหัวเราะของโอดินดังสะท้อนก้องจนภูเขาในระยะไกลสั่นสะเทือน
“พวกท่านคุยอะไรกัน?” ธอร์ลูบหัวตัวเองอย่างสงสัย
เอริคมองธอร์ด้วยความอิจฉา “นายนี่โชคดีจริง ๆ ไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องดิ้นรน แค่รอเวลา ก็ได้รับพลังเทพเจ้าไปจนทำให้ระดับของนายพุ่งทะยานขึ้นอัตโนมัติ ทำไมโชคแบบนี้ถึงไม่ตกมาอยู่กับฉันบ้างนะ?”
ธอร์ถูกจ้องจนขนลุก มองตัวเองขึ้นลงแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ และได้แต่เกาหัวด้วยความงุนงง
“บางทีนี่อาจเป็นราคาที่ต้องจ่าย! พลังเทพที่แข็งแกร่งคงเผาผลาญสมองของนายไปหมดแล้ว!” เอริคพูดเสียดสีธอร์ด้วยเจตนาร้าย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นเพียงเสียงหัวเราะของธอร์
ทำให้เอริคที่เห็นเช่นนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนส่ายหัว “ตาแก่หนวดขาวอยู่ที่ไหน? เราไปจัดการเขากันเถอะ!”
โอดินยิ้มบาง ๆ ก่อนชี้ไปที่พื้นใต้เท้า “เรายืนอยู่บนหนวดของเขาแล้ว!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …