ตอนที่ 1 ตื่นขึ้นในหอนางโลม
ปวดหัว…ปวดหัวเหลือเกิน
ลู่เฉินรู้สึกราวกับศีรษะจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เหตุใดถึงยังต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดเช่นนี้แม้กระทั่งตอนที่…ตายไปแล้วด้วย?
ท่ามกลางความเจ็บปวดแสนสาหัส เศษเสี้ยวความทรงจำเริ่มก่อตัว...
ข้า... คุณชายเจ็ดแห่งวังเจิ้นหนาน! ทายาทหนึ่งเดียวแห่งบัลลังก์เจิ้นหนาน!
อ๋องเจิ้นหนาน เป็นอ๋องต่างแซ่เพียงหนึ่งเดียวในราชวงศ์ต้าเฉียนยุคนี้
ลู่โฉ่วอี๋ อ๋องเจิ้นหนาน เป็นผู้พิทักษ์ชายแดนใต้ของต้าเฉียนมากว่ายี่สิบปี กรำศึกปราบปรามอนารยชนเก้าครั้ง ชนะทั้งเก้าครั้ง สร้างคุณูปการอันใหญ่หลวง มีเกียรติยศสูงส่ง
บัดนี้ อนารยชนถูกปราบราบคาบ ชายแดนใต้สงบสุข ล้วนแต่เป็นความดีความชอบของอ๋องเจิ้นหนานจนเป็นที่สรรเสริญของชาวชายแดนใต้
ใต้หล้ายุติธรรม บิดาเมตตา มารดาปราณี พี่น้องรักใคร่ ช่างสุขสงบยิ่งนัก
"คุณชายเจ็ดแห่งวัง? พี่น้องล้วนเสียชีวิตตั้งแต่เยาว์วัย ข้าจะเป็นอ๋องเจิ้นหนานในอนาคต...?"
"สวรรค์เห็นใจข้าที่ชาติก่อนลำบากยากแค้น จึงให้ข้ามาเกิดใหม่ในชาติภพนี้หรือ?" ลู่เฉินแอบยิ้มยินดี
ชาติก่อนเขาเป็นเพียงเด็กกำพร้า คอยแต่ถูกกลั่นแกล้งรังแก แม้ดื้อรั้นสู้กลับกลับถูกตีจนตาย แต่ก็ช่วยเหลือคนไว้ได้ไม่น้อยก่อนสิ้นใจ ช่างคุ้มค่านัก!
พอมาชาตินี้ เมื่อลืมตาตื่นก็ได้กลายเป็นคุณชายสูงศักดิ์ในต่างโลก นับว่าเกินคาดจริง ๆ
เมื่อความทรงจำในหัวฟื้นคืน ความปวดก็เริ่มบรรเทา ลู่เฉินลืมตามองเห็นภาพเบื้องหน้าอย่างชัดเจน...
ไฟ! ไฟ! ไฟ!
ไฟลุกไหม้ทั่วทุกหนแห่ง เมื่อเรือนไม้ถูกจุดไฟไม่มีทางดับได้ หากติดอยู่ในกองเพลิงทางเดียวที่มีคือตาย!
"เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่?" ลู่เฉินกำลังดีใจที่ได้เกิดใหม่เป็นคุณชาย แต่พริบตาเดียวกลับพบว่าตนเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอีกครั้ง
ด้วยความตื่นตระหนก เขารีบผลักประตูออก พบเห็นศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนทางเดิน เปลวไฟโหมกระหน่ำ ไร้ซึ่งทางหนี
"ข้าไม่อาจรอความตายอยู่ที่นี่ได้!"
เดิมทีเขามีนิสัยแข็งกร้าว สู้ตายในกองไฟดีกว่ารอให้ถูกไฟคลอกตาย แต่ก็พบว่าร่างกายอ่อนแอ แข้งขาไร้เรี่ยวแรงจะหลบหนี
"เกิดอะไรขึ้น? หรือข้าถูกวางยา!"
โครม! คราม!
เสียงคานหลังคาถล่มลงมาจากทุกทิศทุกทาง สถานการณ์ยิ่งวิกฤต ทันใดนั้นก็มีชายร่างสูงใหญ่ผิวเข้มพุ่งเข้ามาตะโกนเสียงดัง "คุณชายเจ็ด! ลู่ฉีซาง! ท่านอยู่ที่ไหน? รีบตอบกลับข้าที!"
น้ำเสียงของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความร้อนรนแต่ไร้ความเคารพนัก
"ข้าอยู่นี่!" ลู่เฉินตะโกนตอบโดยไม่สนใจสิ่งใด
"ก็ยังดี" เงาร่างสูงใหญ่โล่งใจ ตบเปลวไฟที่ติดตัวพร้อมอุ้มลู่เฉินขึ้นหลัง เห็นหน้าต่างบานหนึ่งจึงกระโดดลงไป หมุนตัวกลางอากาศอย่างสวยงามเพื่อลดแรงกระแทกและลงจอดสู่พื้นอย่างปลอดภัย เบื้องล่าง เหล่าทหารแห่งวังเจิ้นหนานหลายสิบคนกรูกันเข้ามาคุ้มกัน
"คุณชายเจ็ด!"
"คุณชายเจ็ด! ปลอดภัยแล้ว!"
อ๋องเจิ้นหนานวางมือจากอำนาจทหารมาหลายปีแต่ในวังยังมีทหารเอกมากมายซึ่งล้วนเป็นทหารผ่านศึกที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับอ๋องเจิ้นหนานมานาน สามารถไว้ใจได้ทุกคน
ผู้ที่ช่วยลู่เฉินเมื่อครู่ก็เป็นทหารในกองทัพเช่นกัน มีฝีมือระดับก่อกำเนิดขั้นเจ็ด นับว่าแข็งแกร่งไม่เบา มีสถานะสูงในวัง ลู่เฉินเรียกเขาว่าอาเหลย
"อาเหลย ขอบพระคุณท่านมากที่ช่วยข้า…"
อาเหลยไม่สนใจคำขอบคุณของลู่เฉิน เขารีบสั่งให้คนไปเอารถม้า เร่งช่วยพยุงลู่เฉินขึ้นรถม้าจากนั้นโบกมือแกมสั่งเหล่าองครักษ์ให้คุ้มกันรถม้าและมุ่งหน้าสู่วังเจิ้นหนานทันที
ยังไม่ทันไปไหนไกล เรือนเล็กที่มีป้ายหงซิ่วโหลวก็ถูกไฟไหม้หมดสิ้น โครมครามราบเป็นหน้ากลอง
ไม่ไกลนัก ในเรือนหลังหนึ่งที่มืดมิด
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น "ท่านแม่ทัพเสวี่ย ครั้งนี้เป็นความผิดของข้าที่ไม่อาจขัดขวางลู่โฉ่วอี๋ที่สั่งคนมาปกป้องทายาทได้"
"ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก" เสียงหัวเราะเริงร่าดังขึ้น "ข้าไม่คิดว่าลู่โฉ่วอี๋จะส่งจ้าวเหลยหัวหน้าองครักษ์มาคุ้มกันบุตรชายเช่นนี้ แต่ก็สมเหตุสมผล เพราะบุตรชายหกคนก่อนหน้านี้ล้วนเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็กนัก ฮ่า ๆ ๆ"
เสียงทุ้มหัวเราะแห้ง ๆ สองครั้งก่อนกล่าวว่า "น่าเสียดาย หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าตระกูลลู่จะสงสัยท่านแม่ทัพเสวี่ยเอาได้"
"สงสัยบุตรชายข้าหรือ?" เสียงหัวเราะร่ายังคงดังขึ้น "ต่อให้สงสัย แล้วลู่โฉ่วอี๋จะทำอะไรได้?"
พูดถึงตรงนี้ เสียงหัวเราะร่าเริงแฝงความชั่วร้ายก็ดังลั่นอีกครั้ง "หงส์ที่ถูกถอนขนยังด้อยกว่าไก่! เมื่อปราศจากอำนาจทหาร ลู่โฉ่วอี๋ก็เป็นดังเสือไร้เขี้ยวเล็บ! บุตรชายตายไปหกเขายังไม่กล้าคิดก่อกบฏเลย ฮ่า ๆ ๆ…ฝ่าบาทกำลังรอให้เขาก่อกบฏแท้ ๆ!"
ในขณะเดียวกันบนรถม้า เมื่อรถม้าของลู่เฉินสั่นไหว ความทรงจำของเขาก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
วันนี้เขาถูกเสวี่ยหวี่ เฉินเฟยและสหายชักชวนไปหอนางโลมฟังบรรเลง มีสาวงามมาปรนนิบัติและดื่มกินอย่างสนุกสนาน
ไม่รู้เมื่อใด ลู่เฉินรู้สึกวิงเวียนศีรษะ มึนเมา จากนั้นก็…กองไฟเผาไหม้หอนางโลม…
"เรื่องนี้…ชักยุ่งยากเสียแล้ว!" สีหน้าลู่เฉินมืดหม่น
ลู่เฉินคนเดิมช่างเป็นคนโง่งม ไร้ความรู้ ไร้ฝีมือ ถูกมารดาตามใจและมีบิดาคอยโอ๋ นับเป็นคุณชายไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง
แม้แต่จ้าวเหลยหัวหน้าองครักษ์ในวังก็ยังคิดดูถูกเขา
แต่ลู่เฉินคนปัจจุบันนี้เติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผ่านความเลวร้ายของมนุษย์มานับไม่ถ้วน
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่แรก จากนั้นก็นึกถึงพี่น้องทั้งหกที่ล้วนเป็นอัจฉริยะ มีชื่อเสียง แต่กลับเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ…
"บัลลังก์อ๋องเจิ้นหนานมิอาจได้นั่งง่าย ๆ อย่างนั้นสินะ!" ลู่เฉินเริ่มคาดเดาบางอย่าง
ท้องฟ้ามืดลงเรื่อย ๆ พร้อมกับรถม้าที่ค่อย ๆ แล่นเข้าสู่ถนนมืดมิด
ไม่นานนัก วังเจิ้นหนานที่สว่างไสวก็ปรากฏแก่สายตา อารมณ์ของลู่เฉินยิ่งหม่นหมอง คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขในชาตินี้แต่ดูเหมือนว่าอาจได้ตายอย่างน่าอนาถกว่าเดิม
คลิก…
ประตูข้างของวังเจิ้นหนานเปิดออก รถม้าและผู้คนทยอยเข้าไปทีละคน
ในขณะนี้เอง มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของลู่เฉิน
[ผ่านพ้นเคราะห์ใหญ่ ย่อมมีโชคลาภ]
ด้วยความช่วยเหลือจากจ้าวเหลย หัวหน้าองครักษ์แห่งวังเจิ้นหนาน เจ้าของร่าง ลู่เฉินรอดพ้นจากการลอบสังหาร ระบบจะมอบหัวข้อรางวัลสามอย่าง โปรดเลือกมาหนึ่งอย่าง:
1. เคล็ดบ่มเพาะเซียน "เคล็ดชีวิตนิรันดร์ (ส่วน 1)"
2. อายุขัย +30 ปี
3. ยาถอนพิษ "ยาอู่ฉี"
"ระบบมาแล้ว!" สีหน้าลู่เฉินเปลี่ยนไป
เดิมทีเขากำลังกังวลว่าตนเองนั้นช่างไร้ความสามารถ ไม่มีทั้งบุ๋นและบู๊ หากต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้อีกจะฝ่าฟันไปได้อย่างไร?
ไม่นึกว่าระบบจะมาเช่นนี้
ต่อไปชนะแน่นอน! ใครคิดฆ่าข้า ข้าจะฆ่าล้างตระกูลมัน! ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!
ลู่เฉินต้องการรางวัลทั้งสามอย่าง แต่คิด ๆ ดูแล้ว หากไร้พลัง ต่อให้อายุยืนไปก็เท่านั้น ส่วนยาถอนพิษ ถึงแม้จะถูกวางยาแต่ก็ไม่ถึงตาย เมื่อเทียบกันแล้ววิชาเซียนดูจะสำคัญสุด
"ข้าเลือกข้อหนึ่ง"
หลังจากลู่เฉินยืนยัน เนื้อหาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ปรากฏขึ้นในหัว นั่นคือวิชาเซียน "เคล็ดชีวิตนิรันดร์"
ขณะที่เขากำลังศึกษาสิ่งต่าง ๆ อยู่นั้น รถม้าก็หยุดลงหน้าศาลาเล็ก ๆ ริมสระน้ำแห่งหนึ่ง ประตูรถเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของจ้าวเหลยเดินเข้ามาพยุงลู่เฉินลงจากรถ
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงสุดท้ายจางหาย โลกพลันมืดมิด แต่ในศาลาเล็ก ๆ แห่งนี้กลับมีแสงไฟสว่างไสวส่องทางไปยังลานกว้างริมสระน้ำ
ลู่เฉินมองดูรอบ ๆ รู้สึกว่าวังนี้ถูกสร้างไว้อย่างยิ่งใหญ่และโอ่อ่า นับเป็นที่พำนักชั้นเยี่ยม
วังเจิ้นหนานช่างวิเศษ! เป็นสถานที่ที่ดีและเป็นบ้านของข้าในชาตินี้ ลู่เฉินคิดในใจ ชาตินี้ต้องใช้ชีวิตให้ดี ใครคิดทำลายชีวิตข้า ต้องตาย!
เมื่อเดินเข้าไปในศาลาเล็ก ชายคนหนึ่งสวมชุดลายมังกรสี่เล็บอยู่ก่อน ผู้นั้นคือพระอนุชาของฮ่องเต้ อ๋องต่างแซ่เพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า อ๋องเจิ้นหนาน ลู่โฉ่วอี๋
ลู่เฉินถือโอกาสมองบิดาของตน
อ๋องเจิ้นหนานอายุราวห้าสิบปี ผมและเคราดำขลับ คิ้วและดวงตายาว รูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดคลุมสีดำลายมังกรเงินสี่เล็บชวนดูสง่างามและน่าเกรงขาม
"ฝ่าบาท ข้าน้อยไร้ความสามารถจนเกือบทำให้คุณชายเสียชีวิต แม้เสี่ยงชีวิตฝ่ากองเพลิงช่วยคุณชายออกมาได้แต่ดูเหมือนว่าคุณชายจะถูกวางยาพิษเข้าให้ขอรับ"
จ้าวเหลยพยุงลู่เฉินนั่ง รีบคุกเข่าลงทันทีพร้อมกล่าวรับผิด "ขอฝ่าบาทลงโทษ!"