ตอนที่แล้วOS ตอนที่ 59 อาวุธร่วงหล่นมาจากสรวงสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน

OS ตอนที่ 60 ผู้สืบเชื้อสายของเทพเจ้าคู่แฝด


อีควิน็อกซ์สงสัยว่าฝนที่นี่ตกลงมาจะเป็นอาวุธหรืออย่างไร เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็หวังให้ฝนมันตกตลอดไป

ก่อนหน้านี้ดาบเล่มนี้ช่วยปกป้องพวกเขาได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าหากได้โล่มาช่วยเสริมอีกแรง พวกเขาก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

อีควิน็อกซ์จ้องมองโล่อย่างตั้งอกตั้งใจ คล้ายกับตอนที่เขาสังเกตดาบสีดำ เขาพบเห็นอักษรรูนอีกครั้ง บางตัวดูคุ้นเคย แต่บางตัวก็เป็นอักษรรูนใหม่ที่เพิ่งเคยเห็น

ทันใดนั้นเอง การแจ้งเตือนเกี่ยวกับอาชีพรองก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

[คุณได้ค้นพบอักษรรูนที่ไม่ใช่ของโลกมนุษย์ แต่ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถจำลองรูนท่วงทำนองแห่งชีวิตได้]

[ระดับความเชี่ยวชาญของทักษะการหยั่งรู้ของอาลักษณ์เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 9 จากระดับ 5]

[ระดับความชำชาญของอาลักษณ์ขั้นเริ่มต้นเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 7 จากระดับผู้เริ่มต้น 4 เนื่องจากค้นพบอักษรรูนที่ไม่ใช่ของโลกแห่งนี้]

เสียงแจ้งเตือนของระบบเหมือนดนตรีเสนาะหูสำหรับอีควิน็อกซ์ เพราะเขาได้ยินว่าความเชี่ยวชาญของเขาเพิ่มขึ้น เนื่องจากการค้นพบตัวอักษรประหลาดพวกนี้

เมื่อรู้ว่ามันมีวิธีการพิเศษที่สามารถช่วยเพิ่มความเชี่ยวชาญของอาชีพรองได้ เขาจึงตั้งใจว่า หลังจากออกจากระบบ เขาจะกดค้นหาตามกระทู้ต่าง ๆ ที่มีรายงานเกี่ยวกับอักษรรูน

แต่เขาจะไม่ไปสถานที่เหล่านั้นในทันที ไว้เขาจะไปก็ต่อเมื่อมีภารกิจในบริเวณนั้นเท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของเขาคือการเพิ่มระดับอาชีพหลัก ไม่ใช่อาชีพรอง

หลังจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่กี่นาที ลำนำวิญญาณสีเงินก็หยุดลง เพราะเธอใช้มานาจนหมดแล้ว เธอแน่ใจว่าพวกสวะเหล่านั้นตายไปแล้ว แต่เธอยังไม่รู้ว่ามีโล่ลงมาที่พื้น และปกป้องปาร์ตี้เอาไว้

เมื่อฝุ่นละอองจางหายไป ใบหน้าของลำนำวิญญาณสีเงินกลับเต็มไปด้วยความโกรธจัด เมื่อเธอเห็นว่ามีพลังลึกลับอีกหนึ่งปรากฏขึ้นเพื่อปกป้องพวกคนที่โจมตีเธอ แม้จะโกรธแค้นเพียงใด แต่เธอกลับไม่สามารถขยับตัวได้ เนื่องจากใช้พลังเวทย์มากเกินไปในการพยายามทำลายเจ้าพวกนั้น

ตอนนี้เธอคิดว่าพวกเขาเป็นเหมือนแมลงสาบมากกว่าพวกสวะ เพราะฆ่าไม่ตายซะที

ลำนำวิญญาณสีเงินไม่รู้สึกกลัว เพราะเธอใช้พลังของเจ้านายคนใหม่ของเธอในการผูกมัดพวกสวะ การผูกมัดจะไม่สลายไปเว้นแต่เธอจะถูกฆ่าหรือถูกนำออกโดยใครบางคนเช่นพระสันตปาปาแห่งโบสถ์ที่เชื่อมโยงกับ 'ความดี' ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะเธอได้ล็อกพื้นที่นี้ไว้ด้วยบาเรียของเธอแล้ว

สิ่งที่ทำให้เธอเป็นกังวลคืออาวุธสองชิ้นที่มาจากที่ไหนไม่รู้ เธอใช้ทักษะตรวจจับชีวิต แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

ตรวจจับชีวิตเป็นทักษะระดับมหากาพย์ที่สามารถเรียนรู้ได้จากสายอาชีพที่ใช้เวทย์ที่เลเวล 200 ไม่เพียงแต่เป็นทักษะระดับมหากาพย์เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับข้อจำกัดที่เข้มงวดอีกด้วย

==

ทักษะ: ตรวจจับชีวิต

ระดับ: มหากาพย์

เอฟเฟ็กต์: ใช้พลังเวทย์ของผู้ใช้เพื่อกราดตรวจบริเวณโดยรอบในรัศมี 50 เมตร ไม่สามารถใช้ขณะเคลื่อนที่ได้

คูลดาวน์: 1 ชั่วโมง

ระยะเวลาการร่าย: ทันที

MP: 10% ของมานาสูงสุดของผู้ใช้

==

ทักษะนี้ใช้ในการค้นหาเป้าหมายที่ซ่อนอยู่ และเมื่อความเชี่ยวชาญของมันได้รับการอัปเกรด รัศมีการค้นหาก็จะขยายใหญ่ขึ้นด้วย

เมื่อลำนำวิญญาณสีเงินใช้ทักษะนี้ มันครอบคลุมทั้งซิลเวอร์มัวร์ สิ่งที่เธอรับรู้เพียงอย่างเดียวที่เธอได้รับคือพวกสวะที่อยู่ตรงหน้าเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกสงสัย

‘บางทีนั่นอาจเป็นหนึ่งในทักษะของพวกมัน แต่ทำไมพวกมันถึงเลือกใช้เอาตอนนี้ แทนที่จะใช้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้?’ ลำนำวิญญาณสีเงินคิด

เธอไม่สามารถเอ่ยถามอีกฝ่ายได้ เพราะทั้งลำคอและเส้นเสียงของเธอยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ อีกทั้งความเหนื่อยล้าจากการฝืนร่างกายเกินขีดจำกัดก็ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ เธอคาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณห้านาทีจึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง

‘ช่างมันเถอะ อีกเดี๋ยวพวกแกจะต้องตายแล้ว!’

ลำนำวิญญาณสีเงินกำลังรอเวลาของเธออยู่ แต่จู่ ๆ ดาบที่ปักลงพื้นก็เล็กลง จากห้าเมตรกลายเป็นหนึ่งเมตร

ถัดมา ดาบสีดำลอยขึ้นสู่อากาศ ปลายดาบพุ่งตรงไปยังอีควิน็อกซ์และเสียบเข้าที่หน้าอกของเขา แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ ไม่มีเลือดไหลออกมา อีกทั้งเขายังคงไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แม้แต่พลังชีวิตของเขาก็ยังไม่ลดลงอีกด้วย

จากนั้น ควันดำเริ่มลอยขึ้นจากพื้นและค่อย ๆ ปกคลุมร่างของอีควิน็อกซ์ ขณะที่เขากำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างของเขาก็ค่อย ๆ ลอยขึ้น และควันดำก็เริ่มรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น พร้อมกับเสียงระบบแจ้งเตือนที่ดังขึ้นว่า...

[การผูกมัดที่จำกัดการเคลื่อนไหวของคุณถูกสลายไปด้วยขุมพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า ตอนนี้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง]

[ร่างกายของคุณกำลังประสบกับสภาวะครอบงำ ไม่สามารถสลายไปได้ เพราะสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ต้องการยืมร่างกายของคุณ]

หลังจากอ่านจบ อีควิน็อกซ์ก็ได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความดุดันและแน่วแน่เยี่ยงชายชาตรี ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะทำให้โลกทั้งใบหายไปต่อหน้าต่อตา

“ข้าจะรับช่วงต่อเอง ผู้กล้าของข้า เจ้าในตอนนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ” เสียงผู้ชายพูด

เมื่อดาบสีดำผสานเข้ากับร่างของอีควิน็อกซ์ เขาก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกต่อไป

ควันดำหนาขึ้นและก่อตัวเป็นทรงกลมสีดำโดยมีอีควิน็อกซ์อยู่ตรงแกนกลาง

ไม่ไกลจากเขา โล่ที่ปกป้องพวกเขาจากอันตรายก็บินไปหาเลวินคลาวด์ และผสานเข้ากับหน้าอกของเขา

จากนั้น เขาได้รับการแจ้งเตือนแบบเดียวกับที่อีควิน็อกซ์ได้รับเมื่อตอนที่ดาบแทงเข้าที่หน้าอกของเขา

[การผูกมัดที่จำกัดการเคลื่อนไหวของคุณถูกสลายไปด้วยขุมพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า ตอนนี้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง]

[ร่างกายของคุณกำลังประสบกับสภาวะครอบงำ ไม่สามารถสลายไปได้ เพราะสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่จะยืมร่างกายของคุณ]

เมื่อโล่ผสานเข้ากับร่างของเลวินคลาวด์ แทนที่มันจะกลายเป็นควัน กลับกลายเป็นต้นไม้งอกขึ้นมาจากใต้เท้าของเขาอย่างรวดเร็ว และเริ่มปกคลุมร่างของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแทน เขาดูเหมือนมัมมี่ที่มีต้นพืชพันร่างเป็นผ้าพันแผล

เสียงที่เลวินคลาวด์ได้ยินแตกต่างจากเสียงที่อีควิน็อกซ์ได้ยินโดยสิ้นเชิง เสียงนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่นของหญิงสาวที่สามารถละลายแม้แต่หัวใจที่เย็นชาที่สุดได้

“บุตรของข้า ข้าขอยืมพลังของเจ้าสักครู่เถอะนะ” เสียงผู้หญิงพูด

ลำนำวิญญาณสีเงินเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นและเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เพราะเธอเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาลจากอีควิน็อกซ์ ซึ่งไม่ได้เป็นนักบวชเลยแม้แต่น้อย และไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็สัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาลเช่นเดียวกันจากนักบวชเอลฟ์

เธอไม่รู้ว่าพวกสวะทั้งสองตัวทำลายพันธนาการที่สามารถผูกมัดแม้แต่ครึ่งเทพได้อย่างไร แต่เธอไม่ต้องการรู้เรื่องพวกนั้นในตอนนี้

ทันใดนั้นเอง สัญชาตญาณในฐานะแบนชีเริ่มทำงาน และเธอเห็นเงาดำที่ปกคลุมรอบตัวเธอ ซึ่งบ่งบอกถึงเค้าลางของหายนะของตัวเธอเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงรวบรวมพลังที่เหลือทั้งหมดในร่างกายเพื่อซ่อมแซมเส้นเสียงของเธออย่างรวดเร็ว เพราะเธอต้องการใช้มันเพื่อใช้คาถาสื่อสาร

แม้จะเป็นแค่ไม่กี่วินาที แต่สำหรับเธอ มันกลับรู้สึกยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์

ลำนำวิญญาณสีเงินเริ่มตื่นตระหนก เพราะเธอรู้สึกได้ถึงประตูแห่งความตายที่ค่อย ๆ เริ่มเปิดแง้มออกมา เมื่อเธอพอจะพูดได้ เธอก็เริ่มตะโกนขึ้นว่า

"ราชาลิช! เวลดรักซ์! รีบไปเอาตัวฉันไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!"

ลำนำวิญญาณสีเงินเริ่มตะโกนด้วยเสียงแหบพร่า และคอของเธอได้รับบาดเจ็บมากขึ้นขณะที่เธอเริ่มกรีดร้องเพื่อเอาชีวิตรอด

"ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้หรอก เจ้าคนทรยศที่น่ารังเกียจ"

ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้ชายพูดขึ้นจากปากของอีควิน็อกซ์

เจ้าของเสียงผู้ชายปรากฏตัวออกมาจากควันสีดำ เขาสวมหมวกสีดำที่ออกแบบคล้ายกับหมวกของอัศวินยุคกลางในยุโรป พร้อมชุดเกราะโลหะสีดำที่ดูเหมือนจะดูดซับแสงทั้งหมด ชุดเกราะมีหนามแหลมสามอันยื่นออกมาจากการ์ดไหล่ และเสื้อคลุมที่ดูเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาว เขาดูเหมือนอัศวินแห่งความมืด แต่เขาไม่มีร่างกายท่อนล่าง ซึ่งถูกแทนที่ด้วยควันสีดำที่พวยพุ่งอย่างต่อเนื่อง

“ท่านพี่ ได้โปรดอย่าโหดร้ายกับเธอมากนัก เพราะว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เธอมีชีวิตอยู่”

จากนั้น เสียงผู้หญิงดังขึ้นและมาจากทิศทางของเลวินคลาวด์

เธอสวมผ้าคลุมโปร่งแสงที่ปกปิดใบหน้า แต่ยังคงเผยให้เห็นใบหน้าของเธอเล็กน้อย ถึงแม้จะมีผ้าคลุม ก็ไม่สามารถปิดบังความงามของเธอได้ เธอสวมเปปโลสสีขาวที่เป็นเสื้อคลุมยาว ผิวของเธอเรียบเนียนราวกับหยกและขาวดั่งหินอ่อน มือและเท้าของเธอประดับด้วยเครื่องประดับทองคำ ส่วนมงกุฎดอกไม้ที่งดงามที่สุดวางอยู่บนศีรษะที่งดงามของเธอ เธอเอนนอนอยู่บนเตียงที่ประดับด้วยดอกกุหลาบไร้หนาม เธอดูผ่อนคลายในท่าทางที่ชวนเย้ายวนใจ

“เป็นไปไม่ได้! มันไม่ใช่เรื่องจริง!”

นี่คือคำพูดแรกที่ออกจากปากของลำนำวิญญาณสีเงิน เพราะเธอไม่สามารถเชื่อได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นความจริง

ขณะเดียวกัน ผู้เล่นทุกคนในแพนเดโมเนียมต่างก็ได้รับข้อความโลกสองข้อความ เมื่อได้อ่านมัน พวกเขาก็ตกตะลึงไปตลอดชีวิตการเล่นเกมที่เหลือ

[เทพเจ้าได้จุติลงมาแล้ว]

[เทพธิดาได้จุติลงมาแล้ว]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด