บทที่ 9 องค์หญิง "เซี่ยหลิน"
บทที่ 9
“ผักสดใหม่ ไร้แมลงและยาฆ่าแมลง เพียงสิบตำลึงเท่านั้น!”
“ขนมแป้ง! ขนมแป้ง! อร่อยล้ำ กินแล้วรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน!”
“เชิญชมสินค้าชั้นดี! แหวนหยก กำไลหยก... ใช้หยกเย็นจากภูเขาเทียนซาน ช่วยคลายร้อน บรรเทาพิษ!”
ตลาดขนาดใหญ่เต็มไปด้วยเสียงร้องขายของจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้า
ต่างจากเมืองเล็กๆ ตลาดของเมืองฉางเฟิงมีระเบียบเรียบร้อยมาก ช่องว่างของแผงขายสินค้าถูกจัดวางอย่างเท่าเทียม ไม่มีมุมสกปรกรกรุงรัง สินค้าถูก
จัดแบ่งตามประเภทอย่างชัดเจน
หลี่ชิงซานเดินสำรวจและสอบถามจนรู้ว่าการเปิดแผงขายในตลาดนี้มีกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม
ทุกแผงต้องเสียค่าเช่า โดยพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่านที่สุดย่อมแพงที่สุด
ตำแหน่งที่ดีที่สุดในตลาด ต้องเสียค่าเช่าสูงถึง สิบตำลึงเงินต่อวัน!
สิบตำลึงเงิน นั่นเทียบเท่ารายได้หนึ่งปีของครอบครัวธรรมดาในชิวหลิงเลยทีเดียว
หลี่ชิงซานเดินหาอยู่หลายชั่วโมง สุดท้ายก็เลือกได้ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด เป็นมุมเงียบสงบทางทิศตะวันออก ใต้ร่มไม้ใหญ่ อากาศเย็นสบาย แถม
ค่าเช่ายังถูกมาก เพียงแค่สิบตำลึงต่อเดือน
เขาหาซื้อโต๊ะไม้เก่าจากร้านขายเครื่องใช้มือสองในละแวกนั้น และเปิดแผงรับจ้างเขียนตำราอีกครั้ง
...
เส้นทางโบราณฉางเฟิง
หญิงสาวในชุดรัดรูปสีขาว ขี่ม้าควบทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ด้านหลังของนาง มีทหารสองนายในชุดเกราะช่วยกันลูกธนูที่พุ่งมาหา
ฉึก! ฉึก!
เสียงลูกธนูปะทะกับอาวุธดังสนั่น
“องค์หญิง! พระองค์รีบไปก่อน พวกข้าจะขอสู้จนตัวตาย!”
“ใช่! หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกมันจะล้อมพวกเราได้แน่!”
ทหารทั้งสองตะโกนลั่น ก่อนจะหยุดม้าของตน หันกลับไปต่อสู้กับกลุ่มคนชุดดำที่ไล่ล่าพวกเขามา
ในปัจจุบัน ราชวงศ์ต้าฉีมีผู้ที่ถูกเรียกว่า “องค์หญิง” เพียงผู้เดียว
นั่นคือ เซี่ยหลิน องค์หญิงใหญ่ผู้มีโอกาสสืบทอดบัลลังก์มากที่สุด
แล้วเหตุใดว่าที่จักรพรรดินีจึงต้องหนีตายเช่นนี้?
เรื่องนี้ต้องย้อนไปเมื่อวันก่อน
อาจารย์ผู้เป็นมหาปราชญ์ของราชวงศ์ และยังเป็นอาจารย์ของเซี่ยหลิน ได้คำนวณดวงชะตาของนาง พบว่านางจะเผชิญเคราะห์ครั้งใหญ่ก่อนขึ้นครอง
บัลลังก์ และมีเพียงการเดินทางมายังเมืองฉางเฟิงเท่านั้นที่จะช่วยนางรอดพ้นเคราะห์นี้ได้
เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต เซี่ยหลินจึงเดินทางด้วยผู้ติดตามเพียงไม่กี่คน
แต่โชคร้าย กลุ่มหมอผีได้ลอบโจมตีพวกเขาระหว่างทาง แม้ว่าหมอผีเหล่านี้จะไม่เก่งในด้านการปะทะต่อสู้ทางตรง แต่พวกมันสามารถใช้วิธีบูชายัญ
ตนเองเพื่อร่ายมนต์ที่ชั่วร้าย
มนต์นี้ไม่ได้ทำให้เสียอายุขัยโดยตรง แต่จะทำให้ผู้ถูกมนต์แก่ตายในเวลาอันสั้น
ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ เมื่อผู้ถูกมนต์ตาย จะกลายเป็นต้นกำเนิดของการแพร่กระจายมนต์นี้
หากไม่ได้รับการยับยั้งด้วยวิธีเฉพาะ ตัวมนต์อาจทำลายล้างประชากรไปทั่วต้าฉีทั้งหมดในไม่ช้า
ย้อนกลับไปในรัชสมัยของจักรพรรดิองค์ที่สาม ราชวงศ์เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักจากมนต์ลักษณะนี้ที่มาจากเผ่าหมอผีทางตอนเหนือ
โชคยังดีที่นักพรตของสำนักขงจื๊อสามารถขจัดมนต์ดังกล่าวด้วยพลังแห่งคุณธรรมของสำนักได้ ไม่เช่นนั้น ราชวงศ์ต้าฉีอาจสูญสิ้นไปนานแล้ว...
เซี่ยหลินจึงไม่มีเวลามองดูทหารสองนายที่กำลังจะเสียสละ นางทำได้เพียงสะบัดแส้ม้าพุ่งตรงไปยังเมืองฉางเฟิง
...
เมื่อเวลาล่วงเข้าสู่ยามเย็น พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ดวงจันทร์ขึ้นสู่ฟากฟ้าแทนที่ดวงอาทิตย์
หลี่ชิงซานอ้าปากหาว ขณะกำลังเก็บแผงเพื่อกลับที่พัก ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้น
หญิงสาวในชุดรัดรูปสีขาว สวมผ้าคลุมหน้า ปรากฏตัวที่หน้าแผงของเขา
“ท่านเป็นนักพรตสายสำนักขงจื๊อหรือไม่?”
“เปล่า” หลี่ชิงซานส่ายศีรษะ “ข้ารับจ้างเขียนจดหมาย เจ้าจะเขียนจดหมายหรือ?”
เซี่ยหลินใจหายวาบ นางลังเลเล็กน้อยก่อนถามต่อ
“ท่านเขียนบทกวีได้หรือไม่? กวีที่เป็นอมตะตลอดกาล...”
สามวันก่อน นักพรตสายสำนักขงจื๊อทั้งหมดในเมืองฉางเฟิงถูกส่งตัวออกไปด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา จนบัดนี้ แม้แต่อาจารย์สอนตำราธรรมดาสักคนก็
หาไม่ได้ในเมืองนี้!
หลังจากเซี่ยหลินเข้าสู่เมือง นางค้นหาทั่วทุกที่ และพบว่า คนเดียวในเมืองที่ดูมีความเกี่ยวข้องกับสำนักขงจื๊อ ก็คือชายหนุ่มนักเขียนจดหมายที่อยู่
ตรงหน้านาง...
มองดูหลี่ชิงซานที่ยืนงงอยู่ เซี่ยหลินแอบหัวเราะเยาะตัวเองในใจ: เซี่ยหลินนะ! เซี่ยหลิน! แม้ยามคับขันก็ไม่ควรหันไปพึ่งคนที่ไม่น่าไว้ใจ!
คนเขียนจดหมายรับจ้างคนหนึ่ง จะไปเขียนกวีอมตะได้อย่างไรกัน?
“รบกวนท่านมาก ข้าจะไปถามคนอื่นดูอีกที” เซี่ยหลินทิ้งคำพูดไว้ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เมื่อเห็นดังนั้น หลี่ชิงซานก็ไม่ได้พยายามรั้งนางไว้ ในหัวเขามีบทกวีอมตะมากมาย แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นของคนอื่น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากลอกงานคนอื่น แต่บทกวีพวกนั้นหากเผยแพร่ออกไป อาจนำมาซึ่งปัญหาที่ไม่จำเป็น
เขามีเวลามากพอ และไม่เห็นคุณค่าในชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ฉาบฉวยเหล่านั้น
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงรับจ้างเขียนจดหมายเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่ไม่เคยคิดจะใช้บทกวีอมตะเพื่อหาเงิน
ในทันใดนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำพร้อมดาบที่เอวปรากฏตัวล้อมรอบหลี่ชิงซานและเซี่ยหลิน
หัวหน้าของพวกเขาก้าวเข้ามาพร้อมชักดาบออก
“หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้าไม่รู้หรือว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่?” เซี่ยหลินตวาดเสียงดัง แสดงอำนาจเหนือชั้นอย่างชัดเจน
“องค์หญิงอย่าตกใจ สถานที่นี้ไม่ปลอดภัย พวกข้าจะพาท่านไปยังที่ปลอดภัย” ชายคนแรกไม่ได้โจมตีในทันที แต่กลับล้อมเส้นทางหลบหนีของเซี่ย
หลินไว้
แกร๊ง!
เสียงพู่กันตกกระทบพื้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
หลี่ชิงซานหยิบพู่กันขึ้นมา ก่อนสะพายกระเป๋าตำราแล้วเดินไปทางจุดที่กลุ่มชายชุดดำอ่อนแอที่สุด
ท่าทางของเขาเหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นรอบตัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย
“เจ้าหนุ่ม หยุดอยู่ตรงนั้น!” ชายชุดดำคนหนึ่งชักดาบชี้ไปที่หลี่ชิงซาน แววตาเต็มไปด้วยความอำมหิต
อีกแล้วหรือ... เรื่องวุ่นวายพวกนี้ หลี่ชิงซานยกมือขึ้นเล็กน้อย “ปล่อยข้าไป ข้าไม่เห็นอะไรและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”
คำพูดนั้นทำให้ทุกคนตะลึง
หรือว่าชายหนุ่มเขียนจดหมายคนนี้ไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า?
วันนี้หากเขารอดชีวิตออกไปได้ ในอนาคตเขาจะกลายเป็นภัยร้ายแน่นอน!
หัวหน้ากลุ่มชายชุดดำเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ พร้อมพูดว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้าคงไปไหนไม่ได้แล้ว แต่เจ้าสามารถบอกข้อมูลครอบครัวของเจ้าไว้ ข้าจะส่งเงิน
ให้พวกเขา เพื่อรับประกันว่าชีวิตพวกเขาจะสุขสบาย”
“ข้ามีตัวคนเดียว” หลี่ชิงซานตอบขณะค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าตำรา ก่อนหยิบมีดทำครัวเล่มหนึ่งที่คมเริ่มทื่อขึ้นมา
แสงจันทร์สาดส่องสะท้อนบนมีดทำครัว เกิดเป็นแสงสว่างวูบไหว
เมื่อเห็นว่าหลี่ชิงซานกล้าหยิบอาวุธขึ้นมาต่อกร กลุ่มชายชุดดำก็พากันหัวเราะ
พวกเขาไม่เข้าใจว่าบัณฑิตยากจนคนนี้เอาความกล้ามาจากไหน?
แถมมีดยังทื่อขนาดนั้น ฆ่าคนไม่ได้แน่ แค่ฆ่าไก่อาจจะยังลำบาก
“ข้าจะพูดอีกครั้ง ปล่อยข้าไป ข้าจะถือว่าไม่เคยเห็นอะไรทั้งนั้น” หลี่ชิงซานกวาดตามองรอบตัวเหมือนกำลังคำนวณอะไรบางอย่าง
“เจ้านี่มันบังอาจ!” ชายชุดดำที่อยู่ใกล้เขาที่สุดพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชักดาบฟาดตรงไปยังใบหน้าของหลี่ชิงซาน!
ในขณะเดียวกัน เซี่ยหลินก็ลงมือ นางสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยแสงเย็นวูบวาบพุ่งเข้าหาชายชุดดำที่โจมตีหลี่ชิงซาน...