ตอนที่แล้วบทที่ 7 : บ้านของใบ้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 : หนีหนี

บทที่ 8 : ฉากแรก


เฉินนั่วใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าอ่านบทคร่าวๆ จบ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจางอี้อี้คนนี้มีปมอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า

เนื้อเรื่องคล้ายกับที่จางอี้อี้เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้

แต่สิ่งที่จางอี้อี้ไม่ได้เล่าจบคือ หลังจากที่จางอ้าปาถูกเสี่ยวจู๋ทิ้ง เขาคิดว่าที่ครอบครัวเธอไม่ยอมรับเขาเพราะเขาไม่มีบ้าน จางอ้าปาจึงตัดสินใจสร้างบ้านขึ้นมาเอง

ใช่แล้ว สร้างเอง

แต่ไม่ใช่ใช้อิฐและปูน เขาวิ่งขึ้นไปบนเขารกร้างแห่งหนึ่งเพื่อขุดถ้ำ สุดท้ายใช้เวลาห้าปี ผ่านความยากลำบากมากมาย ขุดบ้านใต้ดินขึ้นมาหลังหนึ่ง

แต่เมื่อเขาไปชวนเสี่ยวจู๋มาดูบ้าน กลับพบว่าเธอแต่งงานไปแล้ว อุ้มลูกอยู่ในอ้อมแขน อาศัยอยู่ในตึกสูง สุดท้าย จางอ้าปาก็ขึ้นเขาไปคนเดียว มุดเข้าไปในบ้านใต้ดิน และไม่ได้ออกมาอีกเลย

นี่มันบทบ้าอะไรกัน ดราม่าเกินเหตุชัดๆ

เฉินนั่วอ่านจนปวดหัว ไม่พูดถึงจุดที่ไม่สมเหตุสมผล แค่ทั้งบทมันสื่อออกมาคำเดียว: เศร้า เศร้าจนช้ำไปหมด ตั้งแต่หัวจรดเท้า

เฉินนั่วไม่เข้าใจ ถ่ายหนังแบบนี้ จะมีคนดูเหรอ? ถ้าคนจ่ายเงินซื้อตั๋ว เข้าโรงหนัง แล้วโดนป้อนอะไรแบบนี้เข้าไป จางอี้อี้ไม่กลัวโดนส่งมีดมาทางไปรษณีย์หรือไง?

ถ้าชาติที่แล้วเขากล้าถ่ายคลิปสั้นแบบนี้ วันเดียวยอดติดตามก็หายไปเป็นล้าน

หรือว่า นี่แหละคือหนัง นี่แหละคือศิลปะ?

เฉินนั่วไม่เข้าใจ

แต่เมื่อตกลงกับจางอี้อี้ไปแล้ว ก็ต้องลุยดูว่าจะทำได้แค่ไหน

เขาโทรบอกเฉินปี้เฉิงสั้นๆ วันรุ่งขึ้นก็ไม่ไปเรียน เริ่มจดจ่อกับการศึกษาบท

ถึงเฉินนั่วจะไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือ แต่เขาสามารถขลุกอยู่กับหนังสือได้ทั้งปิดเทอมสองเดือน เช่นเดียวกัน ถึงเขาจะไม่ชอบบทที่เต็มไปด้วยพิษแห่งความเศร้านี้เลย แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางการที่เขาอ่านมันติดต่อกันสามวันเต็ม ตั้งแต่เช้าจรดเย็น

ก่อนอื่นเขาใช้วิธีท่องจำ ตามที่จางอี้อี้สั่ง อ่านบทจนคุ้นเคย ถึงในนั้นจะมีศัพท์เทคนิคที่เขาไม่เข้าใจ อย่าง Long Shot, Close-up, Track shot อะไรพวกนี้ แต่ด้วยประสบการณ์จากการถ่ายคลิปสั้น เขาก็พอจะเดาความหมายได้

หลังจากท่องบทจบ เขาหยิบกระดาษมาไม่กี่แผ่น วาดภาพฉากต่างๆ ตาม shot ที่ระบุในบท เขาพบว่าพอทำแบบนี้ ภาพในหัวเขาชัดเจนขึ้น และรู้สึกเหมือนตัวละครในหัวมีชีวิตขึ้นมา เขาจึงสนใจ และตัดสินใจวาดบทนี้ออกมาทั้งหมด

ในสัปดาห์ต่อมา เฉินนั่วไม่ทำอะไรเลย นอกจากกินและนอน ก็มีแต่วาดรูป เมื่อจางอี้อี้โทรมาหา เขากำลังวาดฉากสุดท้ายพอดี

"เฉินนั่ว เตรียมตัวหน่อย พรุ่งนี้เราเริ่มถ่ายกัน อ่านบทเป็นยังไงบ้าง?"

เฉินนั่วมองภาพตรงหน้า รูปคนรูปหนึ่ง นั่นคือจางอ้าปา เขานอนอยู่ในวงกลม นั่นคือถ้ำใต้ดิน มองจากมุมสูง จางอ้าปาหลับตาอย่างสงบ ห้าปีผ่านไป ในที่สุดเขาก็ได้นอนในบ้านของตัวเอง

"จำได้หมดแล้วครับ ผู้กำกับ" เพียงไม่กี่คำ เฉินนั่วพูดออกมาอย่างลำบาก ราวกับไม่คุ้นกับการเปล่งเสียงแล้ว

เมื่อเฉินนั่วมาถึงจุดนัดพบที่จางอี้อี้บอก พอเจอกัน ประโยคแรกที่จางอี้อี้พูดคือ "เสียงนายเป็นอะไรไป?"

เฉินนั่วเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

หลายวันมานี้ เขาจมดิ่งอยู่ในโลกของจางอ้าปา นอกจากออกไปกินข้าวและรับโทรศัพท์ แทบไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกเลย

และเขาก็ยิ่งไม่อยากพูดมากขึ้นเรื่อยๆ

เฉินนั่วส่ายหน้า จางอี้อี้พยักหน้าอย่างครุ่นคิด ไม่ได้ถามอะไรต่อ

ครั้งนี้ ทีมงานของจางอี้อี้มาครบแล้ว นอกจากนักแสดง สิบกว่าคน แต่ละคนต้องทำหลายหน้าที่ ช่างภาพเป็นลุงวัยสี่สิบกว่า ไว้เคราดก เฉินนั่วเดินผ่านได้ยินเขาบ่นพึมพำว่า อยู่ในวงการมายี่สิบปี เพิ่งเคยเจอกองถ่ายแบบจัดมั่วแบบนี้ ทั้งผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ยังเป็นนักศึกษา ไม่รู้ไปหาเงินทุนมาจากไหน

พอเฉินนั่วมาถึง จางอี้อี้ก็ให้ไปตัดผม

นั่งอยู่ที่ปากตรอก พี่สาวคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ทั้งผู้ช่วยกองและสไตลิสต์ ถือปัตตาเลี่ยนยืนอยู่ข้างหลังเฉินนั่ว ถามอย่างลังเล "นี่ ฉันตัดจริงๆ นะ?"

"ตัดเลยครับ"

พี่สาวใช้ปัตตาเลี่ยนตัดผมเฉินนั่วเป็นทรงเกรียนสั้น แผนเดิมคือจะหาน้ำจากบ้านใครสักหลังมาสระผม แต่เฉินนั่วเห็นว่ายุ่งยาก เห็นก๊อกน้ำที่ปากตรอก เขาก็ก้มหัวล้างตรงนั้นเลย

หลี่เสี่ยวเถียนกับจางอี้อี้ยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ไกล พอดีเห็นภาพนั้น หลี่เสี่ยวเถียนพูดขึ้น "ไม่คิดเลยว่าจะใช้ได้ สี่แสนนะเว้ย ถ้าหนังเรื่องนี้ยังไม่เสร็จอีก พวกเราสองคนคงต้องไปขายตัวแล้ว"

จางอี้อี้จ้องมองเฉินนั่วที่กำลังล้างผมด้วยน้ำเย็นจากก๊อก พูดอย่างครุ่นคิด "เถียน ฉันมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชะตาชีวิตของฉันกับนายจะเปลี่ยนไป"

"เพราะเขาเหรอ?"

"เพราะเขา"

ตัดผมเสร็จก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดผ้าขาดรุ่งริ่งที่ปะชุนทับซ้อนกันหลายชั้น พร้อมรองเท้าผ้าเก่าขาด ที่หนักสุดคือรองเท้ามีรูสองรู พอดีกับนิ้วโป้งเท้าของเฉินนั่วโผล่ออกมา

แค่นี้จางอี้อี้ยังไม่พอใจ เดินมาสำรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้ายบอก "หน้าใช้ไม่ได้ สะอาดเกินไป"

พี่สาวที่เป็นทั้งช่างแต่งหน้าและผู้ช่วยถาม "งั้นเอาเขม่าถ่านทาไหม?"

"เขม่าถ่านดูเสแสร้งไป เอาฝุ่นจากพื้นนี่แหละ หน้า คอ มือ ลงให้หมด"

พี่สาวมือใหม่ทำหน้าลำบากใจ "จะให้ทำยังไงล่ะ?"

เฉินนั่วได้ยินแล้วก็ไม่พูดอะไร เดินไปที่มุมกำแพงที่มีฝุ่นเยอะ ทิ้งตัวลงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาสองสามรอบ แล้วเดินกลับมา

จางอี้อี้มองเขาลึกๆ พูดว่า "คราวนี้ใช้ได้"

เตรียมเริ่มถ่าย

จางอี้อี้ประกาศว่า วันแรกทีมงานต้องปรับตัวเข้าหากัน จะถ่ายแค่สามฉาก ทั้งหมดเป็นฉากในตรอก แต่ถ้าไม่ราบรื่น สองฉากก็พอ

"ทุกคนเข้าประจำที่! บ้านของใบ้ ฉากที่หนึ่ง ช็อตที่หนึ่ง เทคหนึ่ง!" พี่สาวตะโกน ตามด้วยเสียง "แปะ!" ของคลัปบอร์ด

ฉากแรกในชีวิตของเฉินนั่วเริ่มขึ้น

เป็น Close-up shot

พี่ช่างภาพนั่งยองๆ ห่างจากเขาไม่ถึงเมตร ถ่ายฉากที่เขากำลังสวมรองเท้าอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งหน้าลานสี่เหลี่ยม

ประตูด้านหลังเฉินนั่วเปิดออก มีคนเดินออกมา

ในเฟรมเห็นเพียงขาคู่หนึ่ง ดูเหมือนไม่เห็นเขา ก้าวข้ามศีรษะเขาไป ราวกับเขาเป็นเพียงก้อนหินข้างทางก้อนหนึ่ง

ตอนวาดภาพ เฉินนั่วประทับใจช็อตนี้มาก ตอนนั้นเขาคิดว่าจางอ้าปาจะต้องมีปฏิกิริยารุนแรง แต่ ณ ขณะนี้ กลับไม่มี

เฉินนั่วยังคงนั่งยองๆ ก้มหน้า หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบสวมรองเท้าให้เสร็จ ลุกขึ้นยืน เหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะถ่มน้ำลายไปที่ประตูบ้าน แล้วรีบเดินจากไปอีกทาง ก้าวเร็วๆ ราวกับกำลังหนี

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เหลียวมองทางที่ขาคู่นั้นเดินจากไปแม้แต่ครั้งเดียว

"ดี คัท! ถ่ายอีกรอบ"

ทำไมต้องถ่ายอีกรอบ จางอี้อี้ไม่ได้บอกเหตุผลผ่านวอล์กกี้ทอล์กกี้ และเฉินนั่วก็ไม่ได้ถาม เขาแค่แสดงอีกรอบ

"มาอีกรอบ"

"อีกรอบ"

"อีกรอบ"

(จบบทที่ 8)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด