บทที่ 385 ตื่นเต้นแต่ไร้อันตราย
บทที่ 385 ตื่นเต้นแต่ไร้อันตราย
หน่วยงานทำงานรวดเร็วมาก การจัดเตรียมกางเกงในหนึ่งร้อยตัวไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในตอนค่ำมีคนส่งของมาให้ถึงที่พัก
เช้าวันถัดมา กลุ่มของเฉินโส่วอี้ขึ้นรถไฟ ออกจากเมืองหลวง
ภายในห้องนอนเดี่ยว
การเดินทางมาที่เมืองหลวงครั้งนี้ เฉินโส่วอี้ได้รับผลประโยชน์มหาศาล ไม่เพียงแต่ได้รับเกียรติยศ แต่ยังสามารถเสริมจุดอ่อนด้านสติปัญญาได้อย่างมาก นอกจากนี้ เขายังหมดกังวลเรื่องการเปลือยกายหลังการแปลงร่างอีกด้วย
ยกเว้นเพียงเรื่องที่เขาอับอายตอนการสอบคัดเลือกนักรบ
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้เฉินโส่วอี้ไม่ได้ใส่ใจเลย
เพราะในชีวิตของเขา ตั้งแต่เด็กจนโต มีครั้งที่น่าอับอายมากมายนับไม่ถ้วนจนเขาชาชิน
เช่นในช่วงหลังการสอบกลางภาคทุกครั้ง ผลคะแนนของเขามักจะถูกทำเป็นตารางและติดอยู่ที่ผนังห้องเรียน เขามักจะมองแค่ครั้งเดียวแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่เคยถามคะแนนของเพื่อนหรือบอกใคร
เฉินโส่วอี้หยิบหนังสือพิมพ์ ประชาชนรายวัน พับอย่างระมัดระวัง และเก็บไว้ในช่องกระเป๋าเอกสาร
ไม่แน่ใจว่าพ่อแม่จะได้เห็นหรือเปล่า?
แม้ว่าบทความนี้จะเป็นการยกย่องนักรบที่มีส่วนร่วมในสงครามระหว่างโลกเพียงคร่าวๆ โดยมีการเอ่ยชื่อเขากับเย่จงในฐานะตัวอย่างที่ดี แต่เรื่องการพิฆาตเทพกลับไม่ได้ถูกพูดถึง
หากพ่อแม่เห็นเข้า คงจะถามนั่นถามนี่ไม่หยุดแน่
และแม้พ่อแม่จะไม่ได้เห็น สื่อประจำมณฑลก็อาจจะเผยแพร่ออกไป หรือแม้แต่ตอนนี้อาจมีคนไปสัมภาษณ์ที่บ้านแล้ว
“เฮ้อ หวังว่าพ่อแม่จะไม่เผลอพูดเรื่องน่าอายของผมในวัยเด็ก ไม่อย่างนั้นภาพลักษณ์อันสวยงามของผมคงหมดกันแน่”
เฉินโส่วอี้ถอนหายใจเบาๆ ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ
ในสังคมนี้ การใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่าย ทำไมมันถึงยากนักนะ!
ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้เลยหรือไง?
กลางดึก เฉินโส่วอี้สะดุ้งตื่น
เขาลืมตาขึ้น พบว่ารถไฟยังคงวิ่งอยู่ตามปกติ
เมื่อมองดูนาฬิกาข้อมือ พบว่าเพิ่งจะตีหนึ่ง
เขาหลับตาลงเตรียมจะนอนต่อ แต่ไม่กี่วินาทีก็ได้ยินเสียงกระจกแตกจากที่ไกลๆ เขารีบลุกจากเตียงและใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาดึงม่านหน้าต่างออกและมองออกไปข้างนอก
เมื่อคืนก่อนหลับ ฝนเริ่มตก
ขณะนี้ด้านนอกมืดสนิท ไม่มีแสงดาวแม้แต่น้อย และในความมืดดูเหมือนมีเงาจำนวนมากบินไปมาในอากาศ
ทันใดนั้น เสียงกระจกแตกดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้หญิง
เสียงนั้นใกล้ขึ้น เหมือนอยู่ไม่ไกลจากตู้โดยสารของเขา
สีหน้าของเฉินโส่วอี้เปลี่ยนไป เขาเหยียดมือออกไปเรียกดาบยาวบนเตียงที่ลอยขึ้นมาอย่างเงียบๆ ก่อนจะตกลงในมือ
“ไปหาที่ซ่อนเถอะ ฉันจะออกไปดู” เฉินโส่วอี้บอกสาวเปลือกหอย
เธอตื่นจากเสียงประหลาดตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว
“โอเค!” เธอพยายามเก็บความหวาดกลัวไว้ในใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ยักษ์ใจดี รีบกลับมานะ ปกป้องเจ้าตัวเล็กด้วยล่ะ!”
เฉินโส่วอี้หัวเราะในใจ ตอนนี้ถึงรู้สึกกลัวสินะ!
ที่ผ่านมาเธอเอาแต่เรียกเขาว่า “ยักษ์โง่” ทั้งวันทั้งคืน
“ฉันจะรีบกลับมา!”
เขาเปิดประตูออก
ในแสงสลัวของตะเกียงน้ำมันที่แกว่งไกวไปมา มีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่ในทางเดิน สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และต่างพูดคุยกันอย่างสับสน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้! ดูเหมือนจะมีนกจากอีกโลกหนึ่งโจมตีรถไฟ!”
“ทำไมนกถึงได้มีมากขนาดนี้?”
“นี่มันเขตภูเขาไม่ใช่หรือ!”
เสียงของเฉินโส่วอี้ยังคงได้ยินเสียงกระจกแตกเป็นระยะ พร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้คน จากนั้นจำนวนคนที่ตื่นจากการหลับใหลและออกมายืนในทางเดินก็มากขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ในขณะนั้นเอง ประตูห้องที่ไม่ไกลก็เปิดออก
ผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งกรีดร้องและวิ่งออกมา ขณะที่ด้านหลังของพวกเขามีนกจากอีกโลกหนึ่งขนาดเท่าแม่ไก่บินตามมา มันกระพือปีกอย่างดุเดือด และใช้จะงอยปากแหลมจิกผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่ท้ายกลุ่มอย่างรุนแรง
หลังจากถูกจิกไม่กี่ครั้ง แผ่นหลังของเธอเต็มไปด้วยเลือด และสามารถมองเห็นกระดูกลางหลังได้อย่างเลือนลาง
ผู้คนที่มองเห็นต่างพากันถอยหลังอย่างตื่นตระหนก ทางเดินที่คับแคบอยู่แล้วกลับยิ่งแน่นจนขยับตัวไม่ได้
“หลบหน่อย! ผมจะไปช่วย!” เฉินโส่วอี้ตะโกน แต่ไม่มีใครฟัง
โชคดีที่ในรถไฟไม่ได้มีเพียงแค่คนธรรมดา ก่อนที่เฉินโส่วอี้จะใช้กำลังฝ่าผู้คนออกไป นักรบวัยกลางคนคนหนึ่งก็พุ่งเข้าไปและใช้ดาบฟันนกตัวนั้นจนตายในดาบเดียว
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอล้มลงกับพื้น เลือดไหลท่วมพื้นและร่างกายเริ่มชักกระตุก
ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟก็รีบเข้ามา
“รถไฟกำลังเร่งความเร็วออกจากเขตนี้ ทุกคนอย่าตื่นตระหนก! ผู้โดยสารทั่วไปให้ยืนชิดกำแพง อย่าขวางทาง! นักรบฝึกหัดและนักรบให้ช่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของผู้โดยสาร!”
“ตอนนี้ นักรบฝึกหัดและนักรบทั้งหมดออกมาให้ลงทะเบียน!”
ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ แม้จะมีความหวาดกลัวในช่วงแรก แต่เมื่อความมีเหตุผลกลับคืนมา ความสงบเรียบร้อยก็เริ่มปรากฏ
ผู้โดยสารทั่วไปเรียงแถวชิดทางเดินทันที
เฉินโส่วอี้สังเกตเห็นว่า ในตู้โดยสารที่มีผู้โดยสารประมาณ 30-40 คน จะมีนักรบหนึ่งคนและนักรบฝึกหัดสามคน ซึ่งอัตราส่วนนี้สูงถึง 1 ใน 10 ซึ่งน่าทึ่งมาก
หลังจากเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนนักรบฝึกหัดและนักรบเสร็จ จึงมาถึงเฉินโส่วอี้
“ชื่ออะไรครับ?”
“เฉินโส่วอี้”
“ระดับ?”
“นักรบระดับสูงสุด” เฉินโส่วอี้ตอบ
“อ้า… ขออภัยนะครับ คุณบอกว่าคุณเป็นนักรบระดับสูงสุด?” เจ้าหน้าที่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“นี่ครับบัตรนักรบของผม” เฉินโส่วอี้หยิบบัตรยืนยันตัวตนออกมา
เขาเคยชินกับการถูกตั้งคำถามลักษณะนี้ เพราะรูปลักษณ์ที่ดูเด็กเกินไปของเขา
“ไม่ต้องแล้วครับ! ไม่ต้องครับ!” เจ้าหน้าที่รีบโบกมือปฏิเสธที่จะรับบัตร และนึกขึ้นได้ว่ารถไฟขบวนนี้มีรายงานว่านักรบระดับสูงสุดโดยสารอยู่ด้วย แต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นเฉินโส่วอี้ “สวัสดีครับ คุณเฉิน มีคุณอยู่บนรถไฟ เราก็วางใจได้ ขอความกรุณาช่วยเหลือในกรณีที่มีเหตุอันตรายด้วยครับ!”
“น่นอนครับ ผมก็อยู่บนรถไฟเหมือนกัน” เฉินโส่วอี้พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ พร้อมเก็บบัตรลงกระเป๋า
หลังจากเจ้าหน้าที่เดินไปยังตู้โดยสารถัดไป บรรยากาศโดยรอบกลับมาเงียบสนิท
แม้แต่นักรบวัยกลางคนที่ฟันนกตัวนั้นในดาบเดียวก็ยังมีท่าทางเกรงใจและไม่กล้าส่งเสียง
เพื่อทำลายความอึดอัด เฉินโส่วอี้ยิ้มบางๆ และพูดขึ้น “เมื่อกี้ดาบนั้นไม่เลวเลยนะครับ!”
“ไม่หรอกครับ ท่านอาวุโสอย่าหัวเราะผมเลย” นักรบวัยกลางคนฝืนยิ้มตอบ
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาว่า “ท่านอาวุโส” เฉินโส่วอี้ถึงกับพูดไม่ออก
อายุของอีกฝ่ายก็น่าจะมากพอที่จะเรียกเขาว่า “อา” ได้แท้ๆ
ไม่นานนัก จางเมี่ยวเมี่ยว ไป่เสี่ยวหลิง และจ้าวติงรีบเดินเข้ามา พวกเธอไม่ได้อยู่ในตู้เดียวกับเฉินโส่วอี้
ทั้งสามหลบเลี่ยงศพและเมื่อเห็นเฉินโส่วอี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ตู้ของพวกคุณเป็นยังไงบ้าง?” เฉินโส่วอี้ถาม
“มีคนเสียชีวิตไปสองคน แต่โชคดีที่ฆ่านกได้ทัน ทำไมนกจากอีกโลกถึงได้มีจำนวนมากขนาดนี้?” ไป่เสี่ยวหลิงถามด้วยความตกใจ
“เขตภูเขาห่างไกลมักมีสิ่งมีชีวิตจากอีกโลกมากอยู่แล้ว” เฉินโส่วอี้อธิบาย
พื้นที่บางแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขา แม้จะมีประตูมิติ ก็ยากที่จะสังเกตเห็น ยิ่งในช่วงเวลาที่มนุษย์ยังอ่อนแอหลังการเปลี่ยนแปลง ยิ่งทำให้สิ่งมีชีวิตจากอีกโลกแพร่พันธุ์และขยายจำนวนโดยไม่มีการควบคุม
โชคดีที่สิ่งมีชีวิตที่โจมตีในครั้งนี้ไม่อันตรายมาก และมีจำนวนจำกัด
ระหว่างนั้น มีนกตัวหนึ่งเข้ามาในตู้โดยสารนี้ แต่ถูกเฉินโส่วอี้จัดการในพริบตา
หลังจากนั้นก็ไม่มีการโจมตีเกิดขึ้นอีก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถไฟก็ออกจากเขตภูเขา และสัญญาณเตือนภัยก็ถูกยกเลิก
เหตุการณ์ครั้งนี้จบลงโดยไม่มีความสูญเสียเพิ่มเติม