บทที่ 378: ไหนใครบอกว่าจะทำให้เฉียวซางแพ้ได้?
พนักงานชายที่มีผมหยักศกเล็กน้อยรีบวางโทรศัพท์ลงและเงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มมืออาชีพที่ดูมาตรฐานอย่างไม่มีที่ติ “ขอบัตรข้อมูลด้วยครับ”
เฉียวซางส่งบัตรข้อมูลให้เขาอย่างเรียบร้อย
พนักงานชายรับบัตรไปวางบนเครื่องสแกน ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามโดยไม่ได้มองข้อมูลบนหน้าจอ “คุณต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลสัตว์อสูรในส่วนไหนครับ?”
“สุนัขเพลิงเร้นลับของฉันมันวิวัฒนาการแล้ว ฉันอยากเปลี่ยนข้อมูลส่วนนี้ค่ะ” เฉียวซางตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เรียกสัตว์อสูรของเธอออกมาทันทีเหมือนครั้งก่อนๆที่เคยเปลี่ยนข้อมูล
สัตว์อสูรระดับสูงส่วนใหญ่จะมีขนาดตัวที่ใหญ่โต มักจะอยู่ในกลุ่มขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ถ้าหากเรียกออกมาในช่วงเวลาที่ศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูรมีคนน้อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าผู้คนพลุกพล่าน การเรียกสัตว์อสูรที่มีขนาดใหญ่โตออกมาอาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้
เพื่อรักษาความเป็นระเบียบ ศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูรจึงได้กำหนดไว้ว่าสัตว์อสูรที่มีขนาดเกิน 3 เมตรจะต้องไม่ถูกเรียกออกมาในห้องโถงหลัก หากต้องการปรับเปลี่ยนข้อมูลสัตว์อสูรระดับสูงหรือสัตว์อสูรที่มีขนาดใหญ่ ต้องไปยังห้องพิเศษเพื่อการยืนยัน
พนักงานหญิงที่มัดผมเป็นทรงดังโงะอยู่ด้านข้างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าช่องบริการ
เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? เปลี่ยนข้อมูลของสุนัขเพลิงเร้นลับอย่างนั้นเหรอ?!
พนักงานชายผมหยักศกเองก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเธอ ทั้งคู่ประสานสายตากันอย่างรู้ใจ สีหน้าของพวกเขาแทบจะเหมือนกันเป๊ะ
เฉียวซางยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน
ก็ช่วยไม่ได้... เธอเจอปฏิกิริยาแบบนี้มาหลายครั้งจนชินซะแล้ว
สุนัขเพลิงเร้นลับ? วิวัฒนาการ? เป็นไปได้ยังไง?!
พนักงานชายผมหยักศกเบิกตากว้างเล็กน้อย ความรู้สึกตกใจและสับสนประดังเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขารีบก้มมองหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อดูข้อมูลที่แสดงออกมา
เฮ้ย! นี่มันสุนัขเพลิงเร้นลับจริงๆ!
“เชิญตามผมมาทางนี้ครับ!” พนักงานชายผมหยักศกลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตื่นเต้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเร่งรีบ เหมือนว่าเขาไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
“ได้ค่ะ” เฉียวซางพยักหน้า
เธอเดินตามพนักงานชายเข้าไปยังห้องแรกที่อยู่สุดทางเดินด้านซ้ายของโถงชั้นหนึ่ง
โชคดีสุดๆ! ผู้ฝึกสุนัขเพลิงเร้นลับมาที่ศูนย์เรา! ขอบคุณความจนที่ทำให้ฉันไม่ได้ลางานวันนี้! แต่เดี๋ยวนะ... สุนัขเพลิงเร้นลับวิวัฒนาการแล้วงั้นเหรอ? ผู้ฝึกของมันไม่ใช่แค่เด็กมัธยมปลายหรอกเหรอ...
พนักงานหญิงที่มัดผมทรงดังโงะกลั้นความตื่นเต้นไว้แทบไม่อยู่ เธอลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนจะตามไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ย่าห์!"
ยี่สิบนาทีต่อมา หยาเป่ามองดูสองมือที่ลูบคลำตัวมันไม่หยุดมาตลอด มันอดทนมานานจนในที่สุดก็ทนไม่ไหวและร้องออกมา
เสียงร้องของมันทำให้พนักงานสองคนที่กำลังลูบมันด้วยความตื่นเต้นหยุดมืออย่างเสียดาย
"สุนัขเพลิงเร้นลับที่วิวัฒนาการแล้วนี่เรียกว่าอะไรเหรอครับ?" พนักงานชายผมหยักศกถามด้วยความสนใจ
ตามกฎของพันธมิตร คนที่พัฒนาสายพันธุ์วิวัฒนาการใหม่ของสัตว์อสูรได้เป็นคนแรกจะมีสิทธิ์ตั้งชื่อให้สัตว์อสูรตัวนั้น
"สุนัขเพลิงพร่างพรายค่ะ 'เพลิง' ในคำว่าเพลิงผลาญ และ 'พราย' ในความหมายของหมู่ดาว" เฉียวซางตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
พนักงานหญิงผมทรงดังโงะมีสีหน้าเปี่ยมด้วยความจริงใจ "ฟังดูเพราะมาก! ชื่อนี้ตั้งได้ยอดเยี่ยมจริงๆเลยค่ะ!"
"ใช่เลยครับ ถ้าเป็นผม คงคิดชื่อแบบนี้ไม่ออกแน่ๆ" พนักงานชายผมหยักศกพยักหน้าเห็นด้วย
เฉียวซางแอบยิ้มในใจ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ชื่อนี้มันมีอยู่ในระบบอยู่แล้ว ไม่ใช่เธอเป็นคนคิดเอง แต่ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงชอบฟังคำชมแบบนี้ มันรู้สึกดีจริงๆ
"ไม่ขนาดนั้นค่ะ ไม่ขนาดนั้น" เธอพูดถ่อมตัวแต่รอยยิ้มกลับซ่อนความภูมิใจไว้ไม่มิด
เมื่อการชมเชยดำเนินไปจนพอใจ พนักงานหญิงผมทรงดังโงะก็ถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ "เอ่อ... ขอฉันขอลายเซ็นจะได้ไหมคะ?"
"ผมก็อยากได้ด้วย!" พนักงานชายผมหยักศกรีบเสริม
หืม ตอนนี้ก็มีคนมาขอลายเซ็นฉันแล้วเหรอ? ทำเอาเขินเลยนะเนี่ย... เฉียวซางเกาหัวเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างอายๆ
"ก็ได้ค่ะ"
ทันใดนั้นพนักงานทั้งสองก็ดูตื่นเต้นมาก
"รอฉันแป๊บนะ ฉันจะไปหาแป้นหมึกกับกระดาษมา!" พนักงานหญิงพูดจบก็วิ่งออกไปทันที
"เอากระดาษมาเผื่อฉันด้วยนะ!" พนักงานชายตะโกนไล่หลัง
แป้นหมึก...? เฉียวซางอึ้งไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกแปลกๆเริ่มก่อตัวขึ้น
สามนาทีต่อมา...
พนักงานหญิงกลับมาพร้อมกับแป้นหมึกขนาดใหญ่มากสีฟ้าสดและเสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง เธอวางมันลงบนพื้นแล้วพูดด้วยความตื่นเต้น
"กระดาษที่ใหญ่พอสำหรับพิมพ์ลายเท้าของสุนัขเพลิงพร่างพรายฉันหาไม่ทัน เลยขอให้พิมพ์ลงบนเสื้อตัวนี้แทนได้ไหม!"
พูดจบเธอก็เงยหน้ามองหยาเป่าด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง
เฉียวซาง: "..."
อ๋อ... ที่แท้ก็ขอลายเซ็นของหยาเป่า ไม่ใช่ฉัน...
เมื่อออกมาจากศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูร เฉียวซางนึกถึงเรื่องถุงมือเพชรของซุนเป่าเธอหยิบมือถือขึ้นมาค้นหาที่อยู่ของร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไค่หนาน และพบว่าร้านนั้นอยู่ห่างจากตำแหน่งปัจจุบันของเธอประมาณ 11 กิโลเมตร
แทนที่จะเรียกรถแท็กซี่ เฉียวซางกลับเลือกที่จะเปิดแผนที่ในแอปฯนำทาง แล้วขยายให้ซุนเป่าดูพร้อมถามว่า
“พอจะข้ามพิกัดมิติไปที่นี่ได้ไหม?”
หลังจากสังเกตมาสองวัน เฉียวซางเริ่มรู้สึกชัดเจนแล้วว่า การข้ามพิกัดมิติของซุนเป่ามีปัญหาใหญ่เรื่องความแม่นยำในการกำหนดตำแหน่ง
ถ้าหากเป็นตำแหน่งที่มองเห็นด้วยตาเปล่า การกำหนดพิกัดจะไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ถ้าต้องใช้พลังจิตสร้างภาพแผนที่ในหัวเพื่อกำหนดตำแหน่งแล้วล่ะก็... ความผิดพลาดแทบจะเกิดขึ้นทุกครั้ง
ถ้าเมื่อคืนเธอไม่ได้หาสร้อยคอที่มีฟังก์ชันกำหนดพิกัดสองทางจากกองอุปกรณ์ที่ซื้อเหมามาให้ซุนเป่าใส่ไว้ก่อนที่มันจะเริ่มฝึก เธออาจต้องวิ่งไปแจ้งความเรื่องสัตว์อสูรหายกลางดึกแล้วก็ได้
จริงๆแล้วหากฝึกใช้ข้ามพิกัดมิติไปเรื่อยๆโดยอาศัยระบบเพิ่มค่าความชำนาญ ซุนเป่าก็น่าจะสามารถกำหนดพิกัดได้แม่นยำในที่สุด
แต่ปัญหาคือการข้ามพิกัดมิติเป็นทักษะขั้นสูงที่ใช้พลังงานมากและซุนเป่า—เมื่อเทียบกับหยาเป่าและลู่เป่าแล้ว—ก็ถือว่าเป็นตัวที่ขี้เกียจที่สุดในทีม การฝึกให้มันใช้พลังนี้อย่างแม่นยำอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน
เฉียวซางคิดว่าควรมีการฝึกฝนทักษะนี้แบบเจาะจงเป็นระยะๆ เพื่อพัฒนาทักษะให้ซุนเป่าได้เร็วขึ้น
แต่เธอขอสาบานเลยว่าไม่ได้คิดอยากจะลองข้ามพิกัดมิติจากบ้านไปถึงโรงเรียนก่อนเวลาเข้าเรียนหนึ่งนาทีเพราะตื่นสายแต่อย่างใด...
“ซุน~”
ซุนเป่าลอยมาดูหน้าจอมือถือแล้วกวาดตาอ่านแผนที่ ก่อนจะตบอกด้วยท่าทางมั่นใจว่าไม่มีปัญหา
วินาทีต่อมา มันก็เอาอุ้งมือแตะตัวเฉียวซาง...
ภาพตรงหน้าของเฉียวซางกลายเป็นความมืดชั่วขณะ และเมื่อสายตากลับมามองเห็นอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองอยู่ข้างสระว่ายน้ำในร่มแห่งหนึ่ง
รอบตัวเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อสาวสวยในชุดบิกินี่และกางเกงขาสั้นที่หันมามองเธอด้วยความสงสัย
อืม... ยังคงพามาผิดที่ตามเคย... เฉียวซางยังคงสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอานิ้วจิ้มแก้มซุนเป่าเบาๆ
“ซุน…”
ซุนเป่าทำหน้าเจื่อนแล้วส่งเสียงเล็กๆออกมา คล้ายจะบอกว่า เมื่อกี้มันแค่พลาดเอง…
ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าของเฉียวซางก็กลับกลายเป็นความมืดอีกครั้ง และเมื่อเธอปรับสายตาได้ เธอพบว่ามีรถนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงแตรดังสนั่นรอบทิศ
เฉียวซาง: “!!!”
หัวใจของเธอเต้นรัวจนแทบหลุดออกมา เสียงอุทานในใจแทบจะหลุดออกจากปาก แต่ก่อนที่เธอจะทันได้กรีดร้อง ภาพตรงหน้าก็หายไป
เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ตกแต่งเรียบง่าย
เฉียวซางถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือจับกำแพงเพื่อประคองตัว รู้สึกเหมือนเพิ่งฟื้นคืนชีพกลับมา
“ซุน!”
เสียงเสี่ยวซุนเป่าดังขึ้น มันพยายามบอกว่า คราวหน้าต้องสำเร็จแน่นอน!
เมื่อมันกำลังจะเริ่มใช้ข้ามพิกัดมิติอีกครั้ง เฉียวซางรีบคว้าข้อมือของมันไว้
“ซุน?”
เสี่ยวซุนเป่าทำหน้าสงสัย
“ขอฉันตั้งสติแป๊บ...” เฉียวซางพิงกำแพง พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ใครก็ตามที่ถูกวาร์ปไปโผล่กลางถนนท่ามกลางรถที่วิ่งเข้ามาหาตัวเอง ย่อมต้องใช้เวลานานกว่าจะตั้งสติได้เหมือนกัน
ทันใดนั้น เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากข้างนอก
ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าสองคู่ที่เดินเข้ามา
มีคนกลับมาแล้ว... เฉียวซางได้แต่นิ่งไป แต่ตอนที่เธอกำลังจะคิดจะให้ซุนเป่าพาตัวเองออกจากที่นี่ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากนอกประตู
“ไหนใครบอกว่าจะทำให้เฉียวซางแพ้ได้? ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันคงไม่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงให้เธอเจอหยวนอวิ๋นเหวินตั้งแต่แรกหรอก! ตอนนี้ดูสิ ชื่อเสียงทั้งหมดตกไปอยู่กับโรงเรียนเซินซุ่ยจนได้!”
เฉียวซาง: “...”
เอาล่ะ ดูเหมือนเรื่องสนุกๆกำลังจะเริ่มขึ้นอีกแล้ว...