ตอนที่แล้วบทที่ 1 : เฉินนั่ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 : หยางมี่

บทที่ 2 : ไม่ขอเป็นลูกคุณหนู


หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ณ กรุงปักกิ่ง

เฉินนั่วยืนอยู่นอกสนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่ง สูดอากาศที่เต็มไปด้วยหมอกควันหนาทึบ มองถนนที่ปกคลุมด้วยฝุ่นละออง

จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างช่างไม่เป็นจริงเลย

นับตั้งแต่โทรศัพท์คุยกับเฉินปี้เฉิง ชีวิตของเขาก็เหมือนมีคนกดปุ่มเร่งความเร็ว ทุกเฟรมผ่านไปเร็วมาก เร็วจนเขารู้สึกเหมือนฝัน

ใช่แล้ว นี่คือทางออกที่เขาคิดหนักมาก่อนตัดสินใจ

เมื่อเส้นทางการเรียนสายสามัญเดินต่อไม่ได้ ก็ต้องหาทางเลือกใหม่

และการสอบสายศิลปะก็คือทางเลือกนั้น

สถาบันละครศิลป์ปักกิ่ง สถาบันภาพยนตร์ปักกิ่ง หรือสถาบันละครศิลป์เซี่ยงไฮ้ ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ลองดูสักตั้งไง?

อย่างไรเสีย ตอนที่เขาถ่ายคลิปวิดีโอสั้นๆ ก็ได้รับความนิยมไม่ใช่น้อย นั่นแปลว่าเขาน่าจะมีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่บ้าง ถ้าอย่างนั้นเขาจะใช้มันเป็นทางเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหม?

เฉินปี้เฉิงฟังที่เฉินนั่วพูดทางโทรศัพท์แล้วคิดว่าลูกชายกำลังฝันกลางวัน

เรื่องนี้ทำให้ทั้งสองทะเลาะกันทางโทรศัพท์

หลังจากนั้น เฉินนั่วกลับบ้านไปคุยกับเฉินปี้เฉิงอีกหลายชั่วโมง

สุดท้ายพ่อลูกต่างโน้มน้าวกันไม่สำเร็จ เฉินนั่วก็ไม่ยื้อต่อ ใช้เงินเก็บที่มี ซื้อตั๋วเครื่องบิน เขียนจดหมายทิ้งไว้ แล้วบินตรงมาปักกิ่ง

อย่างไรก็ตาม ในบัตรยังมีเงินเหลืออยู่หมื่นกว่าหยวน น่าจะพอสำหรับค่าเช่าห้องและค่าเรียนพิเศษ

ยังไม่ทันออกจากสนามบิน โทรศัพท์จากเฉินปี้เฉิงก็ดังขึ้น

ประโยคแรกที่พูดคือ "แกไปปักกิ่งจริงๆ เหรอ?"

เฉินนั่วตอบ "ครับ"

เฉินปี้เฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "ฉันไม่อยากยุ่งกับแกแล้ว!" พูดจบก็วางสายไป

ไม่ถึงนาที โทรศัพท์จากแม่พานเฉิงหรงก็เข้ามา "ลูก ลูกจะไปเรียนสถาบันภาพยนตร์จริงๆ เหรอ?"

ชาติที่แล้ว เฉินนั่วไม่ค่อยถูกกับเฉินปี้เฉิง ทะเลาะกันบ่อย แต่กับแม่นั้นสนิทกันมาตลอด

เขาตอบรับเบาๆ "ครับแม่ ผมตัดสินใจแล้ว อย่าฟังพ่อพูดไปเลย สถาบันภาพยนตร์ไม่ใช่มหา'ลัยเถื่อนนะครับ เขาเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้มาตรฐาน ผมเรียนสี่ปี ก็ได้ปริญญาที่รัฐรับรองเหมือนกัน"

พานเฉิงหรงพูด "ฮ่า ลูกยังไม่รู้จักพ่อลูกดีพอ เขาพูดแรงๆ แบบนั้น จริงๆ แค่อยากให้ลูกกลับมาช่วยงานเขา จะได้สืบทอดกิจการต่อ"

"แม่ครับ ผมไม่อยากสืบทอดอะไรทั้งนั้น ผมแค่อยากเรียนมหาวิทยาลัย"

เฉินนั่วพูดอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ชาติที่แล้วเขาก็ทำอย่างที่พานเฉิงหรงว่า รอสืบทอดกิจการ

สอบมหาวิทยาลัยไม่ติด ก็ไปทำงานที่บริษัทของเฉินปี้เฉิง เป็นลูกคุณหนูที่ไร้จุดหมาย

ฟังดูก็ดีนะ แต่ความจริงล่ะ?

ความจริงก็ดีเหมือนกัน

แต่อยู่ดีๆ นานไป คนก็เสื่อมลงจนหมด

ในบริษัทไม่มีใครเห็นความสำคัญของเขา เฉินปี้เฉิงก็ไม่ให้อำนาจ ทั้งบริษัทไม่มีใครสนใจเขาเลย ถึงเขาจะทำอะไรสำเร็จ คนก็บอกว่าเพราะพ่อนายเก่ง

ตอนแรกเฉินนั่วยังพยายามทำผลงานให้เห็น พิสูจน์ตัวเอง แต่พอโดนกระแทกกระทั้นสองสามครั้ง ก็เลยปล่อยปละละเลย

เงินก็มีใช้ ผู้หญิงก็มีให้จีบ จะดิ้นรนไปทำไม?

จนกระทั่งปี 2008 มาถึง

ตอนนั้นเฉินปี้เฉิงเพิ่งเปลี่ยนจากเจ้าพ่อถ่านหินมาเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

เพิ่งเริ่มต้นก็เกือบล้มละลาย

ธุรกิจกำลังจะพัง เงินเดือนพนักงาน หนี้ธนาคาร เงินผู้รับเหมา ภูเขาทับถมหัวทีละลูก เฉินปี้เฉิงหันไปพึ่งเหล้าทุกวัน หนีความจริง สุดท้ายไปมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับผู้หญิงคนหนึ่ง จนวันหนึ่งพานเฉิงหรงจับได้คาหนังคาเขา

ตอนนั้นพานเฉิงหรงก็กังวลเรื่องอนาคตลูกชายอยู่แล้ว มักบ่นว่าเฉินปี้เฉิงไม่ควรปล่อยให้เฉินนั่วไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย

พอเฉินปี้เฉิงมาก่อเรื่องแบบนี้อีก เธอก็โกรธจัด สองคนจึงหย่าร้างกัน

หลังจากนั้นพานเฉิงหรงก็ย้ายไปฝั่งแปซิฟิก เปิดร้านซักรีดที่แอลเอกับเพื่อนคนหนึ่ง อยู่อย่างเดียวดายมาตลอด

แม้ว่าท้ายที่สุด เฉินปี้เฉิงจะผ่านวิกฤตินั้นมาได้ แต่กระจกที่แตกแล้วก็ต่อกันไม่ติด

ในชาตินี้ เฉินนั่วไม่มีทางปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปแบบเดิมแน่

สอบติดมหาวิทยาลัยคือขั้นตอนแรกในแผนของเขา ขั้นตอนที่สองคือสร้างธุรกิจของตัวเอง

เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อแม่ต้องหย่าร้างและแยกจากกันคนละทิศละทางในปี 2008

พานเฉิงหรงถอนหายใจทางโทรศัพท์ "ลูกกับพ่อนี่เหมือนกันเลย ดื้อเหมือนวัวทั้งคู่ พ่อปากบอกว่าไม่ยุ่ง แต่จริงๆ จัดการทุกอย่างให้ลูกเรียบร้อยแล้ว น้าจางที่ซานซีที่ลูกรู้จักไง? เขาพอดีมีห้องอยู่แถวนั้น พ่อไปเช่าไว้ให้แล้ว แถมยังฝากเรื่องสมัครเรียนพิเศษให้ด้วย ได้ยินว่าเป็นคอร์สการันตีผ่านด้วยนะ"

"เดี๋ยวแม่จะส่งที่อยู่ห้องไปให้ กุญแจไปขอรับที่ฝ่ายจัดการได้เลย บอกชื่อน้าจางก็พอ"

"ส่วนเรื่องเงิน แม่จะโอนให้ห้าหมื่น ประหยัดๆ ใช้นะลูก พ่อคิดว่าลูกทำไม่ได้ แต่แม่เชื่อว่าลูกทำได้ สู้ๆ นะลูก"

เฉินนั่วรู้สึกจุกในอก สุดท้ายก็ตอบหนักๆ ว่า "ครับ รู้แล้ว"

เขานั่งแท็กซี่ไปตามที่อยู่ที่แม่ส่งมา

ปรากฏว่าห้องที่พ่อหาให้อยู่ติดกับสถาบันภาพยนตร์เลย เป็นคอนโดมิเนียมที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ

การรับกุญแจจากฝ่ายจัดการเป็นไปอย่างราบรื่น คงเพราะมีการติดต่อไว้ก่อนแล้ว

ชั้นที่ได้ก็เหมาะสมดี ห้อง 2102 อยู่พ้นระดับฝุ่นควัน แถมยังเป็นอาคารแบบชั้นละสองห้อง ทางเดินโปร่ง กว้างขวาง สว่าง

ประตูเหล็กสีน้ำตาลแดงของห้อง 2102 มีอักษรมงคล "ฟู" แปะอยู่ หน้าประตูมีชั้นวางรองเท้า มีรองเท้าผู้หญิงวางอยู่หลายคู่ ดูเหมือนจะมีคนอยู่มาก่อน

เฉินนั่วลากกระเป๋าเดินทางมาถึงหน้าประตู หยิบกุญแจที่ได้มา

เสียบกุญแจ บิด เปิดประตู ลากกระเป๋าเตรียมก้าวเข้าไป—

"กรี๊ดดด!" เสียงกรีดร้องยาวดังมาจากในห้อง

ปัง!

เฉินนั่วถอยกลับมา ปิดประตูอย่างไม่แสดงอาการใดๆ

เขาจ้องรองเท้าผู้หญิงบนชั้นวาง คิดอยู่สามวินาที

ทำไมถึงมีคนอยู่?

เป็นผู้เช่า หรือว่าญาติน้าจาง?

หน้าอกใหญ่ขนาดนั้น คงไม่ใช่ตัวน้าจางแน่ๆ

แต่เขาก็ไม่อาจโทรถามพ่อได้ ต้องถามเอง

เขาคิดว่าก็ไม่ได้เรื่องใหญ่อะไร แค่เห็นชุดว่ายน้ำนิดหน่อย ถึงจะเป็นกุลสตรีที่รักนวลสงวนตัวแค่ไหน ก็คงไม่ถึงกับเอาชีวิตเขาหรอก

รออยู่ครู่หนึ่ง เฉินนั่วยกมือกดกริ่ง

"ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง"

เสียงรองเท้าแตะดังมาจากในห้อง เสียงผู้หญิงดังผ่านประตูมา ฟังดูระแวดระวังมาก "ใครคะ?"

(จบบทที่ 2)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด