บทที่ 2 หน้าตาดีไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับการหลอกลวง
เมื่อหลินเฟิงเหมียนหลับตาลง แสงสว่างเจิดจ้าพลันเปล่งออกมาจากหยกที่อยู่ในมือของเขา หมอกดำลึกลับปกคลุมร่างของเขาทั้งหมด
เขารู้สึกเหมือนถูกพัดพาไปในแม่น้ำนิลกาฬที่เชี่ยวกราก ไหลทวนกระแสอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปรากฏตัวขึ้นบนชายฝั่งแห่งหนึ่ง
ริมแม่น้ำมีหญิงสาวสวมอาภรณ์ขาวยืนอยู่นับเป็นโฉมงามเลิศล้ำ โดดเด่นราวกับหลุดออกมาจากโลกอื่น
หญิงงามจ้องมองหลินเฟิงเหมียนที่ลอยขึ้นจากน้ำด้วยสายตาเย็นชา คิ้วงามขมวดมุ่นเล็กน้อย
ลั่วเสวี่ยยกกระบี่โบราณในมือขึ้นและกล่าวด้วยเสียงเย็นชา "ปีศาจน้อย เจ้ากลับมาอีกแล้วหรือ!"
แต่ครั้งนี้ชายที่นางเรียกว่าปีศาจน้อยกลับมีท่าทีอ่อนน้อม ผิดไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา เขาประสานมือโค้งคารวะอย่างสุภาพ
"พี่เทพธิดา ขอโปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!"
ลั่วเสวี่ยถึงกับชะงัก นี่มันแผนอะไรอีก?
เมื่อสามเดือนก่อน นางถูกดึงเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ที่นี่มีเพียงแม่น้ำนิลกาฬและความมืดมิดไร้สิ้นสุด และยังมีชายประหลาดตรงหน้า
ชายผู้นี้พอปรากฏตัวก็มองนางไม่ละสายตา เอาแต่พูดเพ้อเจ้อเกี่ยวกับความฝันและความสมจริงของสัมผัส
ที่เลวร้ายที่สุดคือเขาพยายามลวนลามนาง นางจึงฟันเขาด้วยกระบี่จนแหลกสลายและหลุดพ้นจากที่นี่
แต่ไม่นานเขาก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับบ่นเรื่องความไม่ยุติธรรม
ลั่วเสวี่ยรำคาญจนแทบทนไม่ไหว นางจึงฟันเขาด้วยกระบี่ทุกครั้ง และในที่สุดปีศาจน้อยก็หายไป
ใครจะรู้ว่าเขาจะโผล่มาอีกคืนนี้ ทั้งยังรู้จักระวังตัวมากขึ้น
ลั่วเสวี่ยขมวดคิ้วถาม "เจ้าคิดจะเล่นตลกอะไรอีก?"
หลินเฟิงเหมียนไม่สนใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเป็นมารปีศาจหรือเทพธิดา เพราะนี่คือความหวังสุดท้ายของเขา
"ข้าไม่ใช่ปีศาจน้อย ท่านเคยเห็นปีศาจที่ไหนอ่อนแอถึงเพียงนี้"
ลั่วเสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะสิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล
แต่เขาถูกฆ่าแล้วก็ยังกลับมาได้ นั่นไม่ใช่ลักษณะของมารหรอกหรือ?
"เช่นนั้นเจ้าเป็นอะไร ที่นี่คือที่ไหน?"
"ข้าเป็นมนุษย์ ข้าก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ข้าถูกหยกดึงเข้ามา" หลินเฟิงเหมียนรีบอธิบาย
"หยก?" ลั่วเสวี่ยขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"ใช่ เป็นหยกปลาคู่สีน้ำเงินและสีแดงพันเกี่ยวกัน"
ลั่วเสวี่ยถึงกับตกตะลึง เพราะนั่นคือเครื่องรางที่ติดอยู่กับกระบี่เจิ้นหยวนของนาง
นางยกกระบี่ขึ้นดู และพบว่าหยกปลาคู่บนกระบี่หายไปจริงๆ
หรือว่าหยกนี้มีสองชิ้นและสามารถเชื่อมโยงผู้ถือครองทั้งสองได้?
ลั่วเสวี่ยถามด้วยความอยากรู้ "เจ้าเป็นใคร?"
"ข้าชื่อหลินเฟิงเหมียน มาจากแคว้นจ้าวในดินแดนตะวันออก ตอนนี้ข้าเป็นศิษย์ของสำนักเหอฮวน"
ลั่วเสวี่ยอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว "ดินแดนตะวันออก? ที่นั่นอยู่คนละฝั่งแม่น้ำไท่ชวนเทียนเหอกับเสินโจวเลยนะ"
หยกนี้สามารถเชื่อมต่อคนจากดินแดนไกลแสนไกลได้จริงหรือ? น่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก
หลินเฟิงเหมียนเห็นท่าทางลั่วเสวี่ยเริ่มเชื่อก็รู้สึกยินดี รีบกล่าวขอความช่วยเหลือทันที
"พี่เทพธิดาลั่วเสวี่ย ข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ขอท่านโปรดช่วยข้าด้วย!"
ลั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว "ช่วยเจ้า?"
หลินเฟิงเหมียนพยักหน้ารัวๆ จากนั้นก็เล่าเรื่องราวที่เขาเผชิญมาในสำนักเหอฮวนอย่างละเอียด
หลินเฟิงเหมียนโค้งคำนับอย่างลึกซึ้งกล่าวว่า "อีกสามวันข้าก็จะถูกนางมารแห่งสำนักเหอฮวนดูดกลืนพลังหยางจนตาย ขอพี่เทพธิดาช่วยชีวิตข้าด้วยเถิด!"
ลั่วเสวี่ยรีบประคองเขาขึ้นมา "อย่ากังวลไปเลย ข้าผู้เป็นฝ่ายธรรมะจะต้องกำจัดปีศาจและปกป้องประชาชน นี่เป็นหน้าที่ของข้า"
หลินเฟิงเหมียนดีใจจนเนื้อเต้น "พี่เทพธิดาลั่วเสวี่ย รีบพาคนในสำนักฉงฮวาของท่านมาที่นี่ ข้าจะเป็นสายลับให้พวกท่านเอง!"
ลั่วเสวี่ยถามขึ้นว่า "เจ้ารู้ตำแหน่งที่ตั้งของสำนักเหอฮวนไหม? เพราะข้าต้องเดินทางข้ามดินแดนมา"
คำถามของนางเหมือนน้ำเย็นสาดรดหลินเฟิงเหมียน เพราะทั้งสองอยู่ห่างกันคนละทวีป ในสามวันจะเดินทางมาถึงได้อย่างไร?
ถึงตอนนั้นเขาคงกลายเป็นซากศพไปแล้ว
ลั่วเสวี่ยมองเขาอย่างเข้าใจและปลอบโยน "อย่าเพิ่งตกใจ ถ้าสำนักเหอฮวนอยู่ใกล้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามแดน ข้าจะเร่งเดินทางมาให้ทันภายในสามวัน"
หลินเฟิงเหมียนขมวดคิ้วอย่างหนักใจ "ข้าไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอน ข้าต้องกลับไปตรวจสอบก่อน"
ลั่วเสวี่ยพยักหน้า "งั้นเราจะแยกย้ายกันไปตรวจสอบ ข้าจะกลับไปตรวจสอบสำนักในดินแดนตะวันออกเผื่อจะพบตำแหน่งของสำนักเหอฮวน"
หลินเฟิงเหมียนกล่าวขอบคุณหลายครั้ง แต่เขาสังเกตเห็นความตื่นเต้นของลั่วเสวี่ยเหมือนนางพร้อมจะลงมือ
แต่เวลาเร่งรีบเกินกว่าจะคิดมาก พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะใช้หยกปลาคู่ติดต่อกันเมื่อพบข้อมูล
ทว่าทั้งคู่ก็ติดปัญหา เมื่อมองไปยังแม่น้ำนิลกาฬและถามกันว่า "แล้วจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร?"
หลินเฟิงเหมียนกัดฟัน ก้มหน้าพร้อมกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว "เอาเถอะ ฆ่าข้าให้จบเรื่องเถิด!"
และลั่วเสวี่ยก็ไม่ลังเล ปลดปล่อยแสงกระบี่เจิดจ้าฟันลงมา
หลินเฟิงเหมียนสะดุ้งตื่นราวกับหลุดจากฝันร้าย เขายกมือกุมคอและหายใจเฮือกใหญ่
เขาไม่สนใจว่าเป็นกลางดึก รีบออกจากห้องตรงไปยังหอตำราของยอดเขาชิงจิ่ว
หอตำรานี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ศิษย์ชายมีอะไรทำระหว่างรอ และเนื้อหาส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวกับศาสตร์คู่บำเพ็ญ กระตุ้นให้พวกเขามีแรงผลักดันฝึกฝน
หลังจากผ่านตำราภาพคู่รักจำนวนมาก เขาก็พบข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของสำนักเหอฮวน
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือสำนักเหอฮวนไม่ได้อยู่ในดินแดนตะวันออก แต่ตั้งอยู่ในเป่ยหมิง
เมื่อเชื่อมโยงกับช่วงเวลาที่เขาถูกนำตัวมาด้วยเรือเหาะ เขาคาดว่าที่ตั้งของสำนักเหอฮวนน่าจะอยู่ในป่าตงวั่งซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเป่ยหมิงและดินแดนตะวันออก
หลินเฟิงเหมียนหยิบแผนที่ออกมาดูและพบว่ามีค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามแดนอยู่ไม่ไกล
เขาถอนหายใจยาว โล่งอกที่ยังพอมีทางรอด!
อย่างไรก็ตาม เพื่อความมั่นใจ เขาตรวจสอบแผนที่ของสำนักในเสินโจว แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอชื่อสำนักฉงฮวา
หัวใจของเขาหล่นวูบ
"อย่าบอกนะว่า..."
เขารีบเปิดตำรา 'ร้อยสตรีงาม' เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับลั่วเสวี่ยและสำนักฉงฮวา
ในที่สุดเขาก็พบชื่อลั่วเสวี่ยและบันทึกของสำนักฉงฮวา
ถึงแม้ภาพประกอบจะถูกฉีกออกไป แต่ข้อมูลที่เหลือทำให้เขาตกใจจนทำหนังสือตกพื้น
ลั่วเสวี่ย เซียนกระบี่ขั้นสูงสุด อดีตประมุขแห่งสำนักฉงฮวาซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักชั้นยอดของเสินโจว
นางยังได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสี่หญิงงามแห่งเสินโจว กระบี่หนึ่งเดียวที่ส่องประกายเจิดจรัสทั่วเก้าแคว้น
ทว่านางได้หายสาบสูญไปเมื่อหนึ่งพันปีก่อน หลังจากเข้าไปในแดนต้องห้ามแห่งหนึ่งชื่อเจิ้นหยวน
หลินเฟิงเหมียนถึงกับตกตะลึก
"อะไรนะ? สำนักฉงฮวาที่ล่มสลายไปแล้ว?!"
"แล้วเทพธิดาลั่วเสวี่ยที่หายตัวไปหนึ่งพันปี?!"
"นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!"
เขารู้สึกเหมือนโดนหลอกอย่างแรง ผู้หญิงคนนี้แอบอ้างว่าเป็นเซียนกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่แถมยังจะพากองกำลังที่ล่มสลายไปแล้วมาช่วยเขา?
เขาสบถอย่างเหลืออด "ให้ตาย! หลอกข้าชัดๆ!"
"หน้าตาดีแล้วอย่างไร! นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะหลอกข้าได้หรอกนะ!"
หลินเฟิงเหมียนขว้างตำรากลับเข้าชั้นหนังสือด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินกลับไปหานางเพื่อเอาเรื่อง!