บทที่ 18 : กินหมูกระทะ
สองคนนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินเพียงสองสถานีก็มาถึงห้างที่หยางมี่พูดถึง
ห้างแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง สินค้าครบครัน พอมาถึงทั้งคู่ก็ขึ้นไปที่ร้านชุดสูทผู้ชายที่ชั้นสอง
หลังจากเดินดูรอบหนึ่ง หยางมี่ดึงแขนเสื้อเฉินนั่ว ถามอย่างระแวง "นายเตรียมเงินมาเท่าไหร่? ของที่นี่แพงทั้งนั้นเลย เปลี่ยนที่ดีไหม?"
เฉินนั่วมีเงินในบัตรเกือบ 40,000 หยวน ครั้งนี้ตั้งงบซื้อเสื้อผ้าไว้ไม่เกิน 5,000 เดินดูรอบหนึ่งก็พอจะรู้ว่าซื้อชุดสูทธรรมดาๆ น่าจะพอ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่บอกว่า "มาถึงแล้ว ลองเข้าไปดูก่อนไหม?"
หยางมี่กลอกตาไปมา มองสำรวจเขา "งั้น... ลองดูก็ได้?"
สุดท้ายทั้งคู่เลือกเข้าร้านที่ดูไม่หรูหราจนเกินไป พนักงานขายต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ไม่ได้ดูถูกที่ทั้งคู่อายุน้อย เฉินนั่วสนใจชุดสูทสีเหลืองอ่อนที่ดูสดใส แต่หยางมี่คัดค้านเด็ดขาด ยืนยันให้เขาลองชุดสีดำ
เมื่อเฉินนั่วเดินออกมาจากห้องลองเสื้อในชุดสูทเข้ารูปที่มีรอยทับจีบกางเกงตรงเป๊ะ พนักงานขายอดไม่ได้ที่จะพูดกับหยางมี่ "แฟนเธอหล่อมากเลย หล่อยิ่งกว่าฮานาซาวะรุยอีก"
หยางมี่ยิ้ม "เขาไม่ใช่แฟนฉันหรอก แต่ฉันว่าเขาเป็นสไตล์เดียวกับโดมินจิมากกว่า"
"โดมินจิที่ไหนจะหล่อเท่าเขา หน้ายาวกว่าตั้งเยอะ"
"จริงด้วย"
เฉินนั่วเดินเข้ามาใกล้ เห็นหยางมี่กับพี่พนักงานคุยอะไรกันไม่รู้ สีหน้าประหลาด จึงถามว่า "คุยอะไรกันจ๊ะ สนุกจัง"
หยางมี่ตอบ "คุยเรื่องรักโรแมนติก นายชอบฮานาซาวะรุยหรือโดมินจิมากกว่ากัน?"
"ไม่ชอบทั้งคู่" เฉินนั่วเดินไปที่กระจก มองซ้ายมองขวา รู้สึกว่าธรรมดาไปหน่อย จึงถามหยางมี่ "ดูแก่ไปไหม?"
หยางมี่ขมวดคิ้ว "นายเข้าใจคำว่าแก่ผิดหรือเปล่า? ฉันว่าดูดีนะ"
"ใช่ค่ะ หนุ่มหล่อ ใส่ชุดนี้ออกไปรับรอง ร้อยคนหันมามองเก้าสิบเก้าคนแน่นอนค่ะ" พนักงานขายสาวพูดสำเนียงกวางตุ้งนิดๆ พลางพูดต่อเสียงดัง "หนูว่าคุณใส่ชุดนี้เหมือนดาราเลยนะคะ ถ่ายหนังก็ได้ ทุกคนบอกว่าตู้เสื้อผ้าผู้ชายต้องมีสูทดีๆ สักชุด หนุ่มหล่อ ชุดนี้แหละเหมาะกับคุณที่สุด แถมห้างเพิ่งเปิด มีโปรโมชั่นด้วย ซื้อครบ 999 หยวน ลด 20 หยวนคุ้มมากค่ะ"
หยางมี่ร้องขึ้น "คุ้มตรงไหนล่ะ ลดแค่ 20 หยวน!"
พนักงานตอบ "999 ลด 20 แต่ถ้า 2 ชิ้น 999 ก็ลดได้ 40 นะคะ เดี๋ยวดูราคาชุดนี้ก่อน อ๋อ 5,999 หยวนลดได้ 120 หยวนเลยค่ะ 120 เยอะนะคะ"
หยางมี่ส่ายหน้า "ไม่เยอะหรอก ไม่เยอะ"
ขณะที่หยางมี่กับพนักงานต่อรองกันอยู่นั้น เฉินนั่วมองตัวเองในกระจกไปมา รู้สึกว่าก็ใช้ได้ เขาก็ขี้เกียจเดินหาที่อื่นแล้ว จึงพูดว่า "เอาชุดนี้แหละ ช่วยห่อให้หน่อย"
หยางมี่หันมา ตาโต "หา? ซื้อจริงเหรอ?"
แล้วจะทำไมล่ะ? นี่เธอคิดว่าฉันเข้ามาลองเล่นหรือไง?
ถึงจะเกินงบนิดหน่อย แต่เฉินนั่วคิดว่ายังพอรับได้ อย่างน้อยก็ยังมีส่วนลด
สองคนซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ตั้งใจจะหาที่กินข้าวในห้างนี่แหละ เดินไปเดินมา หยางมี่พูดขึ้นมาว่า "เฉินนั่ว บ้านนายรวยใช่ไหม?"
"ก็พอมีพอกินนะ"
"เหอะ ซื้อชุดเดียวตั้ง 6,000 ไม่ใช่เศรษฐีก็แปลก ฉันน่าจะเดาได้ตั้งนานแล้ว ลุงจางรวยขนาดนั้น บ้านนายก็ต้องรวยแน่ๆ!"
"ไม่เหมือนกันหรอก"
"ต่างตรงไหน อ๋อ นายกำลังแสดงเป็นคุณชายจนๆ หรือไง? จริงๆ ไม่ต้องแสดงหรอก ถ้านายเป็นคุณชายจริงๆ ไม่ต้องแกล้งจน ฉันก็ไม่มีปัญหา"
เฉินนั่วรู้สึกมาตลอดว่าความสัมพันธ์กับหยางมี่ค่อนข้างอึดอัด ช่วงที่เธอไม่ได้อยู่ที่นี่นานขนาดนั้น เขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่เธอบอกว่าออกไปทำงาน น่าจะเป็นเพราะเธอรู้สึกเสียหน้า คิดว่าการอยู่ห้องเดียวกับเขามันอึดอัด
วันนี้ที่เขาชวนเธอออกมาช่วยซื้อเสื้อผ้า จริงๆ แล้วก็แค่อยากใช้โอกาสนี้ชวนเธอกินข้าว เป็นการสานต่อความสัมพันธ์หลังจากที่ซ้อมร้องเพลงด้วยกัน เพื่อช่วยลดความอึดอัดระหว่างกัน
ตอนนี้เฉินนั่วรู้สึกว่าบทสนทนาระหว่างพวกเขาเป็นธรรมชาติกว่าเดิมมาก เพราะหยางมี่เริ่มพูดล้อเล่นแล้ว
เฉินนั่วอดยิ้มไม่ได้ "เอาง่ายๆ งั้นฉันไม่แกล้งแล้ว เปิดไพ่เลย ฉันเป็นเศรษฐี ไปกันเถอะ เศรษฐีเลี้ยงข้าว"
"ได้ งั้นฉันก็ไม่เกรงใจคุณชายแล้วนะ"
สองคนพูดคุยหัวเราะกันมาถึงชั้นร้านอาหาร เฉินนั่วเลือกร้านหมูกระทะที่หน้าร้านดูดี พาหยางมี่เข้าไป
พูดว่าจะกินแบบเศรษฐี แต่พอนั่งลงแล้ว หยางมี่ก็ใจอ่อน มองราคาในเมนู แลบลิ้น กระซิบบอกเฉินนั่ว "ว้าว แพงจัง จะกินที่นี่จริงๆ เหรอ?"
"ไม่เป็นไร กินเถอะ"
หยางมี่ดูมีความสุขมาก พลิกเมนูดูไปมาหลายรอบ สุดท้ายสั่งเนื้อสองอย่าง เลือกระดับราคาถูกที่สุด
เฉินนั่วสั่งเนื้อระดับแพงที่สุดหลายอย่าง แล้วเรียกพนักงานมารับออเดอร์
ระหว่างรอ หยางมี่จิบน้ำชาร้อนทีละนิด ถามขึ้น "เออ ฉันยังไม่ได้ถามเลย นายไม่สอบสถาบันภาพยนตร์แล้วเหรอ?"
"สอบสิ"
"แล้วนายจะไปไหน? ทำไมต้องซื้อสูทแพงขนาดนี้ด้วย?"
เฉินนั่วตอบตามตรง "ไปทดสอบหน่อย จะถ่ายหนัง"
"หนัง?" หยางมี่เผลอเสียงดัง เธอสะดุ้งกับเสียงตัวเอง รีบมองซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีใครสนใจ จึงรีบถามต่ออย่างร้อนรน "หนังอะไรเหรอ?"
"ยังไม่รู้เลย อาจารย์ที่สถาบันแนะนำมา บอกว่าเป็นผู้กำกับจากฮ่องกง"
"ฮ่องกง?" เสียงหยางมี่ดังกว่าเดิม "จริงเหรอ!?"
"เฮ้ย ยังไม่มีอะไรแน่นอนเลย แค่ให้ไปให้เขาดูตัวเฉยๆ แถมก็แค่ตัวประกอบเล็กๆ"
หยางมี่ทำปากยื่น "นั่นก็เก่งแล้วนะ ผมที่โกนนี่ โกนเพราะถ่ายหนังจริงๆ เหรอ?"
"ใช่"
"หนังแนวไหน? ย้อนยุค?"
"เปล่า แค่หนังร่วมสมัยธรรมดา รุ่นพี่จากสถาบันภาพยนตร์เป็นผู้กำกับ ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไรดีในตัวฉัน งบน้อย ถ่ายแถวปักกิ่งนี่แหละ แค่เดือนกว่าๆ"
"อ๋อ" หยางมี่พยักหน้า สีหน้าบอกไม่ถูกว่าโล่งใจหรือผิดหวัง "ฉันนึกว่า... ช่างเถอะ เราสู้ด้วยกันนะ สักวันเราต้องได้เล่นหนังผู้กำกับใหญ่ๆ นายเป็นพระเอก ฉันเป็นนางเอก! ไม่ว่าจะจางอี้โหมว เฉินไคเก๋อ หรือพวกฮ่องกงอย่างหว่องกาไว เฉินเหว่ยเฉียว สุยเฮ่า เราต้องได้เล่นให้ครบทุกคน!"
"ได้เลย!"
ตอนนั้นเนื้อมาเสิร์ฟพอดี ดูท่าหยางมี่จะหิวจริงๆ เธอไม่พูดอะไรอีก ทั้งปิ้งทั้งกิน แทบไม่ได้วางตะเกียบเลย เนื้อวากิวที่นี่ค่อนข้างดี ละลายในปาก นุ่มฉ่ำ เฉินนั่วถึงจะไม่หิว ก็อดไม่ได้ที่จะกินไปหลายชิ้น สุดท้ายจานเนื้อหลายจาน แทบจะเป็นหยางมี่คนเดียวที่จัดการหมด จากนี้ก็พิสูจน์ได้ว่า บางอย่างต้องกินเนื้อถึงจะโต
ตอนคิดเงิน สองคนกินไป 600 กว่า พอหยางมี่ได้ยินตัวเลข หน้าก็แดงนิดๆ พอออกมาจึงบอกเฉินนั่ว "ถ้าวันหลังฉันดังแล้วได้เงินเยอะๆ จะเลี้ยงนายกินดีกว่านี้แน่"
เฉินนั่วยิ้ม "สัญญานะ"
(จบบทที่ 18)